เสี่ยวเชี่ยนเดินเข้าไปยืนอยู่ในบ้านที่ว่างเปล่า แสงแดดส่องเข้ามาเห็นฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ บ้านที่ไม่มีคนอยู่ดูเงียบเหงา แต่แสงแดดกลับทำให้เต็มไปด้วยความหวัง
เธอมักจะได้ส่งคนไข้ไปแบบนี้ บางคนหลังจากที่เธอช่วยให้พ้นจากเงื้อมมือยมทูตได้แล้วชีวิตนี้อาจไม่ได้เจอกันอีก แต่การจากลาแบบนี้กลับเป็นเกียรติประวัติของหมอ เพราะการไม่ได้เจอกันอีกก็แสดงว่าคนไข้ฟื้นฟูร่างกายและจิตใจได้ดี
“พี่สะใภ้อันนี้ของพี่” หลิวเหมยเข้ามาพร้อมกับดอกไม้สีแดงช่อใหญ่
“ใครให้เหรอ?”
“เวยเวยซื้อให้พี่ก่อนไป เขาเสียใจมากที่ต้องแยกจากพี่แล้ว เอาแต่ร้องไห้ เย่เสียวอวี่บอกว่ากลับจากไปเที่ยวเวยเวยให้พามาหาพี่แล้วถึงจะยอมไป”
เสี่ยวเชี่ยนรับดอกไม้มา เป็นช่อดอกคาเนชั่นสีแดง แสดงถึงคำขอบคุณที่เวยเวยมีให้ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ นี่เป็นค่ารักษาที่ถูกที่สุดที่เสี่ยวเชี่ยนรับมา แต่เธอชอบมาก
“เดี๋ยวพี่เอาไปปักแจกัน”
ตอนที่ได้เจอกันอีกครั้งหวังว่าเด็กคนนั้นจะไม่ใช่คนไข้ของเธอแล้ว สามารถกลายเป็นน้องสาวหรือเพื่อนของเธอแทน
“จริงสิพี่สะใภ้ อันนี้ก็ของพี่!” หลิวเหมยหยิบสมุดโน้ตออกมาจากเอว “เย่เสียวอวี่ให้ฉันเอามาให้พี่ นอกจากนี่แล้วเขายังทิ้งเครื่องสำอางที่ยังไม่ได้แกะไว้ให้พวกเราอีกลังหนึ่ง บอกว่าแบ่งให้พวกเราใช้ ต่อไปเขาไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว”
เสี่ยวเชี่ยนไม่เพียงแต่จะควบคุมโรคซึมเศร้าของเวยเวยได้ อีกทั้งยังได้สร้างทัศนคติใหม่ให้กับเย่เสียวอวี่ผ่านการรักษาเวยเวย รักษาอาการโรคย้ำคิดย้ำทำของเย่เสียวอวี่ให้หายดีอีกด้วย
เสี่ยวเชี่ยนเอามือข้างหนึ่งเปิดสมุดดู มุมปากกระตุก
อักษรตัวเบ้อเร่อปรากฏ ‘เรื่องลับของเหม่ยเหวยที่บอกใครไม่ได้’
นี่มันสมุกโน้ตที่เย่เสียวอวี่ใช้จดเรื่องของเธอไม่ใช่เหรอ?
ชื่อหัวข้อตั้งได้ปัญญาอ่อนจริงๆ
พอเปิดดูหน้าแรกเขียนว่า ‘วันเดือนปีไม่ปรากฏ เหม่ยเหวยใส่ชุดนอนต้อนรับผู้ชายลึกลับในบ้าน’
เย่เสียวอวี่เอาเรื่องที่เห็นตอนที่มาทำงานบ้านให้เสี่ยวเชี่ยนจดลงไปในสมุด
ไม่ใช่แค่เรื่องต้อนรับผู้ชาย พูดจาเกินเลย แม้แต่วันไหนที่เข้าห้องน้ำนานก็ยังจด อีกทั้งยังวงเล็บไว้ด้วยว่า สงสัยว่าจะท้องผูก…
เสี่ยวเชี่ยนเห็นตัวหนังสือที่อัดแน่นอยู่ในนั้นก็ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี แอบคิดว่าถ้าเย่เสียวอวี่ไม่ไปทำงานเป็นปาปารัซซี่คงเสียดายพรสวรรค์แย่ เรื่องราวที่บันทึกในสมุดเล่มนี้มีไม่กี่เรื่องที่เป็นความจริง ส่วนใหญ่เป็นการเสกสรรปั้นแต่งของเย่เสียวอวี่เอง
พอเปิดไปถึงช่วงท้ายๆ เนื้อหาไม่เหมือนกับช่วงแรก
วันเดือนปีไม่ปรากฏ ฉันกับน้องสาวย้ายออกแล้ว เหม่ยเหวยที่ฉันเกลียดที่สุดบอกฉันว่าไม่ต้องใช้เครื่องสำอางเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีก เขาได้ช่วยชีวิตน้องสาวฉันจากเงื้อมมือยมทูต ถึงแม้ตอนจะจากกันฉันก็ยังไม่ชอบเขาอยู่ดี หวังว่าเขาจะเลิกกับผู้ชายที่ฉันเคยชอบ
ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนอ่านมาถึงตรงนี้เธออยากยกนิ้วกลางให้จริงๆ ถุย! ไม่เลิกโว้ย! น่าโมโหจริงๆ!
อันที่จริงวันที่เขียนก็คือวันนี้ เย่เสียวอวี่ยัยตัวแสบ จะไปแล้วยังจะมายั่วโมโหเธอ!
ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังหงุดหงิดอยู่นั้นมือเธอก็พลิกหน้าต่อไป ด้านหลังของหน้านั้นมีบรรทัดหนึ่งเขียนไว้ตัวเล็กมาก ถ้าไม่สังเกตดีๆจะไม่เห็น ตรงกันข้ามกับลายมือด้านหน้าที่เขียนไว้ตัวใหญ่โดยสิ้นเชิง
ถึงฉันจะเกลียดเหม่ยเหวย แต่ก็อยากพูดขอบคุณเขา ขอบคุณที่เขามอบชีวิตใหม่ให้ฉันกับน้องสาว คนดีชีวิตสงบสุข ฉันเกลียดเหม่ยเหวยจริงๆนะ ชาตินี้คงไม่มีทางชอบเขาได้
“ขนลุก น่าหงุดหงิดชะมัด คำพูดขอบคุณยังทำให้เสียอารมณ์ ใครเขาอยากให้เธอมาชอบกัน ฉันก็เกลียดเธอย่ะ แล้วใครกันที่เป็นคนดี?” เสี่ยวเชี่ยน หึ ออกมา แล้วปิดสมุดด้วยสีหน้าเชิ่ดๆ ยัยเย่เสียวอวี่นี่ทำอะไรชวนขนลุก
“คุณไงที่เป็นคนดี~” เสียงคนแปลกหน้าดังขึ้นภายในห้องที่ว่างเปล่า เสี่ยวเชี่ยนเงยหน้าขึ้นก็เห็นคนต่างชาติสวมหมวกแก็ปถือกระเป๋ายืนอยู่ที่ประตู
“สวัสดีค่ะ~ ฉันชื่ออคาเทอริส เป็นผู้เช่ารายใหม่ของห้องนี้ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ!” คนต่างชาติถอดหมวกแก็ปออกเผยให้เห็นผมสีทอง จากนั้นก็ยิ้มกว้างให้เสี่ยวเชี่ยน
คนที่ยืนอยู่ตรงประตูเป็นชาวต่างชาติ แต่กลับพูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ว่าจะรูปร่างหรือน้ำเสียงดูเป็นกลางๆมากกว่า ในมือของเธอมีกระเป๋าใบใหญ่ คงเป็นสัมภาระ ที่คอมีกล้องถ่ายรูปราคาแพงห้อยอยู่
พอรู้สึกได้ถึงสายตาของเสี่ยวเชี่ยนที่มองมา อคาจึงตอบคำถามที่เสี่ยวเชี่ยนสงสัยอยู่ในใจแต่ไม่ถามออกมา
“ฉันชื่ออคาเทอริส เป็นคนประเทศF ตอนนี้ย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะเรื่องงาน ฉันเพศหญิงแต่ชอบลุคบอยๆ เรียกฉันว่าอคาเฉยๆก็ได้~”
“สวัสดีค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้าให้ตามมารยาทแล้วหันตัวเดินออก
“มีเรื่องอะไรเรียกหาฉันได้เลยนะคะ ต่อไปพวกเราก็เป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว วันนี้ฉันเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่” อคาพูดกับเสี่ยวเชี่ยนอย่างกระตือรือร้น เสี่ยวเชี่ยนแค่พยักหน้าให้เล็กน้อยแล้วกลับห้อง
ท่าทีที่เธอมีต่อคนแปลกหน้าเป็นแบบนี้เสมอ ไม่ทำตัวสนิทสนม
พอเสี่ยวเชี่ยนไปแล้วอคาก็โยนกระเป๋าไปทางหนึ่งแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความ
บอส ฉันย้ายเข้ามาเป็นเพื่อนบ้านของเฉินเสี่ยวเชี่ยนแล้วค่ะ นางฟ้าเย็นชาไม่สนใจฉัน ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม…
เสี่ยวเชี่ยนกลับเข้าบ้านตัวเอง หลิวเหมยกำลังมองลังที่เย่เสียวอวี่ให้พวกเธอด้วยสีหน้าลำบากใจ
“พี่สะใภ้ พวกเราจะจัดการลังนี่ยังไงดี ทำไมเขาซื้อเก่งแบบนี้!”
ยังไม่มีชิ้นไหนถูกแกะเลยสักชิ้น ทั้งขวดทั้งกระปุก เห็นแล้วตาลาย
“ก่อนหน้านี้เขาเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเสพติดการแต่งหน้า พอเห็นของพวกนี้ก็ชอบซื้อไม่แปลกหรอก เธอใช้อันไหนได้ก็เอาไป อันไหนไม่เอาก็ให้คนอื่น หรือไม่ก็รอเธอกับฉิวฉิวเปิดโรงเรียนแล้วเอาของพวกนี้ไว้แจกพวกผู้ปกครองก็ได้”
พี่สะใภ้ไม่เอาเหรอคะ?”
“สุ่ยเซียนเพิ่งซื้อมาให้พี่ชุดนึง ใช้ไม่หมดหรอก”
“อ่อ โอเค งั้นเดี๋ยวฉันเลือกดู พี่สะใภ้ว่าชิ้นไหนเหมาะกับผู้หญิงมีอายุใช้บ้าง แม่กับน้องสาวของแฟนฉันจะมา ฉันว่าจะเอาไปให้เขา”
“พวกเขาจะมาแล้วเหรอ?”
“ค่ะ บอกว่าพรุ่งนี้ถึง ฉันว่ามันแปลกๆ พี่สะใภ้บอกเรื่องที่ฉันต้องระวังเวลาไปเจอพวกเขาหน่อยสิ สิ่งที่พี่พูดทุกอย่างจนถึงตอนนี้มันตรงหมดเลย พอฉันบอกว่าฉันจะซื้อบ้านเขาก็ไม่เลิกกับฉันแล้ว”
เสี่ยวเชี่ยนไม่โอเคกับแฟนอวี๋หลิวเหมยคนนี้สุดๆ
คบกันมาตั้งนานแต่โทรหากันแค่สิบกว่าครั้ง เจอหน้ากันแค่ไม่กี่ครั้ง พอรู้ว่าอวี๋หลิวเหมยมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านนอกก็บอกเลิกทันที เสี่ยวเชี่ยนจึงคิดแผนให้หลิวเหมยไปโพสต์ลงโซเชียลว่ากำลังจะซื้อบ้านใหม่ ไม่ถึงสามวันผู้ชายเลวคนนั้นก็โทรมาบอกว่าเสียใจที่บอกเลิก ขอกลับมาคืนดี
ช่วงเวลาที่เสี่ยวเชี่ยนวุ่นอยู่กับการต้อนรับสุ่ยเซียนกับรักษาเวยเวยนั้น แฟนในตำนานของหลิวเหมยก็เริ่มแผนจู่โจม โทรมาถึงสามครั้งในหนึ่งสัปดาห์ ถี่ยิ่งกว่าช่วงก่อนหน้านี้ที่คบกัน แถมตอนนี้ยังจะให้ครอบครัวมาเจอหลิวเหมย ช่างเป็นครอบครัวที่อยู่ในโลกความจริงเหลือเกิน
“จะให้ช่วยเสนอไอเดียเหรอ…” แผนของเสี่ยวเชี่ยนก่อนหน้านี้ทำไปก็เพื่อล่อให้ครอบครัวนี้ยกโขยงกันมา
มาเป็นเหยื่อถึงที่ไงล่ะ