บทที่ 22 เหตุวุ่นวายในโรงน้ำชา แผนการของแต่ละฝ่าย (1) โดย Ink Stone_Romance
“มีคนตกจากชั้นบน!” เหยียนหลิงจวินเอ่ยพลางเอื้อมไปปิดหน้าต่าง
ด้านล่างชุลมุนวุ่นวายไปหมด ผู้คนมากมายซุบซิบกันระงม
ระหว่างที่ฉู่สวินหยางกำลังครุ่นคิดว่าควรจะปลีกตัวออกไปดีหรือไม่ ชิงเถิงก็ผลักประตูเข้ามารีบเอ่ย “ท่านหญิง แย่แล้วเจ้าค่ะ ท่านหญิงฮั่ว…ท่านหญิงฮั่ว…เกิดเรื่องแล้ว!”
ชิงเถิงพูดลิ้นพันกันไปหมด พลางก้าวหลบไปอย่างรวดเร็ว “ท่านหญิงไปดูหน่อยเถิด”
“ท่านพี่ฮั่วหรือ? นางอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” ฉู่สวินหยางตกใจขึ้นมาในทันใด ก่อนกลับไปมองเหยียนหลิงจวินแวบหนึ่ง “ข้าจะไปดูเดี๋ยวนี้!”
ยังพูดไม่ทันจบก็สาวเท้าก้าวออกไป
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉู่สวินหยางเดินพลางเอ่ยถาม
“บ่าวก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก เมื่อครู่ได้ยินคนกรีดร้อง และเห็นคนของเถ้าแก่รายงานว่าเสียชีวิต ห้องฝั่งนั้นเหมือนจะมีท่านหญิงจากหลายตระกูลรวมตัวกันอยู่ หม่อมฉันบังเอิญได้ยิน เหมือนว่ามีคนร้องตะโกนว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่านหญิงฮั่ว” ชิงเถิงสีหน้าเร่งร้อน รีบเอ่ยตอบ
ชายชุดแพรที่ตกไปเมื่อครู่ แม้ฉู่สวินหยางไม่ได้เห็นใบหน้าของเขาชัดเจน แต่จากเสื้อผ้าแล้วก็รู้ได้ว่ามั่งมี เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นลูกหลานตระกูลชั้นสูงสักตระกูลหนึ่ง
และหากจะบังเอิญเกี่ยวกับฮั่วชิงเอ๋อร์จริงๆ มันจะมีอะไรบังเอิญขนาดนี้เลยหรือ?
ในใจของฉู่สวินหยางลุกลี้ลุกลนขึ้นมาเล็กน้อย
จนเดินไปหยุดอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องที่อยู่ด้านในสุด ในเวลานั้นก็มีคนยืนแออัดกันเต็มไปหมด ต่างคนต่างซุบซิบแสดงความเห็นอะไรกันบางอย่าง ไม่เหลือที่ว่างให้ใครแทรก
“ทำอย่างไรดี? นี่ควรทำอย่างไรดี?” เถ้าแก่ลุกลนเสียจนเหงื่อตกไปทั่วตัว กระโดดหย็องๆ อยู่กับที่
ฉู่สวินหยางแทรกในฝูงชนนั้น
ในห้องนั้นกว้างโล่ง มีเพียงฮั่วชิงเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างอยู่เพียงผู้เดียว สายตาจับจ้องไปยังผู้ที่นอนอยู่ในถนน
สาวใช้ประจำตนของนางยืนหัวหดอยู่ในมุมข้างๆ ท่าทีหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ส่วนผู้อื่นก็อัดกันอยู่ตรงประตูทางออก ฉู่สวินหยางกวาดตามองไป และก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยจริงๆ พวกนั้นล้วนเป็นพวกเหล่านางกำนัลที่เห็นหน้ากันบ่อยๆ ในงานเลี้ยงที่วัง
เวลาเดียวกันพวกนางเหล่านั้นก็เหมือนกับดอกไม้ที่ไร้สีสัน ส่วนหนึ่งกำผ้าในมือแน่น ส่วนหนึ่งคุกเข่าขาอ่อนพิงๆกันไป พลางมองหน้าฮั่วชิงเอ๋อร์ที่อยู่ในห้อง สายตาก็มองนางเหมือนเห็นผี
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉู่สวินหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย และเดินเข้าไป
หญิงชุดชมพูที่อยู่ข้างๆ หันกลับมา พอเห็นนางก็ตกใจเล็กน้อย หลุดสบถ “ทำไมเป็นเจ้า?”
เมื่อพูดออกไปเช่นนั้น ก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองหลุดออกไป เลยรีบเปลี่ยนเรื่อง คุกเข่าทำความเคารพแทน “ท่านหญิง!”
คนอื่นๆ กำลังตกตะลึงกันอยู่ พอได้สติถึงรีบทำความเคารพไปตามๆ กัน “คารวะท่านหญิง!”
ฉู่สวินหยางก้าวเข้าไปโดยไม่แม้แต่เหล่มอง
เมื่อฮั่วชิงเอ๋อร์ได้ยินเสียงขยับจากด้านหลังก็เหมือนหลุดจากภวังค์และได้สติกลับมา เมื่อเห็นฉู่สวินหยาง ก็รีบเดินเข้ามาสองก้าว “น้องหญิงสวินหยาง!”
“อืม!” ฉู่สวินหยางพยักหน้า
หญิงชุดชมพูที่อยู่หน้าประตูก็และเดินเข้ามา ก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว “ชิงเอ๋อร์ เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นหรือ…เหตุใด”
ระหว่างที่พูดก็เหลือบมองหน้าต่างด้านหลังของนางที่หักไปเกินครึ่ง
“สวินหยาง!” ฮั่วชิงเอ๋อร์กลับไม่ได้ใส่ใจอะไรนาง รีบเข้าไปจับมือของฉู่สวินหยางไว้ ฉู่สวินหยางเองก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของมือนาง ฮั่วชิงเอ๋อร์กลืนน้ำลายไปสองอึกใหญ่ ก่อนเอ่ย “มะ…เหมือนว่าข้าฆ่าคนไป!”
ฮั่วชิงเอ๋อร์นับว่าใจกล้ากว่าสหายทั่วไปของนางเล็กน้อย แต่ก็เป็นแค่เด็กหญิงที่ไม่เคยผ่านพายุฝนมาก็เท่านั้น ระหว่างที่พูด สายตาลนลานไปหมด หาจุดมองไม่ได้สักที
“ไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรหรอก!” ฉู่สวินหยางจับมือปลอบนาง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เอ่ยมาให้ชัดเจนก็พอแล้ว”
“ข้า…” ฮั่วชิงเอ๋อร์ออกแรงพยักหน้า
จำต้องพูด นางตกใจมากกับเหตุการณ์วุ่นวายกะทันหันเมื่อครู่นี้ เมื่อเห็นฉู่สวินหยางมาก็เหมือนกับตนหาที่พึ่งได้
พอนางจะพูด ชั้นล่างก็มีเสียงโหวกเหวกโวยวายขึ้นมา
“หาคนของขุนนางเจอแล้ว!” มีคนตะโกนเสียงดัง
หลังจากนั้นก็มีคนตะโกนแผดเสียง “ขุนนางจะทำคดี หลีกไป ใครไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด”
เสียงนี้ฉู่สวินหยางรู้จัก เป็นเสียงตู้ฉางหมิงหัวหน้าศาลาว่าการพระนคร
ฮั่วชิงเอ๋อร์สั่นไปทั้งตัว
หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเซ็งแซ่ของคนด้านล่างที่เอ่ยอย่างคาดไม่ถึง “นี่…นี่…นี่เหมือนจะเป็นท่านชายห้าแห่งจวนหลัวกั๋วกงนี่!”
จวนหลัวกั๋วกง? คนตระกูลหลัว?
ฮั่วชิงเอ๋อร์ตะลึง ขาอ่อนขึ้นมาในทันใด
ฉู่สวินหยางก็ใจสั่นเหมือนกัน
“เป็นไปได้อย่างไร?” คนในกลุ่มนั้นเริ่มถกเถียงกันอีกครั้ง สายตาแต่ละคู่จับจ้องมาทางฮั่วชิงเอ๋อร์
ที่พลั้งมือฆ่าคนไปเมื่อครู่นี้ ฮั่วชิงเอ๋อร์ก็ตกใจไม่น้อย ตอนนี้ก็กลัวขึ้นมาจริงๆ แล้ว จับมือฉู่สวินหยางแน่นขึ้นไปอีกอย่างไม่รู้ตัว
ช่วงนี้ตระกูลหลัวและตระกูลฮั่วเรียกได้ว่าไม่ลงรอยกัน ไม่ว่าจะในราชสำนักหรือว่าส่วนตัว ล้วนมีแต่ท่าทีเจ็บแค้นกันทั้งนั้น
บ้านสองของตระกูลหลัวสรุปว่าฮั่วกังฆ่าหลัวอี้ กัดไม่ปล่อยอยู่อย่างนั้น
ตอนนี้คนของตระกูลหลัวก็ตายด้วยน้ำมือของฮั่วชิงเอ๋อร์อีกครั้ง…
”เป็นไปได้อย่างไรกัน?” หญิงชุดชมพูผู้นั้นก้าวขึ้นมาก้าวหนึ่ง ชะโงกหน้ามองลงไปจากหน้าต่าง ท่าทางของนางดูแปลกใจเป็นอย่างมาก
ด้านล่างตู้ฉางหมิงกำลังพาคนมาตรวจสอบร่างกายของผู้ตาย อีกทั้งยังวุ่นถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เรือนมีสุขและคนที่เดินผ่าน
ฉู่สวินหยางฉุกคิดอะไรได้ จึงลากฮั่วชิงเอ๋อร์ลงไปด้านล่าง “ไป เราลงไปดูกัน”
ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฮั่วและตระกูลหลัวทุกวันนี้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่หลบๆ ไปแล้วจะปล่อยผ่านได้
ฮั่วชิงเอ๋อร์ก้าวลงบันไดเหมือนวิญญาณออกจากร่าง
ระหว่างที่ลงบันได ถนนสายนี้ก็โดนนักการศาลาว่าการและคนเดินผ่านปิดจนเป็นอัมพาต
“ท่านชาย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับร้านเลยแม้แต่น้อย เราเปิดร้านค้าขาย เรื่องบาดหมางระหว่างลูกค้าเราไม่อาจเข้าไปยุ่งได้” คนรับใช้เรือนมีสุขทุ่มแรงปัดความรับผิดชอบเต็มที่
ตู้ฉางหมิงหน้าขรึม เมื่อเงยหน้าเห็นพวกฉู่สวินหยางเดินออกมา จู่ๆ ก็เอ่ยอย่างตื่นตัว “ท่านหญิงสวินหยาง?”
“ท่านหัวหน้าตู้!” ฉู่สวินหยางพยักหน้าทักทายเล็กน้อย เมื่อเห็นเขาแสลงใจก็ยิ้ม “ท่านหัวหน้ามาตรวจคดีหรือ? ท่านทำหน้าที่ของท่านไปเถิด คิดเสียว่าข้าไม่อยู่”
หลังจากที่ผ่านเรื่องของกู้ฉางเฟิงไป ทุกวันนี้ตู้ฉางหมินกับทั้งวังบูรพา โดยเฉพาะฉู่สวินหยางก็รู้สึกเคารพอยู่ห่างๆ เมื่อเห็นนางปรากฏตัวอย่างนี้ เรื่องแรกที่เขารู้สึกคือเวียนศีรษะ
“ได้ยินว่าท่านชายห้าโดนคนผลักมาจากด้านบนหรือ?” ตู้ฉางหมิงถามเหมือนว่าใช่
“ชิงเอ๋อร์คงไม่ได้ตั้งใจ” หญิงชุดชมพูขมวดคิ้วเอ่ยเบาๆ
ซึ่งนางก็คือทายาทหญิงผู้เดียวของตระกูลเจิ้ง
“เขาโดนท่านหญิงฮั่วผลักลงมาอย่างนั้นหรือ?” ตู้ฉางหมิงเอ่ยถาม ในใจก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ง่ายๆ
“ข้าไม่รู้!” ฮั่วชิงเอ๋อร์เอ่ยอย่างแค้นเคือง เอ่ยอย่างลนลาน “ข้าไม่เห็นว่าเขาเป็นใคร และข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ข้าและพวกท่านหญิงเจิ้งกำลังดื่มชากันอยู่ด้านบน และสาดน้ำชาโดนตัวอย่างไม่ทันระวัง จึงไปจัดการตนอีกห้องหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าอีกห้องจะมีชายคนหนึ่งอยู่ เขา…” ฮั่วชิงเอ๋อร์พยายามรวบรวมสติ พูดๆ อยู่สีหน้าก็ค่อยๆ แดงขึ้นมาด้วยความโกรธ ครู่หนึ่งจึงกัดปากเอ่ย “เขาเหมือนเมาหนัก อีกทั้งยังทำรุ่มร่ามกับข้าอีก ข้าผลักเขาออกไป ไม่รู้ว่า…ไม่รู้ว่าเขาตกจากหน้าต่างไปได้อย่างไร”
นางยิ่งพูดก็ยิ่งลน เหมือนกลัวว่าจะไม่มีใครเชื่อ หันกลับไปจับมือฉู่สวินหยางไว้แน่น “ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น? ข้าแค่อยากผลักเขาออกไปเท่านั้น ข้าก็คิดไม่ถึง…ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจ!”
“แค่เจ้าบอกว่าไม่ตั้งใจเรื่องก็จบแล้วหรือ?” ยังพูดไม่ทันจบ กลับได้ยินเสียงสูงดังขึ้นจากด้านหลัง น้ำเสียงโกรธเคือง
พอหันกลับไป คนตระกูลหลัวที่ได้ยินข่าวและรีบมากันแล้ว
คนที่พูดคือคุณชายสามหลัวเสียงแห่งตระกูลหลัว ตามมาด้วยหลัวเหว่ยหรือกั๋วกงแห่งจวนหลัวกั๋วกง
สีหน้าของหลัวเหว่ยดำทะมึน เมื่อเหลือบไปเห็นคุณชายห้าหลัวส่วงนอนจมกองเลือดอยู่ ในดวงตาก็แฝงไปด้วยความบั่นทอน
“ท่านชายห้า?” ด้านหลังของเขามีขันทีวัยกลางคนพูดขึ้นมา และพาครอบครัวเดินขึ้นมาตรวจสอบร่างศพของหลัวส่วง
ฉู่สวินหยางก็ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
หลัวเสียงเป็นลูกชายของหลัวอี้ เป็นพี่ชายแท้ๆ ของหลัวอวี่ก่วน และคุณชายห้าหลัวส่วงที่ตกตึกนั้น แม้เป็นลูกอนุภรรยาของหลัวเหว่ย แต่เป็นคนมีความสามารถ รู้เรื่อง เป็นลูกที่หลัวเหว่ยรักคนหนึ่ง
หากเป็นพวกเสเพลก็ว่าไป ทำไมต้องเป็นลูกหลานที่บริสุทธิ์ของตระกูลด้วย
สีหน้าของหลัวเหว่ยไม่ปราณี ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่ทั้งกายกลับเผยให้เห็นอารมณ์โกรธเดือดดาล ทำให้รู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก
ฉู่สวินหยางสังเกตเห็น แม้เขาจะไม่ได้ขยับ แต่มือที่อยู่ใต้ชุดนั้นได้กำหมัดแน่น
————————————–