บทที่ 267
บทที่ 267

ไม่มีใครรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เช่นเดียวกับชัวน่าที่จำได้ราง ๆ แต่ยังนึกไม่ออก ..ก่อนที่จู่ ๆ นางจะย้อนนึกไปถึงงานเลี้ยงที่วังเบสซ่า ทำให้ทราบว่าชายคนนี้คือก็ลูกชายคนโตของอัลเดน พาเวล นามอัลเดน ริกกี้

ซึ่งเหตุที่ชัวน่าจำได้ ก็เป็นเพราะนางมีความรู้สึกดีให้กับเขา ทว่ามันก็ไม่ใช่ในฐานะเจ้าชายและความหล่อ แต่เป็นเพราะพาเวลนั้นสุภาพและถ่อมตัว

พาเวลจับมือชัวน่าแล้วก้มหน้าไปจูบที่หลังฝ่ามือ “องค์หญิงชัวน่าลำบากมามากแล้ว รีบตามข้ากลับไปที่วังเถิด เสด็จข้าได้เตรียมงานเลี้ยงรับรองเอาไว้แล้ว”

“เยี่ยมเลย !” ชัวน่ารีบกล่าวทันที

แม้ว่าทั้งสองจะพูดจานอบน้อมให้แก่กัน แต่ถังหยินก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นสายตาของพาเวลที่มีต่อชัวน่า

ในเวลานี้พาเวลเดินเข้ามาหาถังหยิน ก่อนที่เขาจะต้องตกตะลึงกับดวงตาของอีกฝ่ายที่เจิดจ้ามากผิดกับชุดที่สวมใส่อยู่ซึ่งธรรมดาเกินไป ทำให้พาเวลรู้สึกว่าชายคนนี้มีความแปลกประหลาดอย่างยิ่ง “องค์หญิง ชายคนนี้คือ ?”

“เขาคือถังหยินยังไงล่ะ !”

เมื่อได้ยินแบบนั้น พาเวลก็พลันสูดหายใจเข้าลึกด้วยความตะลึงที่พบว่าถังหยินแตกต่างจากที่เขาคิดไว้มากทีเดียว

คราที่ถังหยินเคยมารบที่เบสซ่า ชาวเบสซ่าก็กล่าวไว้ว่าชายหนุ่มนั้นเหมือนกับปีศาจที่โหดร้ายเลือดเย็นฆ่าคนได้อย่างไร้ปราณี แต่ที่เขาเห็นในตอนนี้ มันไม่ใช่เลย !!

พาเวลเดินเข้าไปหาแล้วทักทาย “ข้าจำไม่ได้ว่าท่านคือแม่ทัพถัง หวังว่าท่านจะไม่โกรธกันนะ”

ในเมื่ออีกฝ่ายน้อบน้อมแบบนี้ ถังหยินก็คงจะล่วงเกินไม่ได้แล้ว และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็เป็นฝ่ายที่มาร้องขอด้วยแล้ว ดังนั้นถังหยินจึงลงจากม้าแล้วบอกกล่าว “ฝ่าบาทก็กล่าวเกินไป ข้านี่แหละที่รบกวนให้ท่านออกมาต้อนรับ ข้าต้องขออภัยจริง ๆ”

ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่ในใจถังหยินก็รู้ดีกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ให้ต้อนรับเขาเหมือนกับชัวน่า

พาเวลไม่คิดว่าถังหยินจะพูดภาษาพวกตนคล่องแบบนี้ จึงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “แม่ทัพถังตามข้ามาได้เลย”

“รบกวนด้วยฝ่าบาท”

ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสุภาพระหว่างที่เดินไปด้วย ปล่อยให้กองทัพของพวกเขาเดินตามหลังเข้าไปในเมือง

มีบ้านสูงไม่กี่แห่งในเมืองดูกี ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ทำจากดินที่ตากแห้ง และที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าที่นี่ไม่ค่อยมีความเจริญรุ่งเรืองมากนัก ผนวกกับพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นทะเลทราย เลยทำให้หาก้อนหินสำหรับก่อสร้างได้ยาก

และก็เพราะเมืองนี้มีผู้คนมากมาย ผิดกับภูมิศาสตร์ที่ค่อนข้างแห้งแล้ง เลยทำให้พวกเขาต้องพึ่งพาการติดต่อจากต่างชาติเพียงอย่างเดียวเท่านั้น !

ราชวังของรัฐดูกีดูสวยงามกว่าบ้านหลังอื่นทั่วไป ด้วยมันเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งความสวยงามของมันก็เทียบเท่าวังของเบสซ่าเลยก็ว่าได้ !

และที่ด้านนอกเขตวังนี่เอง มันก็มีกระทรวงและกรมต่าง ๆ มากมายตั้งเรียงกันไป ซึ่งเมื่อเห็นว่าพวกถังหยินเข้ามา เหล่าขุนนางก็รีบเข้ามาทำความเคารพพวกชัวน่าก่อนจะหันมาสนใจชายหนุ่ม

ถังหยินไม่ได้ติดใจอะไรมาก ด้วยยังไงเสียที่นี่ก็เป็นพื้นที่ของพวกมอร์ฟีส ทำให้การที่ตำแหน่งของพาเวลและชัวน่าสูงกว่าเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว

…หลังจากเดินเข้าไปจนถึงภายในห้องโถงหลัก ชายหนุ่มก็ได้พบกับราชาแห่งรัฐดูกี อัลเดน อัลเลน ริกกี้

อัลเดนคือชายในวัย 40 ปี แต่หน้าตาของเขากลับดูแก่กว่านั้นมาก ผมของเขาขาว และขอบตาก็ลึกเกินกว่าวัย

เขามองถังหยินตั้งแต่ที่เข้าประตูวังมาแล้ว ก่อนจะยิ้มให้กับชัวน่า “ทะเลทรายมันอันตรายมาก แต่ท่านกลับพาทหารมาน้อยยิ่งนัก ถ้าเกิดอะไรขึ้น ท่านคนีสคงได้บ่นข้าแน่”

ดูกีและเบสซ่าอยู่ในสมาพันธรัฐเดียวกัน ดังนั้นแล้วตำแหน่งราชาของพวกเขา 2 คนก็เป็นดั่งบ้านพี่เมืองน้องกัน

ชัวน่ากล่าว “ลุงอัลก็พูดเกินไป ข้ารู้จักดูแลตัวเองน่า”

อัลเดนพยักหน้าให้แล้วหันไปยิ้มให้ถังหยินอย่างจอมปลอม “เจ้าคือแม่ทัพถังสินะ ?”

“ถูกต้อง ข้าน้อยขอกล่าวทักทายท่าน” เขาทำความเคารพตามแบบของพวกมอร์ฟีส

“เจ้าจะมายืมเส้นทางของข้าสินะ แล้วก็อะไรนะ.. อืมม คิดจะทหารจากข้าด้วยสินะ ?”

ถังหยินรู้สึกแอบโกรธในใจทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น

“เท่าที่ข้ารู้คือตอนนี้ประตูตงกำลังถูกพวกหนิงยึดครองอยู่”

“ก็แค่ชั่วคราว ถ้ากองทัพของเราเข้าโจมตีมันก็เปลี่ยนมือแล้ว”

“จากนั้นล่ะ ?” อัลเดนถามต่อ

“อะไรคือ จากนั้น ?” ถังหยินไม่เข้าใจ

“ถ้าเจ้าได้ประตูตงแล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อ ?”

ถังหยินกะพริบตาแล้วมองอัลเดนที่มีสีหน้านิ่งเฉย เขาไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงถามแบบนี้ ..ดูเหมือนว่าตาแก่นี่จะร้ายใช่เล่น ! “แน่นอนว่าถ้าเรายึดประตูตงได้ เราก็จะทำการตัดทางหนีพวกหนิงแล้วบดขยี้พวกมันในเขตของพวกเราเอง !”

ได้ยินแบบนั้นอัลเดนก็เอนหลังพิงพนัก “ถ้างั้นแล้วทำไมข้าต้องช่วยเจ้า ? ถ้าเราช่วยเจ้า มันก็มีความเสี่ยงที่พวกหนิงจะเข้ามาโจมตีของข้า และการที่เจ้าจัดการพวกหนิงได้ ข้าก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรด้วยเลย !”

ชัวน่าที่อยู่ข้าง ๆ ก็ได้แต่ตะลึงกับท่าทีดังกล่าว ด้วยเพราะนางไม่คิดว่าบทสนทนาจะกลายมาเป็นเช่นนี้ “ลุงอัล…”

“ชัวน่า เงียบก่อน นี่เป็นเรื่องของข้ากับแม่ทัพถัง”

ถังหยินช่วยยกมือห้ามอีกแรง ด้วยเขาเองก็ไม่ต้องการให้นางมาช่วยพูดเหมือนกัน เพราะนี่เป็นเรื่องระหว่างเขากับราชาอัลเดนเท่านั้น

เขาครุ่นคิดและยิ้มให้ “แน่นอน ว่าข้าจะให้ผลประโยชน์กับท่านด้วย ข้าไม่คิดให้ท่านเสียกำลังพลโดยเปล่าประโยชน์หรอก”

อัลเดนส่ายหัว “เงินทองมันก็ดีอยู่ แต่ของแบบนั้นมันขวางทางพวกหนิงไม่ได้หรอกนะ”

เขาพยายามบอกว่าต่อให้ถังหยินพร้อมจะจ่ายหนักแค่ไหนก็ไม่อาจช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ และถ้าหากพวกหนิงบุกมาจริง งั้นแล้วพวกเขาก็จะพ่ายแพ้เป็นแน่แล้ว

เมื่อได้ยินแบบนั้น ถังหยินก็พลันเปล่งแสงสีเขียวออกมาจากดวงตาพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารออกมา

ซึ่งมันก็รุนแรงมากจนทุกคนสัมผัสได้ และไม่ต้องพูดถึงอัลเดนเลยเพราะแม้แต่พวกขุนนางทั้งหลายก็สัมผัสมันได้เช่นกัน ทำให้ทุกคนพากันตกตะลึงและหันมองถังหยินด้วยสายตาไม่เชื่อใจ ก่อนที่จิตสังหารจะหายไป “ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน ? ไหนท่านบอกว่าจะช่วยไงเล่า ?”

เมื่อแรงกดดันที่ว่าหายไป อัลเดนก็พลันถอนหายใจอย่างโล่งอก เช่นเดียวกับที่ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มคนนี้มาเพื่อการใด “แน่นอนว่าไม่ ถ้าหากเจ้าไม่ยอมทำตามเงื่อนไขของข้าเสียก่อน”

“เงื่อนไขอะไร ?”

“หลังจากที่เจ้ากำจัดพวกหนิงในเขตของเจ้าแล้ว เจ้าจะต้องนำทหารเข้าตีทางทิศตะวันตกของพวกหนิงทันที แล้วมันก็มีแต่แบบนี้เท่านั้น ที่ข้าจะให้เจ้ายืมกำลังทหารได้ !”

ถังหยินครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนจะย้อนนึกถึงข้อมูลที่ตัวเองได้มา ว่าพวกดูกีไม่ได้สนใจจะทำสงครามกับพวกหนิงเลยด้วยซ้ำ จนพานให้ชายหนุ่มสงสัยว่าแล้วอีกฝ่ายจะให้ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน ?

อัลเดนอธิบาย “ถ้าเจ้ากดดันพวกหนิงหรือว่าจัดการพวกมันได้ พวกมันก็จะตามล้างแค้นเจ้าที่เป็นคนยืมทหารและถนนเส้นทางจากข้า แทนที่จะเป็นพวกข้า”

…ที่แท้ก็เป็นแบบนี้