ตอนที่ 853 ช่วยผู้จัดการของฉันด้วย...

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ไม่มีใครคาดคิดว่าภาพลักษณ์ของซย่าหันโม่จะถูกกอบกู้ขึ้นมาเช่นนี้ ทั้งไม่มีใครนึกถึงว่าถังหนิงจะจัดการด้วยวิธีนี้

 

 

ทุกคนต่างมั่นใจว่าซย่าหันโม่จะถูกเก็บตัวเอาไว้ ถึงอย่างไรเธอเองก็มีชงักติดหลังอยู่ ทว่าเธอกลับปรากฏตัวบนหน้าจอและไม่เคยออกมาแก้ต่างใดๆ ว่ากันตามจริงแล้วเธอไม่ได้ก่อเรื่องหรือสร้างความวุ่นวายแม้แต่น้อย

 

 

หลายคนคิดว่าพวกเขาจะคอยสมน้ำหน้าเธอไม่ว่าเจ้าตัวจะตัดสินใจกลับคืนวงการอย่างไรก็ตาม หากแต่ในตอนนี้เมื่อได้เห็นเธออีกครั้ง พวกเขากลับเลือกที่จะปิดปากเงียบ

 

 

มีเพียงคนใจไม้ไส้ระกำเท่านั้นแหละที่ต้องการย่ำยีคนที่กำลังพยายามอย่างหนักที่จะใช้ชีวิตต่อไป หากคนเหล่านั้นยังยืนกรานจะทำเช่นนั้น ใครๆ ก็คงจะคิดได้ว่าสำนึกผิดชอบชั่วดีของพวกเขาบกพร่องไปเสียแล้ว

 

 

มีบางคนรู้เรื่องของพี่ชายของซย่าหันโม่และเหตุผลที่เธอต้องทำงานอย่างหนักในเวลาถัดมา

 

 

ดังนั้นผู้คนมากมายจึงเข้าอกเข้าใจซย่าหันโม่ในท้ายที่สุด จากการที่เธอแสดงตัวตนที่แท้จริงของเธอออกมามากขึ้น

 

 

หลงเจี่ยและหลินเฉี่ยนปลาบปลื้มใจกับผลตอบรับจากคนภายนอก พวกเธอจึงรีบต่อสายหาถังหนิงเพื่อบอกข่าวดี

 

 

“คุณทำได้แล้วค่ะ!”

 

 

“ยังหรอก” ถังหนิงตอบกลับ พวกเขาเพียงแค่โน้มน้าวจิตใจคนบางส่วนได้เท่านั้น ยังไม่ถือว่าเป็นความสำเร็จเท่าไรนัก

 

 

อีกอย่างซย่าหันโม่เองก็ไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด

 

 

หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง เธอปล่อยโพสต์บนโลกออนไลน์อีกครั้ง ในครั้งนี้เธอเดินทางออกจากตุรกีมุ่งหน้าสู่เกาะเล็กๆ ในแอฟริกาใต้ ทั้งยังได้สัมผัสประสบการณ์น่าขนลุกบนเกาะอีกด้วย

 

 

อย่างไรก็ตามด้วยรูปที่เธอถ่ายมาไม่ค่อยชัดนัก เธอจึงโทษตัวเองที่ไม่ได้หัดถ่ายรูปอย่างที่ถังหนิงบอกเธอเอาไว้

 

 

ซย่าหันโม่ในตอนนี้ไม่ต้องเหนื่อยกับการทำตัวให้เป็นที่พอใจของสังคมอีกต่อไป เธอแค่ใช้ชีวิตไปตามทางของตัวเองเท่านั้น แต่ทว่ามันกลับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่พาให้เธอเข้าใกล้ความเชื่อมั่นของประชาชนในตัวเธออย่างแท้จริง นี่เป็นเรื่องของจิตวิทยามนุษย์ เมื่อใดก็ตามที่คนคนหนึ่งหยุดทำตามที่อีกฝ่ายคาดหวัง พวกเขาก็จะได้รับความสนใจในการเปลี่ยนแปลงนั้นไปโดยปริยาย

 

 

เพราะทุกคนต่างเฝ้าฝันถึงการเปลี่ยนแปลง พวกเขาชื่นชมยินดีกับการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่หลายคนยังพบว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลง

 

 

นี่คือสิ่งที่ถังหนิงยึดถือในการรักษาจุดยืนของคนคนหนึ่ง

 

 

หลังจากนั้นซย่าหันโม่ได้เปิดโอกาสให้แฟนๆ ของเธอได้แนะนำกล้องให้ สิ่งที่ตามมาคือความคิดเห็นเชิงหยอกเย้าที่บัญชีออฟฟิเชียลของกล้องหลายยี่ห้อทิ้งเอาไว้ใต้โพสต์ของเธอ

 

 

การตอบโต้กันไปมาได้สร้างรอยยิ้มให้กับผู้อ่านและนำไปสู่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ

 

 

สิ่งนี้นับได้ว่าเป็นคุณค่าของซย่าหันโม่ในเวลานี้

 

 

ความจริงแล้ว คนในวงการพอจะคาดเดาได้ว่าซย่าหันโม่กำลังค่อยๆ เปลี่ยนเส้นทางของตัวเอง และนั่นถือเป็นแผนการอันแยบยลที่ถังหนิงได้วางไว้ ทว่าก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอได้ทำให้ซย่าหันโม่เป็นอิสระจากชื่อเสียงแย่ๆ ของตัวเองภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ

 

 

ต่อจากนี้ไปโพสต์ของเธอจะสามารถดึงดูดความสนใจจากนิตยสารท่องเที่ยวและรูปของเธออาจถูกนำไปจัดแสดงที่งานนิทรรศการ เมื่อเทียบกับซิงหลานและลัวเซิงแล้วอนาคตของเธอก็สดใสไม่แพ้กัน

 

 

นี่คือศิลปินคนที่สามของถังหนิง และมันได้พิสูจน์ความสามารถในการยกระดับชื่อเสียงของศิลปินของเธอ อย่างไรก็ตามจู้ซิงมีเดียยังคงมีงานใหญ่รออยู่พร้อมกับความคาดหมายของถังหนิงที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้น

 

 

หากแต่ไม่ว่าเธอจะเจอเรื่องวุ่นวายจากโลกภายนอกมามากเพียงใด เธอมักจะกลับบ้านมาในฐานะผู้หญิงที่อ่อนโยนและคุณแม่ผู้ใจดีอยู่เสมอ

 

 

ความรักที่เธอมีให้โม่ถิงไม่เคยจางหายไปแม้แต่น้อย

 

 

“อีกไม่กี่วันไห่รุ่ยจะจัดงานเลี้ยงฉลอง ผมจะให้คุณเข้าร่วมงานด้วยนะครับ” โม่ถิงเอ่ยพลางกอดถังหนิงเอาไว้ในอ่างอาบน้ำ

 

 

“โอเคค่ะ” เธอขานรับทันที

 

 

เธอจำเป็นต้องทำให้ผู้บริหารระดับสูงของไห่รุ่ยรู้ว่าเธอยังคงเป็นศิลปินของไห่รุ่ยอยู่ แม้ว่าตอนนี้เธอจะบริหารจู้ซิงมีเดียอยู่ก็ตาม

 

 

งานเลี้ยงในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นเนื่องในโอกาสที่ไห่รุ่ยจะสร้างวงดนตรีหน้าใหม่ แน่นอนว่าผู้อาวุโสของไห่รุ่ยและคู่ค้าทางธุรกิจหลายคนจะเข้าร่วมในงานนี้ด้วย

 

 

ในวันนั้นถังหนิงดูสง่างามและเฉิดฉายในชุดกระโปรงยาวสีเงินอย่างไร้ซึ่งท่าทีเย่อหยิ่ง

 

 

ในขณะที่โม่ถิงออกอาการหวงแหน ทุกๆ การขยับตัวของเขาบ่งบอกให้รู้ถึงสถานะของเจ้าตัว พาให้ผู้คนรอบกายทั้งยำเกรงและหวาดกลัวเขา

 

 

ไม่นานหลังจากงานเลี้ยงเริ่มขึ้น โม่ถิงออกไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างนี้นายใหญ่ของบริษัทอื่นได้เข้ามาทักทายถังหนิงพร้อมแก้วแชมเปญในมือ “ประธานถัง สบายดีไหมคะ”

 

 

เธอเป็นหญิงวัยสี่สิบที่ยังดูสาวอยู่มาก แต่ถังหนิงจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักกับเธอมาก่อน

 

 

“ศิลปินของฉันก็เข้าแข่งขันงานประกวดร้องเพลงเจอร์นีย์เหมือนกันน่ะค่ะ” อีกฝ่ายเอ่ยแจงเมื่อเห็นท่าทีงุนงงบนใบหน้าของถังหนิง

 

 

ถังหนิงพยักหน้าเป็นการรับรู้

 

 

“ฉันอยากจะทราบว่าประธานถังคิดยังไงกับการชนะการประกวดเหรอคะ”

 

 

“ฉันว่าขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนมากกว่าค่ะ” ถังหนิงตอบกลับด้วยรู้เจตนาของผู้หญิงคนนี้ดี ดูเหมือนว่าเธอต้องการจะเจรจาข้อแลกเปลี่ยนเพื่อชนะการประกวด

 

 

“อนาคตของซิงหลานมีทางเลือกอีกมากมาย การชนะการประกวดไม่ได้มีผลอะไรกับเธอมากนักหรอกค่ะ แต่ฉันสามารถยื่นข้อเสนอดีๆ ให้เธอเป็นการแลกเปลี่ยนได้นะคะ ฉันอยากให้ของขวัญกับลูกสาวของฉัน เธอเองก็ผ่านรอบสามสิบสองคนสุดท้ายเหมือนกัน ฉันอยากจะทราบว่าประธานถังพอจะช่วยฉันเรื่องนี้ได้ไหมคะ”

 

 

“ฉันไม่คิดว่าลูกสาวสุดที่รักของคุณจะอยากรู้ว่าชัยชนะที่ได้รับจะมาจากการติดสินบนของแม่ตัวเองหรอกนะคะ ฉันต้องขอโทษด้วย แต่ฉันตั้งใจว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลการตัดสินใดๆ ทั้งนั้นค่ะ” ถังหนิงโต้กลับ

 

 

เมื่อเห็นว่าถังหนิงไม่สนใจข้อเสนอของตัวเอง ท่าทีของเธอก็กลับกลายเป็นเย็นชาขณะที่หันหลังเดินจากไป

 

 

โม่ถิงกลับมาที่ห้องจัดงานในเวลาถัดมา สายตาที่ฉายแววเรียบเฉยของภรรยาชวนให้เขาถามขึ้น “มีอะไรหรือเปล่าครับ มีใครพยายามจะมา…”

 

 

“คุณคิดว่านี่ยังเป็นเมื่อหลายปีก่อนเหรอคะ” ถังหนิงเอ่ยให้คลายกังวล “เดี๋ยวนี้จะมีใครกล้ามารังแกฉันได้อีกคะ”

 

 

“แล้ว…”

 

 

“มีบางคนพยายามทำให้ซิงหลานถอนตัวจากการแข่งขันน่ะค่ะ”

 

 

“ผมจะให้ลู่เช่อหาผู้ชายมาคอยดูแลความปลอยภัยให้ซิงหลานนะครับ” โม่ถิงว่าขึ้น

 

 

พวกเขาคือคู่รักต้นแบบที่แท้จริง ผู้ที่เข้าใจกันและกันได้ด้วยคำพูดเพียงหนึ่งประโยค

 

 

 

 

ในตอนนี้ซิงหลานยังคงอยู่ในห้องซ้อมที่จู้ซิงมีเดีย ในขณะที่หลินเฉี่ยนคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเธอด้านนอก หญิงสาวทั้งสองออกจากบริษัทในเวลาราวสี่ทุ่ม ทว่าทันทีที่พวกเธอก้าวเข้ามาในลานจอดรถชั้นใต้ดินหลินเฉี่ยนก็สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ

 

 

กลุ่มชายฉกรรจ์ได้ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างและล้อมรอบพวกเธอเอาไว้

 

 

“ขึ้นไปในรถก่อนค่ะ ถ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น รีบหนีไปแจ้งตำรวจได้เลยนะคะ” หลินเฉี่ยนบอกกับซิงหลาน

 

 

“แล้วคุณล่ะคะ” ซิงหลานท้วงขึ้น “รีบหนีออกไปด้วยกันเถอะค่ะ ให้ตายสิ ทำไมตรงนี้ไม่มีสัญญาณเลยนะ”

 

 

“คุณเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้ในหนังมากี่ครั้งแล้ว ยังไม่รู้อีกเหรอคะว่าเกิดอะไรขึ้น” หลินเฉี่ยนหัวเราะออกมา พูดจบเธอก็ผลักซิงหลานเข้าไปในรถก่อนตะโกนสั่ง “หนีไปค่ะ!”

 

 

ซิงหลานไม่รั้งรอพร้อมหักพวงมาลัยกลับรถทันที กลุ่มชายหนุ่มแบ่งออกเป็นสองฝ่ายและแยกกันไล่ตามหญิงสาวทั้งสองคน ซิงหลานขับรถวนไปมาในลานจอดรถอย่างสะเปะสะปะด้วยความตื่นตระหนก…

 

 

มันไม่ง่ายนักแต่ในที่สุดซิงหลานก็หาทางออกจนพบ ทว่าชายหนุ่มหลายคนได้ไล่ตามมาติดๆ เธอจึงพยายามสุดความสามารถและเร่งเครื่องออกจากลานจอดรถไป ขับมาตามเส้นทางที่มีคนพลุกพล่านก่อนจะจอดข้างทาง ก้าวพรวดพราดออกมาจากตัวรถก่อนร้องขอความช่วยเหลือ

 

 

“ช่วยผู้จัดการของฉันด้วยค่ะ… ได้โปรดเถอะ…”

 

 

ด้วยชื่อเสียงที่ซิงหลานมี ผู้คนจึงรีบกรูเข้ามาคอยดูสถานการณ์ ไม่นานหลังจากนั้นตำรวจที่รับผิดชอบดูแลในพื้นที่ก็รีบติดตามคนร้ายโดยเร็ว…

 

 

ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงห้าถึงหกนาที ทว่าเมื่อพวกเขากลับไปที่ลานจอดรถก็พบหลินเฉี่ยนนอนจมกองเลือดเสียแล้ว

 

 

หากจะกล่าวว่าซย่าหันโม่มักจะตกเป็นข่าวฉาว…เช่นนั้นการบอกว่าหลินเฉี่ยนมักจะได้รับบาดเจ็บก็คงจะไม่ผิดนัก…