บทที่ 85.2 นักบวชน้ำค้างแข็ง! (2)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

สี่น้อยนั้นแต่เดิมมีร่างกายที่บอบบางและผอมแห้งอยู่แล้ว ทว่าเขาก็ยังสามารถบีบอัดร่างกายของเขาให้เล็กลงเพื่อเปลี่ยนให้ตัวเองเป็นเป้าขนาดเล็ก ราวกับว่าเขาเป็นตัวหมัดที่กระโดดไปมารอบๆ เวที ปีกด้านหลังของเขาอยู่ในสภาพสยายออกครึ่งหนึ่ง นี่เป็นวิธีการเคลื่อนไหวที่สี่น้อยได้คิดค้นขึ้นมาด้วยตัวเอง ในขณะนี้ปีกของเขาไม่ได้มีไว้สำหรับบิน แต่ภายใต้สภาวะที่ปีกกางออกครึ่งหนึ่งเช่นนี้ มันไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความเร็วเท่านั้น แต่ยังทำให้เขาสามารถร่อนตัวผ่านอากาศได้อีกด้วย ด้วยวิธีนั้น ไม่เพียงแต่เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังสามารถเปลี่ยนรูปแบบการเคลื่อนไหวได้อย่างฉับพลัน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครสามารถอ่านการกระทำของเขาออกและดักทางได้ง่ายๆ ในขณะเดียวกัน เขาก็หลงเหลือพื้นที่ร่างกายให้ศัตรูโจมตีได้น้อยมาก

การโจมตีของหานปิงนั้นรวดเร็ว เฉียบคม และหนักแน่น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือมันสามารถส่งผลกระทบเป็นวงกว้างได้ ภายใต้การควบคุมที่น่าประทับใจของหานปิง แท่งน้ำแข็ง 36 อันของเขาจึงราวกับกลายร่างเป็นทหาร 36 นาย พวกมันแยกตัวออกจากกันกลางอากาศและกระจายไปทั่วเวทีเพื่อล้อมสี่น้อยเอาไว้ ก่อนที่จะรวมกลุ่มกันเป็นคลื่น 3 ระรอกพุ่งเข้าโจมตีสี่น้อยด้วยความเร็วดุจสายฟ้า การควบคุมดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงพลังของที่แท้จริงของหานปิงในฐานะผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะกลาง

เมื่อมองจากด้านล่าง มือของโจวเหว่ยชิงกำขึ้นเป็นหมัดในขณะที่ความกังวลใจกำลังฉายชัดอยู่ในแววตา เช่นเดียวกับที่เขาพูดกับสี่น้อย การต่อสู้ทุกครั้งมีความสำคัญต่อกลุ่มของพวกเขามาก และในช่วงเวลานี้ก็ไม่ต่างกัน ด้วยมณีทั้ง 6 ชุดและพลังของหานปิง หากเขาออกไปต่อสู้ในการแข่งขันแบบคู่โดยที่มีพลังเหลือมากกว่า 7 ใน 10 ส่วน นั่นหมาย ความว่าพวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสชนะได้เลย ตอนนี้ทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับสี่น้อยว่าเขาจะสามารถระบายพลังปราณสวรรค์ของหานปิงออกไปได้มากแค่ไหน

ขณะที่โจวเหว่ยชิงเฝ้ามองการโจมตีของหานปิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งเรียนรู้ขณะฝึกอัดทักษะ และเขาก็ตระหนักได้อีกครั้งว่าแม้จำนวนทักษะและการผสานทักษะจะมีความสำคัญ แต่การควบคุมพวกมันให้ดีก็มีความสำคัญพอๆ กับสิ่งที่เหลือ สำหรับจ้าวมณีสวรรค์ แม้ว่าคนๆ นั้นมุ่งเน้นใช้งานเพียงทักษะเดียวและฝึกจนเชี่ยวชาญ เขาก็จะยังคงทรงพลังมากอยู่ดี ตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบคือหานปิงที่อยู่ตรงหน้าเขา หากเขาไม่ได้ฝึกฝนใช้ทักษะกรวยน้ำแข็งเหมันต์นี้จนเชี่ยวชาญ ทักษะระดับ 4 ดาวจะทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร?

แม้จะเผชิญกับการโจมตีต่อเนื่องเช่นนี้ การแสดงออกของสี่น้อยกลับยังดูเยือกเย็นและสงบนิ่ง เขาใช้ขยับขาและออกแรงอย่างฉับพลัน เห็นได้ชัดว่าสี่น้อยไม่ได้ถอยหนี แต่กลับเลือกที่จะพุ่งไปข้างหน้าแทน ในขณะที่เขาทำเช่นนั้น เขาก็ยังคงหดตัวให้เล็กที่สุด เมื่อมาถึงจุดนี้ ในที่สุดเขาก็ปลดปล่อยศาสตรามณียุทธ์ที่ทรงพลังออกมา

โจวเหว่ยชิงพยักหน้าให้เขาเบาๆ รู้ว่าสี่น้อยกำลังทำตามแผนที่เขาวางเอาไว้ทั้งหมด รักษาพลังปราณให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จนถึงขนาดที่ว่าเขาจะปล่อยอาวุธออกมาในช่วงสุดท้ายเท่านั้น

ทันทีที่สี่น้อยขยับตัว แท่งน้ำแข็งทั้ง 36 อันก็ตอบสนองทันทีราวกับว่าพวกมันมีดวงตา พวกมันโอบล้อมเข้ามาบรรจบกับเขาอีกครั้งจากทุกทิศทาง สำหรับหานปิง เขาเพียงแค่ขยับไม้คฑาอย่างเป็นจังหวะต่อไปโดยไม่สนใจปล่อยทักษะอื่นๆ อีก เพียงแค่มุ่งเน้นความสนใจไปที่การควบคุมแท่งน้ำแข็งทั้ง 36 อันเท่านั้น

ถึงเวลานี้ ในที่สุดสี่น้อยก็กลายเป็นตัวของตัวเองและแสดงพลังที่แท้จริงออกมาให้ทุกคนเห็น ร่างกายที่ถูกเร่งความเร็วของเขาหยุดกะทันหันโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า หากสังเกตดีๆ จะสามารถรับรู้ได้ว่าปีกของสี่น้อยได้แผ่กว้างออกอย่างกะทันหัน เพิ่มแรงต้านอากาศในชั่วพริบตาและทำให้เขาสามารถหยุดนิ่งได้ในทันที

ทันทีที่สี่น้อยหยุดเคลื่อนไหว เขาก็หุบปีกเข้าก่อนจะกระพือปีกออกไปทางซ้ายอย่างรุนแรง ส่งผลให้เขาพลิกตัวได้กลางอากาศ ในขณะเดียวกัน เขาก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเดือยแหลมที่อยู่ในมือ

*พรึ่บ* *พรึ่บ* *พรึ่บ* มีเสียงดังขึ้น 3 ครั้งและแท่งน้ำแข็ง 3 อันก็สลายตัวไปกลางอากาศทันที หลังจากนั้น ร่างของสี่น้อยก็หดตัวกลับเข้าไปในตำแหน่งปลอดภัยอีกครั้ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเส้นแสงสีเงินพุ่งออกไปอีกครั้งในขณะที่เขาเร่งความเร็วทะยานออกไป

ตอนนี้แท่งน้ำแข็งทั้ง 36 เหลืออยู่เพียง 33 แล้ว และหานปิงก็ชะงักไปเล็กน้อยเพราะเหตุนี้

การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของสี่น้อยอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขา ดังนั้นไม่ว่าเขาจะควบคุมแท่งน้ำแข็งได้ยอดเยี่ยมเพียงใด เขาก็ไม่สามารถไล่ตามสี่น้อยได้ทันอย่างที่หวังไว้ในคราแรก

ด้วยการเคลื่อนไหวที่สวนทางกับหลักความคิดของคนทั่วๆ ไป การหยุดชะงักได้อย่างกะทันหัน เส้นทางการเคลื่อนที่และการพลิกตัวที่แสนแปลกประหลาด สี่น้อยจึงสามารถทำให้หานปิงตัดสินผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการใช้แผนโอบล้อมเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสี่น้อยไม่ได้พยายามจะเข้าใกล้เขาจากด้านหน้า แต่กลับพยายามย้ายจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งแทน

หลังจากปล่อยแท่งน้ำแข็งทั้ง 36 อันออกมา แม้ว่าหานปิงจะยังควบคุมพวกมันได้ แต่มันก็ไม่อาจคงอยู่ได้ตลอดไป เนื่องจากเมื่อใดก็ตามที่จ้าวมณีสวรรค์ปลดปล่อยทักษะออกมา จะมีเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นที่พวกเขาสามารถควบคุมทักษะได้ซึ่งเวลานั้นย่อมขึ้นอยู่กับทักษะการควบคุมของเขาและตัวทักษะเอง หลังจากช่วงเวลาดังกล่าวหมดลง ทักษะนั้นก็จะถือว่าปลดปล่อยออกมาได้อย่างสมบูรณ์และเสร็จสิ้นไปแล้ว

เวลานี้หานปิงได้แสดงพลังของเขาต่อหน้าฝูงชนอีกครั้ง เขาโบกไม้คฑา แท่งน้ำแข็งอีก 36 อันพลันพุ่งทะยานออกมา อย่างไรก็ตาม แท่งน้ำแข็งอันใหม่ไม่ได้พุ่งเข้าหาสี่น้อย แต่กลับพุ่งเข้าหาแท่งน้ำแข็งเดิมทั้ง 33 อันซึ่งเกือบจะร่วงลงกับพื้นแล้ว เมื่อแท่งน้ำแข็งเหล่านั้นกระทบกัน พวกมันก็หลอมรวมเข้าด้วยกันจนขยายขนาดใหญ่ขึ้น! แน่นอนว่ามีเพียง 3 อันที่ถูกทำลายไปก่อนหน้านี้แล้วเท่านั้นที่ไม่สามารถร่างกันได้อีกต่อไป

หลังจากที่พวกมันผสานเข้าด้วยกันจนเสร็จสิ้น แท่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ 33 อันและแท่งเล็กๆ อีก 3 อันก็พุ่งเข้าหาสี่น้อยในลักษณะโอบล้อมเข้าหาทุกด้าน

“บัดซบ! นั่นเป็นไปได้ด้วยเหรอ?”

คนที่เหลือในกลุ่มนักรบเฟยหลี่จ้องมองอีกฝ่ายจากที่นั่งในเรือนพัก กรามของพวกเขาอ้าค้างด้วยความตกใจ

บนแท่นนั่งของผู้ชมระดับสูง

ซ่างกวนเทียนซินกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ช่างเป็นการควบคุมที่ทรงพลังและยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้! หลงหยิน พลังของหานปิงเป็นอย่างไรบ้าง?”

ซ่างกวนหลงหยินตอบว่า “เขาเป็นหนึ่งในผู้เยาว์ที่มีความสามารถสูงสุดในหุบเขาอเวจีสีเลือด ตั้งแต่ยังเด็ก พลัง งานวิญญาณของเขาสูงผิดธรรมชาติเกินกว่าคนในระดับเดียวกัน แต่ในแง่ของพรสวรรค์ด้านทักษะธาตุ เขาไม่ได้โดดเด่นเหนือกว่าคนทั่วๆ ไป อย่างไรก็ตาม การควบคุมของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก และนั่นก็ทำให้เขาได้รับความสนใจจากบุคคลระดับสูงของหุบเขาอเวจีสีเลือด แม้เขาจะไม่ได้มีมหาทักษะธาตุที่ยิ่งใหญ่อย่างทักษะธาตุวิญญาณ หานปิงก็ยังคงมีพลังจิตวิญญาณมากกว่าจ้าวมณีสวรรค์ในระดับเดียวกันถึง 3 เท่า นั่นทำให้เขาสามารถควบคุมทักษะได้อย่างยอดเยี่ยมและแม่นยำ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเป็นหนึ่งในยอดฝีมือของหุบเขาอเวจีสีเลือด และพวกเขาก็คาดหวังในตัวหานปิงสูงมากเช่นกัน ในกลุ่มคนรุ่นนี้ เขาเป็นรองเพียงแค่ผู้นำของกลุ่มนักรบตันตุ้นอย่างปีศาจน้อยเซินเท่านั้น”

ซ่างกวนเทียนซินพยักหน้าพลางกล่าวว่า “จับตาดูเขาให้มากขึ้น สำหรับเด็กหนุ่มที่ไม่มีทักษะธาตุและพลังที่โดดเด่นเช่นนี้ การที่เขาสามารถทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักจนมีพลังยอดเยี่ยมตั้งแต่อายุยังน้อย เขาก็ควรค่าแก่การเฝ้าจับตาดูอย่างแน่นอน คนเช่นนี้มักมีความดื้อรั้นและความมุ่งมั่นตั้งใจเต็มเปี่ยมอย่างที่อัจฉริยะบางคนไม่มี”

ซ่างกวนหลงหยินพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนที่จะเอ่ยต่อ “ฝ่าบาท ความจริงข้าสนใจเด็กหนุ่มจากกลุ่มนักรบเฟยหลี่ที่เราพูดถึงก่อนหน้านี้มากกว่า”

ซ่างกวนเทียนซินมองเขาด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “โอ้? หลงหยิน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เจ้าจะสนใจในตัวคนอื่นแบบนี้! เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้างล่ะ?”

ซ่างกวนหลงหยินกล่าวว่า “เขามีชื่อว่าโจวเหว่ยชิงและไม่ได้เป็นพลเมืองของอาณาจักรเฟยหลี่ แต่เขามาจากอาณาจักรเล็กๆที่ยอมสยบต่ออาณาจักรเฟยหลี่ น่าแปลกที่ในปีนี้เขาเข้าเรียนในโรงเรียนทหารไม่ใช่โรงเรียนเจ้ามณี และจากการต่อสู้ครั้งก่อน เขาแสดงให้เห็นถึงทักษะธาตุมิติและทักษะธาตุมืด ซึ่งทั้งคู่ล้วนเป็นมหาทักษะธาตุที่ยิ่งใหญ่ ที่สำคัญคือเขาอายุแค่ 16 ปีเท่านั้น! ข้ายังได้ยินมาว่าจริงๆแล้วเขาเดิมพัน 100,000 เหรียญทองข้างกลุ่มของตัวเองในการประลองกับกลุ่มนักรบตันตุ้น ส่วนประการสุดท้าย เขายังเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ด้วย”

“อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์?” สายตาของซ่างกวนเทียนซินหันไปทางเรือนพักของกลุ่มนักรบเฟยหลี่ จ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิงซึ่งยืนอยู่บริเวณประตูทางเข้า ซ่างกวนเทียนซินมองเขาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะเอ่ยต่อ “หลงหยิน รู้หรือไม่ว่าเขาเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับไหน?”

ซ่างกวนหลงหยินส่ายหัวกล่าวว่า “ ตอนนี้ข้ายังไม่รู้ อย่างไรก็ตาม เขาได้ไปเยี่ยมชมศาลาศาสตรามณียุทธ์เมื่อไม่กี่วันก่อน…และมีบางอย่างที่น่าสนใจเกิดขึ้น…ฝ่าบาท ท่านจะต้องอยากได้ยินเรื่องนี้อย่างแน่นอน”

เมื่อเขาพูดถึงจุดนั้น เสียงของซ่างกวนหลงหยินก็หรี่เบาลง คำพูดต่อไปของเขามีเพียงซ่างกวนเทียนซินเท่านั้นที่ได้ยิน

หลังจากฟังซ่างกวนหลงหยินเล่าเรื่องราวแล้ว ใบหน้าของซ่างกวนเทียนซินก็ดูประหลาดใจยิ่งขึ้น ทั้งยังแฝงความสุขใจเอาไว้ด้วย หลังจากหยุดพักไปชั่วขณะ เขาก็มองไปที่ซ่างกวนหลงหยินและหัวเราะเบาๆ “งั้น…นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าพี่รองจะได้พบปิงเอ๋อร์หลังจากผ่านไปหลายปี นั่นหมายความว่าโจวเหว่ยชิง เด็กน้อยคนนี้จะเป็นหลานเขยของข้าในอนาคต? ฮ่าๆ!”

ซ่างกวนหลงหยินกล่าวว่า “ใช่ขอรับ นายท่านรองขอให้ข้าจับตาดูเขาเป็นพิเศษว่าเขาทำสิ่งใดในงานประลองบ้างและคอยปกป้องเขาอย่างลับๆ อย่าให้เกิดอะไรร้ายแรงกับเขามากเกินไป”

ซ่างกวนเทียนซินหัวเราะอย่างเบิกบานและกล่าวว่า “ข้ารู้นิสัยพี่รองดี แม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้แน่ชัดก็ตาม ฮ่าฮ่า…โจวเหว่ยชิงคนนั้นจะต้องผ่านความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสกว่าจะได้อยู่ร่วมกับปิงเอ๋อร์ ได้ยินเจ้าพูดแบบนั้น ตอนนี้ข้าก็หวังเล็กน้อยว่ากลุ่มนักรบเฟยหลี่จะสามารถคว้าชัยชนะได้ในวันนี้…”

ซ่างกวนหลงหยินส่ายหัวและพูดว่า “ยากเกินไป หากกลุ่มนักรบตันตุ้นใช้พลังเต็มที่ อาณาจักรเฟยหลี่ย่อมไม่มีโอกาสเลย”

ซ่างกวนเทียนซินยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพูดว่า “เจ้าหมายความว่ารอบต่อไป ปีศาจน้อยเซินและหานปิงจะออกมาต่อสู้แบบคู่ ส่งสมาชิกคนอื่นมาในรอบที่ 4 และรอบสุดท้ายคือปีศาจน้อยเซิน?”

ซ่างกวนหลงหยินพยักหน้าและกล่าวว่า “นั่นจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ข้าคิดว่าพวกเขาจะลงมือเช่นนั้นแน่นอน หากไม่เป็นเช่นนั้น แม้ว่าพวกเขาจะชนะ พวกเขาก็จะต้องเสียหน้าท่ามกลางมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่ง อื่นๆ”

ซ่างกวนเทียนซินถอนหายใจเบาๆ และกล่าวว่า “นั่นคือธรรมชาติของมนุษย์! ความจริงแล้วการที่ 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์วางวางตัวสูงส่งเหนือผู้อื่นเช่นนี้ก็ไม่ดีนัก หากได้ตกจากที่สูงเช่นนี้ก็มีแต่จะเจ็บปวดและทุกข์ทรมาณมากกว่าคนอื่นๆ”

ในขณะที่กษัตริย์และข้ารับใช้กำลังพูดคุยกัน การต่อสู้บนเวทีก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

ในขณะที่เหล่าแท่งน้ำแข็งซึ่งขยายขนาดใหญ่ขึ้นมุ่งหน้าเข้าหาสี่น้อยอีกครั้ง เขาก็ปลดปล่อยพลังออกมาเต็มพิกัดทันที

เมื่อเห็นหานปิงสามารถควบคุมแท่งน้ำแข็งได้อย่างน่าสะพรึงกลัว สี่น้อยก็ไม่กล้าหยุดอยู่นิ่งๆ เป็นเวลานาน

ร่างทั้งร่างของเขาดูเหมือนควันสีเขียวที่ลอยวูบวาบ วิ่งพล่านไปทั่วเวทีกว้างราวกับหนูติดจั่น ล้อมหานปิงเอาไว้ด้วยการเคลื่อนไหวที่ไม่หยุดนิ่งและไม่เป็นจังหวะ นอกจากนี้ ส่วนใหญ่เขายังวิ่งวนอยู่บริเวณรอบนอกของเวทีซึ่งดูจะไม่เป็นอันตรายมากนัก

เพื่อที่จะไล่จับเขาให้ได้ หานปิงจึงมายืนอยู่ตรงกลางเวทีโดยไม่รู้ตัว แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังสามารถควบคุมทักษะของตนเองได้ในรัศมีเกือบ 15 หลาอยู่ดี

ความจริงแล้วความเร็วของสี่น้อยนั้นช้ากว่าความเร็วสูงสุดของหลานเฟิงมาก เพราะถึงอย่างไรทักษะธาตุของเขาก็ไม่เพียงแต่ไม่ใช่ธาตุลม แต่ระดับพลังปราณของเขาก็ยังต่ำกว่าหลานเฟิงมากด้วย

…………………………………………………..