บทที่ 268
บทที่ 268

ถังหยินกล่าว “ข้ารับข้อเสนอของท่านได้ แต่ข้าขอฟังเหตุผลได้หรือไม่ว่าทำไมท่านถึงอยากให้พวกเราเข้าโจมตีดินแดนของพวกหนิง ?”

อัลเดนจ้องมองเขาสักพักแล้วพูดขึ้น “อย่างที่ข้าได้บอกไป เมื่อเจ้าเข้าจัดการพวกหนิง พวกเจ้าก็จะหันหลังกลับมาไม่ได้อีกแล้ว”

“ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามข้าเลยนะ องค์ราชา”

อัลเดนสูดหายใจแล้วส่ายหัวให้ ด้วยเขาไม่คิดว่าชายหนุ่มจะซักไซ้มากถึงขนาดนี้ ก่อนที่จะคิดว่ายังไงเสียสักวันหนึ่งถังหยินก็ต้องรับรู้ความจริงเบื้องหลังอยู่แล้ว ดังนั้นให้รับรู้ตอนนี้ไปเลยเสียก็น่าจะดีกว่า

ราชาแก่พยักหน้าให้ “เจ้าฉลาดมาก จริง ๆ แล้วข้านั้นมีอีกเหตุผลหนึ่งซ่อนอยู่”

“นั่นคือ ?”

“เพื่อ เทีย !” อัลเดนเน้นย้ำคำต่อคำ

“เทีย ?” ถังหยินรู้สึกคุ้นชื่อนี้มากแต่ก็นึกไม่ออก จึงเป็นชัวน่าที่เข้ามาอธิบายให้เขาฟัง

“ข้าได้ยินมาว่าเทียอยู่ทางตะวันตกของพวกหนิงและมีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาด้วย”

อย่างนี้นี่เอง ถังหยินพอจะเดาได้แล้ว แต่เขายังต้องการที่จะถามออกไปอยู่ “แล้วท่านต้องการให้ข้าทำอย่างไรกับที่นั่นกัน ?”

“ความสัมพันธ์ระหว่างสองดินแดนนี้มันแน่นแฟ้นเกินไป และข้าไม่ชอบใจที่มันเป็นเช่นนั้น”

ถึงปากอัลเดนจะกล่าวแบบนั้น แต่จริง ๆ แล้วเขาอยากจะบอกว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้กลัวพวกหนิงนักหรอก ด้วยแม้ว่าพวกหนิงจะเก่งกาจแต่ก็คุ้นชินกับสมรภูมิที่ราบเท่านั้น ถ้าหากมารบกันในทะเลทราย รับรองว่าไม่เหลือแน่

ส่วนเหตุผลที่แท้จริง ก็คือว่าเขานั้นต้องการรัฐเทียที่อยู่ตรงนั้น และถึงแม้พื้นที่ของเทียจะไม่ใหญ่มากและมีประชากรน้อย แต่ที่นั่นก็มีอารยธรรมและทรัพยากรที่มากมายล้ำหน้ากว่าทุกคนที่นี่ ทำให้ในสายตาของอัลเดล เทียก็เหมือนกับขุมทอง !

ดูกีเองก็มีความสัมพันธ์อันดีกับพวกหนิง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจผิดใจกันได้อย่างเปิดเผย

รัฐเทียมีเทคโนโลยีและระดับอารยธรรมที่สูงกว่าพวกหนิง ซึ่งพวกหนิงก็รับเทคนิคกับเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาในแคว้น โดยแลกกับการที่พวกหนิงจะให้ความคุ้มครองทางการทหาร !

ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางด้านการกสิกรรม อุตสาหกรรม และการประดิษฐ์ เกือบทุกอย่างนั่นก็ล้วนมาจากรัฐเทียเล็ก ๆ แห่งนี้ทั้งสิ้น ! เช่นเดียวกับกองทัพอันใหญ่โตที่สวมเกราะเหล็กกล้าที่พวกเขาก็ได้รับเทคนิคการตีเหล็กกล้ามาจากที่แห่งนี้ จนทำให้พวกหนิงมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ไกลกว่าชาติอื่นโดยรอบ

และก็เพราะเทคโนโลยีของเทียที่ทำให้พวกหนิงเก่งกาจนี่เอง ที่ทำให้การคุ้มครองทางการทหารของพวกหนิงมีความน่าเกรงขามขึ้นไปอีก จนพานให้ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยว และกลายเป็นการบีบทางอ้อมให้ดูกีทำได้แต่สอดแนมเพียงอย่างเดียว

นี่เป็นการสร้างโอกาสในการรุกรานเทียของอัลเดน นอกจากนี้ก็เพื่อทดสอบกำลังทหารของถังหยินด้วยว่าเขาจะเป็นกำลังเสริมให้ดูกียามตกยากได้หรือไม่

…นั่นคือเป้าหมายที่แท้จริงของอัลเดน

และเมื่อถังหยินถามลึกเข้าไปอีก องค์ราชาก็ไม่คิดจะปิดความจริงเอาไว้ “ข้ารู้สถานการณ์ของเจ้าดี หลังจากที่เจ้าจัดการซ่งเทียนได้แล้ว เจ้าก็จะใช้อำนาจที่มีเพื่อรุกรานพวกหนิง และถ้าหากพวกเจ้าเก่งกาจมากพอที่จะต้านทานพวกมันไว้ได้ ข้าก็จะส่งกองทัพดูกีเข้าไปช่วย ซึ่งหลังจากที่ข้าช่วยเจ้าจัดการพวกหนิงในแคว้นของเจ้าแล้ว เจ้าเองก็ต้องช่วยข้าจัดการกับรัฐเทียด้วย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกัน …เจ้าว่าดีหรือไม่ ?”

เมื่อซ่งเทียนถูกกำจัดลงแล้ว ถังหยินก็คงจะกลายเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในแคว้นเฟิง ซึ่งก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการร่วมมือกับดูกีเพื่อจัดการหนิงและเทียลงนั้นจะมีก็แต่ประโยชน์ ไม่มีข้อเสียเลยสักข้อ !

ถังหยินพยักหน้าให้ “ข้ายอมรับเงื่อนไขของท่าน เมื่อข้าจัดการพวกหนิงได้แล้ว ข้าจะมุ่งหน้าไปยังเทียทันที”

อัลเดนลุกขึ้นจากบัลลังก์แล้วยิ้มให้ “ข้าอยากรู้จริงว่าหลังจากที่แม่ทัพถังยึดประตูตงได้แล้ว จะใช้เวลานานเท่าไหร่ในการจัดการพวกกบฏ ?”

เขาอยากจะรู้ถึงกำลังความสามารถของกองทัพถังหยิน

ชายหนุ่มยิ้มให้อย่างมั่นใจ “ไม่นานเกิน 3 เดือน เร็วที่สุดคือ 1 เดือน”

“เร็วมาก !” อัลเดนตะลึง ด้วยตัวเขานั้นรู้ดีว่ากองทัพหนิงบวกกับซ่งเทียนมีกำลังกันเกือบแสนนายได้ และถ้าถังหยินสามารถปราบพวกนี้ลงได้ภายในเวลา 3 เดือน งั้นแล้วมันก็แสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มจะต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน ! “ทำไมเจ้าถึงมั่นใจได้ขนาดนั้นกัน ?”

ถังหยินยิ้มออกมา ด้วยเขารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการจะทดสอบ “กองทัพเฟิงของข้ามีกำลังทหารเกือบถึงล้านนาย ตำแหน่งแม่ทัพเองก็ล้นเหลือ กับเหล่ากุนซือที่มีมากหลาย และตราบเท่าที่พวกเราล้อมพวกหนิงไว้ได้ พวกมันก็ไม่ต่างอะไรจากลูกไก่ในกำมือ !”

“งั้นหรือ ในเมื่อพูดแบบนี้ งั้นแล้วข้าก็ชักจะสงสัยขึ้นมาแล้ว ว่าแม่ทัพที่เก่งกาจของเจ้าเป็นใครกัน ?” อัลเดนชินชากับคำพูดน่าเหลือเชื่อของถังหยินแล้ว ดังนั้นจึงถามหยอกออกไป

ชายหนุ่มคิดไม่ทัน ดังนั้นเขาจึงชี้นิ้วไปยังหยวนยู่แก้ขัดไปก่อน “ถ้าหากเขาคนนี้เข้าปะทะกับศัตรูได้เมื่อไหร่ พวกศัตรูจะต้องตายกันหลายหมื่นแสนนายแน่นอน !”

คำพูดที่แสดงถึงความเย่อหยิ่งขั้นบัดซบเช่นนี้ยากนักที่จะยอมรับได้ ทำให้อัลเดนกับพวกขุนนางพากันพูดคุยซุบซิบกันดังก้อง จนกระทั่งเป็นแม่ทัพดูกีนายหนึ่งที่เดินออกมา “ฝ่าบาท ให้ข้าได้ทดสอบพลังของแม่ทัพแคว้นเฟิงนายนี้ด้วยเถิด”

อัลเดนอยากจะตอบรับข้อเสนอนี้ แต่เขาก็ติดใจอยู่บางอย่าง ดังนั้นจึงได้หันไปถามถังหยิน “แม่ทัพถังคิดว่าไง ?”

“ข้าว่ามันคงไม่ดีเท่าใดนักฝ่าบาท” ถังหยินหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา

“อะไรกัน ? แม่ทัพถังไม่กล้างั้นหรือ ?”

“ข้าหมายถึงถ้าข้ากลัวว่าคนของข้าจะเผลอพลั้งมือทำร้ายเจ้าจนบาดเจ็บหนัก และถ้าเป็นแบบนั้น มันก็คงจะไม่ดีแน่” ถังหยินตอบกลับ

เมื่อแม่ทัพดูกีนายนั้นได้ยินเช่นนี้ก็หงุดหงิดทันที ก่อนที่มือของเขาจะเอื้อมไปกุมที่ด้ามดาบแล้วมองไปยังอัลเดนเพื่อเป็นการขออนุญาติ

ในเมื่อถังหยินพูดออกมาแบบนั้น อัลเดนเองก็ชักอยากรู้เหมือนกันว่าสิ่งที่เขาพูดมาเป็นความจริงหรือไม่ ดังนั้นองค์ราชาจึงได้พยักหน้าให้ “ในเมื่อเป็นแบบนั้น งั้นบลัดเลย์ เจ้าก็จงไปประลองกับเขาเสีย”

“ขอรับฝ่าบาท” บลัดเลย์เดินเข้าไปหาหยวนยู่

ชายเลือดร้อนไม่เข้าใจภาษาต่างแดนนี้ ดังนั้นเมื่อเห็นพวกขุนนางของรัฐดูกีกำลังมองมาที่ตน มันทำให้หัวใจของเขาเต้นด้วยความสับสน ก่อนจะเป็นถังหยินที่เดินเข้ามาอธิบาย “หยวนยู่ เจ้าจะต้องประลองกับเขา ข้าอนุญาตให้ใช้พลังเต็มที่ได้ แต่อย่าทำให้เขาตายล่ะ”

หยวนยู่ยิ้มออกมา “อย่ากังวลไปนายท่าน”

จากนั้นก็เป็นชายเลือดร้อนที่เดินเข้าไปหาบลัดเลย์ “หมอนี่นะหรือคือคนที่ข้าจะต้องประลองด้วย ?”

ถังหยินพยักหน้าให้

หยวนยู่ถอยออกมาห่างจากบลัดเลย์ แล้วจึงตะโกนบอกโดยไม่ชักอาวุธออกมา “เข้ามาเลย !”

บลัดเลย์ไม่เข้าใจภาษาของพวกเฟิง แต่ดูจากสีหน้าก็เดาได้ว่ากำลังโดนดูถูกอยู่ ดังนั้นเขาจึงชักดาบออกมาแล้วแทงออกไปทันทีโดยไม่รีรอ !

หยวนยู่เรียกเกราะปราณออกมาคลุมมือของเขาเอาไว้แล้วชกสวนกลับไป

เคร้ง !

เสียงโลหะกระทบกัน ก่อนตามมาด้วยแรงกระแทกจนผลักพวกเขาออกมาไกลพอควร ซึ่งมันก็ทำให้บลัดเลย์เกือบจะทำดาบหลุดมือ

บ้าเอ้ย ! เก่งชะมัด ! หยวนยู่ออกหมัดแค่ครั้งเดียวก็ทำให้บลัดเลย์หวาดกลัวได้แล้ว แถมยังทำให้ทุกคนตะลึงจนต้องอ้าปากค้าง

พวกแม่ทัพทั้งหลายพากันใช้วิชาเนตรทิพย์เพื่อตรวจสอบระดับของหยวนยู่ดู ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาต้องตกใจเมื่อพบว่าระดับของอีกฝ่ายสูงเกินกว่าที่จะตรวจสอบได้ !!

ในเวลานี้พวกแม่ทัพต่างก็ตะลึงกันหมด

ส่วนหยวนยู่ หลังจากที่ปัดดาบออกได้แล้ว เขาก็พลันพุ่งเข้าไปหาบลัดเลย์แล้วตบเข้าที่หน้าของอีกฝ่าย

บลีดเลย์กลัวจนหน้าซีด ก่อนจะเผลอร้องออกมาในขณะที่เรียกเกราะปราณมาป้องกัน

การต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้บลัดเลย์ต้องใช้อาวุธกับเกราะปราณเต็มที่ ในขณะที่หยวนยู่ไม่ต้องทำอะไรแบบนั้น เขาแค่ใช้เกราะปราณส่วนมือก็เป็นอันใช้ได้แล้ว !