บทที่ 269
บทที่ 269

บลัดเลย์หวาดกลัวแล้ว แต่หยวนยู่กลับไม่คิดหยุดอยู่แค่นั้น และเมื่อเห็นอีกฝ่ายหลบได้ เขาก็พลันเข้าคว้าจับคอบลัดเลย์เอาไว้

แม่ทัพดูกีไม่ประมาท เขาตวัดดาบปัดมือของหยวนยู่ออกไป หากแต่ชายเลือดร้อนก็จับดาบเอาไว้แน่นจนทำให้บลัดเลย์หน้าซีดเผือด และไม่ว่าแม่ทัพนายนั้นดูกีจะพยายามดึงดาบกลับมาเท่าไหร่ มันก็ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย !

หยวนยู่จับดาบนั่นเอาไว้แน่น แล้วจึงใช้แรงบดขยี้มันจนกลายเป็นแค่เศษเหล็กก่อนโยนทิ้งไป

“หา ?”

ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างก็ตกตะลึง ไม่เว้นแม้แต่พวกแม่ทัพเฟิงด้วยกันเอง ด้วยพวกเขาไม่คิดว่าหยวนยู่จะเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว นี่มันเทพสงครามชัด ๆ!

ชัวน่ากับพวกลูคัสเองก็ตะลึงเช่นกัน ต่อให้พวกเขาเคยเห็นความสามารถของชายคนนี้มามากแล้วก็ตาม

เมื่อเรื่องกลายเป็นแบบนี้ ก็เป็นทีของถังหยินที่หันมองหน้าอัลเดนแล้วถาม “องค์ราชา ข้าก็ไม่ได้พูดเกินจริงเลยว่าไหม ? ท่านคิดว่าทหารของข้าจะกำราบกองทหารนับหมื่นได้หรือไม่เล่า ?”

อัลเดนตะลึงกับคำพูดนี้ ก่อนจะรีบตอบกลับไป “ลูกน้องของเจ้ามีความสามารถยิ่งนัก ข้านึกสภาพตอนทำสงครามไม่ออกจริง ๆ”

ถังหยินหัวเราะพร้อมกับคิดในใจ ว่าอย่างน้อยหยวนยู่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังละนะ !

อัลเดนพูดต่อ “ข้าได้ให้คนจัดเตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะมีความสุขกับมันนะ”

ถังหยินก้มหัวให้ “แค่นี้ก็เพียงพอแล้วฝ่าบาท”

…หลังจากนี้ในอนาคต พวกเขาจะร่วมมือกันกำจัดพวกหนิงและพวกเทียได้อย่างสำเร็จงดงาม !

แม้ว่าอัลเดนจะดูแก่กว่าวัย แต่ความคิดของเขาก็ยังดีอยู่ ดังนั้นมีหรือที่เขาจะมองไม่ออกว่าชายหนุ่มนั้นมีแววรุ่งโรจน์มากขนาดไหน !

งานเลี้ยงที่ทางวังจัดเตรียมเอาไว้นั้นหรูหรามาก ราวกับว่ามันได้รวบรวมบุคคลที่มีชื่อเสียงจากทั่วทุกสารทิศของดูกีเอาไว้ยังไงยังงั้นเลย

ซึ่งลูกชายของเขาอย่างพาเวล ก็แสดงท่าทีสนใจในตัวชัวน่าชัดเจนยิ่งนัก ทำให้ทุกคนรู้ได้ในทันทีเลยว่าเขากำลังหลงรักนางอยู่

ลูคัสและคนอื่นเข้าใจความต้องการของพาเวล ดังนั้นพวกเขาจึงพากันมองหน้าแล้วคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับถังหยินมันช่างดูเป็นไปได้ยากยิ่ง !!

และถึงในขณะนั้นชายหนุ่มกำลังคุยกับอัลเดนก็จริง หากแต่สายตาของเขานั้นก็ได้เหลือบมองไปยังพาเวลที่กำลังพูดคุยกับองค์หญิงอย่างเพลิดเพลินเป็นระยะ ซึ่งภาพที่เกิดขึ้น มันก็ทำให้ตัวเขาอารมณ์เสียยิ่ง !

งานเลี้ยงเต็มไปด้วยความรื่นเริง เช่นเดียวกับดนตรีที่กำลังบรรเลง ณ ใจกลางห้อง ทำให้ผู้คนที่มาร่วมงานเข้าไปรวมตัวกันเพื่อเต้นรำ ซึ่งก็แน่นอนว่าพาเวลไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปแน่ เขารีบเอ่ยปากชวนชัวน่าในทันทีที่มีโอกาส

องค์หญิงมองเขาแล้วหันมองไปยังถังหยิน ทำให้นางพบว่าชายหนุ่มนั้นกำลังพูดคุยอยู่กับพวกขุนนางและราชาของดูกี ซึ่งมันก็ทำให้หญิงสาวถึงกับถอนหายใจออกมา ก่อนที่นางจะพยักตกลงตอบรับคำเชิญของพาเวล

ทั้งสองเต้นรำกันโดยทุกคนพร้อมใจกันหลีกทางให้ ทำให้พวกเขากลายเป็นจุดสนใจของทุกสายตาโดยธรรมชาติ จนแม้แต่ถังหยินเองก็รู้สึกได้เช่นกัน

อัลเดนถามขึ้น “แม่ทัพถัง เจ้าคิดว่าระหว่างพาเวลกับชัวน่าเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ?”

มันเป็นคำถามที่ไร้ที่มาที่ไปนัก ดังนั้นถังหยินจึงหันมองเขาก่อนตอบ “ท่านหมายถึง ?”

“ข้าเตรียมจะไปยังเบสซ่าเพื่อขอองค์หญิงให้พาเวล ซึ่งตัวข้าเองนั้นก็หวังว่าพี่ชายของข้าจะยอมรับมัน”

หัวใจของถังหยินเต้นระรัวในทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น

และเมื่ออัลเดนพูดจบ ถังหยินก็พลันถอนหายใจ ก่อนจะเป็นองค์ราชาที่กล่าวต่อ “ถึงแม้รัฐดูกีของข้าจะไม่ได้มีอำนาจมากนัก แต่ถ้าข้าสามารถยึดรัฐเทียได้ ตำแหน่งของข้าในมอร์ฟีสก็จะสูงขึ้น แล้วเมื่อถึงเวลานั้น ข้าก็จะสามารถจัดงานแต่งในทันทีได้เลย !”

ถังหยินกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย

ทว่าอัลเดนกลับไม่สังเกตถึงมันแม้แต่น้อย เอาแต่พูดต่อด้วยความเมามาย “หากรัฐของเราอ่อนแอ งั้นแล้วมันก็ต้องจ่ายค่าเสียเวลาเป็นคนรุ่นแล้วรุ่นเล่าเพื่อที่จะให้คนรุ่นหลังได้มีอนาคตที่ดีกว่า”

ถังหยินพยักหน้าเห็นด้วย “ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องทำได้แน่”

อัลเดนหัวเราะแล้วชูแก้วขึ้น “ราชาน่ะไม่สามารถเลือกได้หรอกว่าผู้สืบทอดจะฉลาดเป็นกรดหรือโง่ยิ่งกว่าหมา แต่ข้านั้นสามารถเลือกที่จะสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ให้กับผู้สืบทอดของข้าได้ และนี่ก็คือสิ่งที่กษัตริย์ควรทำ !”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ถังหยินก็พยักหน้าเห็นด้วย ด้วยเขาและอัลเดนนั้นคิดแบบเดียวกัน ! และแม้ว่าอีกฝ่ายจะดูแปลก ๆ แต่อัลเดนก็เป็นกษัตริย์ที่เก่งกาจและหลักแหลมไม่น้อยเลย จนอาจกล่าวได้ว่าความเก่งกาจของราชานั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับร่างกายอย่างเดียว แต่มันอยู่ที่ใจและความใฝ่ฝันด้วย !!!

“ฝ่าบาทช่างหลักแหลมยิ่ง ท่านทำให้ข้าตาสว่างขึ้นมาก” ถังหยินกล่าวอย่างจริงจัง

อัลเดนมองถังหยินด้วยสายตาประหลาด “ราชาองค์ต่อไปของแคว้นเฟิงจะต้องเป็นเจ้าอย่างแน่นอน”

ถังหยินรีบกล่าวอย่างติดตลก “ฝ่าบาทก็กล่าวเกินจริงไปแล้ว”

เพลงใหม่เริ่มบรรเลงขึ้นในระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกัน ทำให้พาเวลตื่นเต้นมากจนรีบร้อนชักชวนชัวน่าให้มาเต้นรำด้วยกัน และเมื่อเห็นการกระทำของพวกเขาที่ดึงดูดสายตาทุกคน มันก็ทำให้ถังหยินหงุดหงิดใจจนต้องขอตัวเดินออกจากที่นี่ไป

ในขณะที่ชายหนุ่มเดินออกไป ก็เป็นเฉิงจินที่เดินตามมาติด ๆ ทำให้ถังหยินต้องหันหน้ากลับมามองอีกฝ่ายแล้วถาม “เจ้าก็ออกมาด้วยหรือ ? อาหารไม่ถูกปากหรือไง ?”

เฉิงจินกระซิบ “อาหารในนั้นดีมาก”

ในฐานะมือสังหารของถังหยิน เขาจะต้องอยู่ใกล้กับเจ้านายเอาไว้และเข้าใจทุกความคิดของผู้เป็นนาย “ถ้าหากนายท่านคิดว่าหมอนั่นมันน่ารำคาญล่ะก็ ข้าสามารถจัดการให้ได้นะ !”

ไม่ว่าที่นี่จะเป็นดินแดนต่างถิ่นอย่างดูกี หรือว่าพลังยุทธ์ของพาเวลจะสูงส่งหรือไม่ พวกศรทมิฬก็ยินดีที่จะจัดการตามถังหยินบัญชาทุกอย่าง !

ถังหยินแอบดีใจชั่ววูบก่อนจะส่ายหัว “ถ้าข้าไม่ได้สั่ง พวกเจ้าห้ามเคลื่อนไหวโดยพลการเชียว”

“ข้าน้อยรับทราบอยู่แล้วขอรับ” เฉิงจินก้มหัวให้

ทั้งสองพูดคุยกัน จนกระทั่งมีขุนนางสาว 2 คนเดินเข้ามาหาชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม

ด้วยแต่เดิมถังหยินนั้นเป็นคนเย็นชาอยู่แล้ว จึงทำให้เขาเดินผ่านพวกนางไปโดยไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย โดยมีจุดหมายเป็นข้างในห้องโถงที่เขาออกมาเมื่อก่อนหน้านี้

เมื่อเข้าไป เขาก็เห็นชัวน่ากำลังวิ่งมาหา ทำให้ถังหยินดูจะงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะเป็นหญิงสาวที่ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วถาม “อยู่ที่นี่เอง เจ้ามาทำอะไรข้างนอกกัน ?”

“ก็แค่เดินเล่น”

“ข้าคิดว่าเจ้ากลับไปแล้วเสียอีก”

เขายิ้มกว้างออกมา “ทำไมท่านต้องกังวลเกี่ยวกับข้าด้วยเล่า ?”

“ใครสนเจ้ากัน !… แต่ช่างเถอะ ไปเต้นรำกับข้าดีกว่ามา !” ชัวน่าพูดอย่างเขินอาย

ถังหยินตะลึงที่ได้รับคำเชิญแบบนี้ เขาส่ายหัวให้ “ข้าเต้นไม่เป็นหรอก”

“งั้นข้าจะสอนเจ้าเอง !” ชัวน่าไม่สนใจข้ออ้างนี้ รีบดึงตัวถังหยินเข้าไปกลางห้องโถงในทันที