ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 53
หลิงหลงฟูเหรินสีหน้าซีดเผือด แต่คนรับใช้ก็ออกไปแล้ว นางก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อหน้าแม่นมหยางได้ ทำได้เพียงแต่ยืนข้าง ๆ รออย่างกระสับกระส่าย
เสี่ยวซุนถูกคนรับใช้สองคนช่วยพยุงตัวมา นางแทบจะยืนไม่ไหว ทั่วทั้งใบหน้าและศีรษะของนางเต็มไปด้วยคราบเลือด เสื้อผ้านางฉีกขาดหลายจุดเผยให้เห็นรอยแผล รู้ได้เลยว่าหญิงรับใช้ผู้อ่อนแอนางนี้ ประสบเคราะห์ร้ายอันใดมา
แม่นมหยางแม้ว่าจะพบเจอกับความโหดร้ายของคนจนเคยชิน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา “ไม่ทราบว่าหญิงรับใช้ผู้นี้ทำผิดอะไรกันแน่ ถึงได้ถูกโบยหนักเช่นนี้”
เหล่าฟูเหรินนึกไม่ถึงว่าเสี่ยวซุนจะมีสภาพแบบนี้ นางมองไปที่หลิงหลงฟูเหรินด้วยสายตาตำหนิ แล้วกล่าวเสียงดัง “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ข้าบอกกับเจ้ามากี่ครั้งแล้ว เมื่อคนรับใช้ทำผิด ก็ไม่อาจโบยจนอาการสาหัสขนาดนี้”
หลิงหลงฟูเหรินพูดอย่างอึกอัก: “ท่านแม่โปรดระงับโทสะ หญิงรับใช้ได้ขโมยของไป ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ยอมรับผิด ดังนั้นลูกจึงสั่งให้ เซี่ยฉวนเป็นคนสอบปากคำ ใครจะไปรู้ว่าเซี่ยฉวนจะลงมือหนักเช่นนี้”
แม่นมหยางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี่คือ ข้ออ้างของหลิงหลงฟูเหริน? แต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนภายในจวน นางเป็นนางข้าหลวงในวังมิอาจไปก้าวก่ายได้ อย่างไรเสีย หญิงรับใช้ผู้นี้แม้ว่าจะไม่สามารถทำหน้าที่รับใช้ได้ ก็ไม่อาจให้อยู่ที่นี่ต่อไปได้เช่นกัน มิเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถูกโบยจนตายโดยที่ไม่มีใครรู้เลย
“เช็ดเนื้อเช็ดตัวเสีย แล้วพยุงนางขึ้นไปบนรถม้า” แม่นมหยางก็ไม่ได้ปล่อยให้เสี่ยวซุนกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ให้เข้าวังไปแล้วค่อยคิดวางแผนอีกที
“แม่นม อันที่จริงถ้าฮองเฮาต้องการให้ใครสักคนเข้าวังไปคอยรับใช้จื่ออาน เลือกคนอื่นมิดีกว่าหรือ คนในจวนนี้หลายคนก็รู้ถึงนิสัยใจคอของจื่ออานเป็นอย่างดี รู้ว่าควรปรนนิบัตินางเช่นไร” หลิงหลงฟูเหรินกล่าว
นางไม่ได้แนะนำด้วยใจจริงอยู่แล้ว เพียงแค่อยากทดสอบว่าที่ฮองเฮาให้เสี่ยวซุนเข้าวังไปนั้น เป็นเพราะให้ไปรับใช้ หรือว่ามีแผนการอื่นกันแน่
เหล่าฟูเหรินก็มองไปที่แม่นมหยางเช่นกัน รอคำตอบของนาง
แม่นมหยางกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ไม่จำเป็น เอานางไปนี่แหละ”
นางก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าเสี่ยวซุน ยื่นมือออกไปเชยคางนางขึ้นมา คราบเลือดบนใบหน้านี้ หลังจากเข้าวังไปแล้วต้องรีบรักษาทันที
“เจ้าชื่อว่าอะไรนะ?” แม่นมหยางกล่าวถาม
เสี่ยวซุนพยายามยกศีรษะที่หนักอึ้งขึ้นมา แล้วตอบ “ข้าน้อย…ชื่อว่าเสี่ยวซุน”
“อืม คุณหนูของเจ้าให้ข้าพาเจ้าเข้าวัง เพื่อไปรับใช้นาง เข้าใจใช่ไหม?”
ดวงตาของเสี่ยวซุนเป็นประกาย “คุณหนูใหญ่…”
“นางสบายดี” แม่นมหยางกล่าวแผ่วเบา
“ดีจริง ๆ!” หยาดน้ำตาและหยดเลือดที่ร้อนระอุ พลั่งพลูออกมา ใบหน้าที่โศกเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นชื่นมื่น
แม่นมหยางที่เห็นก็รู้สึกเศร้า หยิบเสื้อผ้าแล้วเดินจากไปทันที
เมื่อแม่นมหยางและเสี่ยวซุนจากไป ดูเหมือนว่าจิตใจของหลิงหลงฟูเหรินจะไม่เป็นสุข “ถ้าฮองเฮาเห็นว่าพวกเราทำร้ายคนรับใช้แบบนี้ นางจะคิดเห็นเช่นไร?”
เรื่องตำหนิน่าจะไม่มี แต่มีความคิดเห็นในใจเรียบร้อยแล้ว นางจะต้องคิดว่าจวนของเรานั้นโหดร้ายไร้ความเมตตาปรานี เกรงว่าเรื่องการอภิเษกสมรสระหว่างหว่านเอ๋อกับองค์รัชทายาทจะต้องเลื่อนไปอีก
เหล่าฟูเหรินกล่าวอย่างเยือกเย็น “เจ้ามีความทะเยอทะยานเช่นนี้? ระบายความโกรธกับคนรับใช้หนึ่งคนแล้วจะยังมีศักดิ์ศรีอะไร?”
หลิงหลงฟูเหรินเดิมทีก็โกรธอยู่แล้วที่นางมักจะประชดประชัน ตอนนี้ภายในใจรู้สึกแย่ พอได้ยินที่นางดุด่า แค่สูดลมหายใจก็เหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอ รู้สึกอึดอัดถ้าไม่พูดอะไรออกมาบ้าง”ศักดิ์ศรีของคนเป็นย่าอย่างท่าน คือการจัดการกับหลานสาวของตนเองสินะ?”
เหล่าฟูเหรินตกใจ จากนั้นก็ขมวดคิ้ว นางโมโหมาก ตบหน้าหลิงหลงฟูเหรินไปหนึ่งฉาด และกล่าวอย่างโกรธเคือง “กิริยาแบบนี้มันอะไรกัน? ทำไมข้าต้องจัดการกับหลานสาวของตนเอง? ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเจ้ายุยง? หากไม่ใช่ทำเพื่อหว่านเอ๋อให้นางไม่ต้องอภิเษกสมรสกับองค์จักรพรรดิเหลียงผู้พิการนั่น ข้าจะต้องมากังวลแบบนี้ไหม?”
มหาเสนาบดีเซี่ยที่เห็นภรรยาสุดที่รักถูกตบ ก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบให้ใจเย็นลง “ท่านแม่อย่าได้โมโหไปเลย หลิงหลงอายุน้อยยังไม่รู้ความ ท่านอย่าไปทะเลาะกับผู้ที่ด้อยความรู้กว่าเลย”
เหล่าฟูเหรินยังคงโกรธอยู่ “หากข้าทะเลาะกับนางที่ด้อยความรู้ นางคงถูกขับไล่ออกไปนานแล้ว ข้าเห็นแก่ที่นางให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวให้กับตระกูลเซี่ยของเรา มิเช่นนั้นผู้หญิงที่หยาบคายและโง่เขลาเช่นนี้ จะได้รับการช่วยเหลืออย่างลับ ๆ จากข้ามาหลายปีดีดักได้อย่างไร?”
“ใช่ ใช่ ขอรับ” มหาเสนาบดีเซี่ยดึงตัวหลิงหลงฟูเหรินมา แสร้งทำเป็นดุ “ยังไม่รีบขอโทษท่านแม่อีกหรือ?”