“เหมยจื่อ จะแต่งกับเขาจริงๆเหรอ?”
“อาจารย์ฉันบอกแล้วว่าปีนี้ต้องแต่งงาน ไม่อย่างนั้นดวงจะชงพ่อชงแม่ชงตัวเอง ตอนนี้ฉันไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว มีแค่เขานี่แหละ”
หลังจากที่พี่สะใภ้บอกว่าหม่าลุ่ยมาคบกับเธอก็เพื่อจะได้ย้ายเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ ความคาดหวังต่อการแต่งงานในครั้งนี้ของหลิวเหมยจึงเป็นศูนย์
“อาจารย์พูดอะไรเธอก็เชื่อหมดเลยเหรอ นี่มันยุคสมัยไหนแล้วทำไมยังเชื่องมงายอยู่อีก?”
“ก่อนหน้านี้ฉันก็หวั่นไหว แต่สองวันก่อนพี่โทรมาบอกว่าพ่อป่วย…พ่อบุญธรรมก็ป่วย…แม้แต่หมาของพ่อบุญธรรมก็ป่วย”
เพราะคำทำนายของอาจารย์ เธอต้องกัดฟันอดทน เธอแค่อยากแต่งๆไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“ถ้าพี่จำไม่ผิด หมาบ้านพ่อบุญธรรมเลี้ยงมาสิบกว่าปีแล้วใช่ไหม?” เสี่ยวเชี่ยนหมดคำจะพูด หมามันแก่ใกล้ตายยังจะเอามาเกี่ยวกับเรื่องนี้?
“ถึงอายุมันจะมากแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเป็นอะไร กลับมาเป็นตอนที่ฉันบอกเลิก? อาจารย์ฉันพูดถูก ดวงฉันไม่ดี ไม่ใช่แค่ชงพ่อแม่ แม้แต่หมาก็ไม่เว้น”
“อาจารย์หัวโบราณที่แสนงมงายของเธอไว้เดี๋ยวพี่ค่อยไปคิดบัญชี…” เสี่ยวเชี่ยนแค้นอาจารย์ของหลิวเหมยคนนี้มานานแล้ว หลอกหลิวเหมยให้เชื่อมาตั้งนาน!
“พี่สะใภ้ว่าอะไรนะคะ?” หลิวเหมยได้ยินไม่ชัด
“พี่พูดว่าในเมื่อมาแล้วพวกเราก็ต้อนรับให้ดี”
เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าการที่หลิวเหมยรั้นจะแต่งงานตอนนี้ให้ได้เป็นเพราะคำพูดของอาจารย์ อาจารย์ของหลิวเหมยใช้วิธีพูดล้างสมองหลิวเหมยเหมือนกับที่เสี่ยวเชี่ยนใช้กับเย่ต้าเชียน บอกว่าถ้าหลิวเหมยไม่แต่งงานคนในครอบครัวก็จะซวย ประจวบกับพ่อแม่หลิวเหมยเกิดเรื่องขึ้นพอดี หลิวเหมยก็เลยเชื่อคำพูดของอาจารย์อย่างไม่สงสัยเลยสักนิด เชื่อหนักแน่นว่าต้องแต่งงานถึงจะล้างซวยให้ครอบครัวได้
คนทำนายดวงมักจะมีคำพูดที่บังเอิญประจวบเหมาะ ทำให้คนคิดว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง โดยให้ระยะเวลาของคำทำนายมีอายุยืดยาวออกไปเพื่อที่โอกาสที่คำทำนายจะเป็นจริงมีมากขึ้น อย่างเช่นอาจารย์บอกว่าถ้าหลิวเหมยไม่แต่งงานคนที่บ้านจะซวย ตอนแรกหลิวเหมยก็ไม่เชื่อหรอก
แต่ต่อมาคนในบ้านก็เกิดเรื่อง ต่อให้คนที่ควรป่วยยังไงก็ต้องป่วย คนที่ต้องกระดูกหักก็ต้องกระดูกหัก แต่เพราะมีคำทำนายนี้ก่อนหน้านี้ ทำให้เธอคิดว่ามันแม่น ซึ่งเรื่องแบบนี้ความเป็นไปได้มันก็มีสูงอยู่แล้ว
ยังมีเรื่องที่แทบจะทุกคนเคยเจอ ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับความเชื่อพวกนี้อย่างเรื่องการอยู่ไฟ
หลายคนเชื่ออย่างหนักแน่นว่าตามธรรมเนียมโบราณการอยู่ไฟดีต่อผู้หญิง อย่างเช่น ห้ามแปรงฟัน ห้ามอาบน้ำ เป็นต้น คำบอกเล่าที่ส่งต่อกันมาปากต่อปาก ธรรมเนียมที่แสนคร่ำครึแบบนี้ก็เล่ากันมาอย่างน่าเชื่อถือ ทั้งๆที่ก็มีหมอจำนวนไม่น้อยออกมาอธิบายแล้วว่ามันไม่มีประโยชน์
ช่วงอยู่ไฟระดับฮอร์โมนเพศหญิงจะเพิ่มขึ้น ผู้หญิงท้องบางคนอาจเป็นโรคเหงือกอักเสบ การไม่แปรงฟันจะทำให้ช่องปากติดเชื้อ เหงือกร่น หรือฟันหักเลยก็มี ผู้หญิงท้องบางคนต่อมเหงื่อทำงานดีเป็นพิเศษ หากไม่อาบน้ำในช่วงอยู่ไฟจะทำให้ช่องคลอดติดเชื้อ แต่ก็ยังคงมีคนจำนวนมากที่เชื่อเรื่องพวกนี้
ไม่ว่าหมอหรือผู้เชี่ยวชาญจะออกมาให้ความรู้กันแค่ไหนก็ยังเอาชนะคำขู่ของผู้เฒ่าผู้แก่ไม่ได้ ไม่เชื่อฟังเหรอ เดี๋ยวแก่ตัวลงก็จะรู้ บางครั้งคนท้องบางคนยังแอบสงสัย ไม่ทำแบบนั้นก็ไม่เห็นป่วยอะไรนี่? คนแก่ก็จะพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า รอแก่ตัวลงก็รู้!
แถมยังยกตัวอย่างอีกเป็นกระบุง ลูกสะใภ้บ้านนั้นตอนอยู่ไฟทำอย่างนั้นอย่างนี้ พอแก่ตัวลงก็เป็นแบบนั้นแบบนี้ ไม่กี่ปีหลังจากคลอดเป็นนั่นเป็นนี่—ต่อให้ไม่สระผมไม่แปรงฟัน แล้วคิดว่าอีกหลายสิบปีให้หลังจะไม่เป็นโรคพวกนั้นเหรอ?
เอาโรคที่เป็นในอีกหลายสิบปีให้หลังไปโทษว่าเป็นเพราะตอนนั้นช่วงที่อยู่ไฟทำตัวไม่เหมาะสม ยิ่งฟังก็ยิ่งน่าขำ แต่นี่ก็เป็นความคิดของใครหลายคนจริงๆ ซึ่งก็ไม่ต่างจากความคิดของหลิวเหมยในตอนนี้
หลิวเหมยเป็นผู้หญิงที่มีความคิดค่อนข้างเปิดกว้าง นิสัยตรงไปตรงมาอีกทั้งยังปรับตัวเก่ง แต่เธอค่อนข้างที่จะเซ้นซิทีฟในเรื่องครอบครัว แคร์พ่อแม่มาก ดังนั้นจึงถูกอาจารย์จับจุดนี้ได้ก็เลยใช้คำทำนายมาขู่หลิวเหมย ซึ่งก็เหมือนกับความคิดเรื่องการอยู่ไฟ เด็กคนนี้ก็เลยเชื่อ จะแต่งงานกับผู้ชายแย่ๆให้ได้
อาการแบบนี้เสี่ยวเชี่ยนอธิบายได้ ในทางจิตวิทยาเรียกว่า ‘ปรากฏการณ์บาร์นัม’ อธิบายง่ายๆก็คือ การที่เราจะเชื่อเรื่องใดสักเรื่องหนึ่งก็มักจะหาเหตุผลร้อยแปดเพื่อมาสนับสนุน ต่อให้เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อยก็สามารถลากมาเกี่ยวได้ เชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผล!
การรับมือกับหลิวเหมยในเวลานี้ที่ถูกอาจารย์ทำให้เกิด‘ปรากฏการณ์บาร์นัม’ เสี่ยวเชี่ยนเลือกที่จะใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง เธอก็จะใช้คำพูดชักจูงจิตใจของหลิวเหมยบ้าง เธอไม่เชื่อหรอกว่าดอกเตอร์ด้านจิตวิทยาอย่างเธอ (ระดับการศึกษาขั้นสูงสุดเมื่อชาติก่อน) จะสู้ตาแก่ทำนายดวงกำมะลอนั่นไม่ได้
เสี่ยวเชี่ยนมีวิธีอยู่ในใจแล้ว เธอเดินไปที่ห้องครัวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม หลิวเหมยพอเห็นเธอเดินเข้าห้องครัวก็ตกใจตะโกนออกมาเสียงดัง
“พี่สะใภ้จะทำอะไรคะ!”
จากการป่าวประกาศของอวี๋หมิงหลางทำให้คนรอบตัวต่างรู้เรื่องที่ประธานเชี่ยนเป็นจอมระเบิดครัว
เสียงตะโกนของหลิวเหมยไม่เพียงแต่จะทำให้เสี่ยวเชี่ยนหยุดเดิน ยังทำให้อคาที่แอบดักฟังอยู่ถึงกับเอามือกุมหู
แม่งเอ๊ย แหกปากทำไมวะ เกือบหูดับแล้วเนี่ย!
“พี่สะใภ้อยากกินอะไรบอกฉันสิ! พี่ห้ามเข้าครัวเด็ดขาด!” หลิวเหมยพูดด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด
เรื่องที่เสี่ยวเชี่ยนทำไมโครเวฟระเบิดยังตราตรึงอยู่ในหัวของเธอจนบัดนี้
“พี่จะไปชงชา” นี่เป็นอุปกรณ์ที่เสี่ยวเชี่ยนจะใช้ประกอบการพูดจูงใจหลิวเหมย
“เดี๋ยวฉันต้มน้ำให้!”
“ทำไมเธอทำตัวเหมือนพี่ชายเธอเลย? ทำตื่นตูมไปได้ พี่ยังไม่ถึงขนาดแค่ต้มน้ำยังทำไม่เป็นเสียหน่อย วางใจเถอะ พี่คิดวิธีทำไว้แล้ว ไม่มีทางพลาดแน่ ก็แค่เอาน้ำตาล ดอกเก๊กฮวย เก๋ากี้ ลำไยอบแห้งใส่ลงไปในกาก่อนแล้วเติมน้ำ จากนั้นก็เอากาใส่เข้าไปในไมโครเวฟ รอสักพักก็ได้ดื่มชาแล้ว!”
“…พี่นั่งเฉยๆดีกว่านะ เดี๋ยวฉันทำเอง”
หลิวเหมยดันตัวเสี่ยวเชี่ยนกลับมาแล้วเดินเข้าครัวไปทำ ยอมใจพี่สะใภ้จริงๆ มีกาต้มน้ำไม่ใช้ดันใช้ไมโครเวฟต้มชา ใครสอนทักษะใหม่ให้เนี่ย?
เสี่ยวเชี่ยนแอบน้อยใจ เธอว่าก็ไม่เห็นจะไม่ดีตรงไหน เคยลองวิธีชงชามาตั้งเยอะ เธอคิดว่าวิธีนี้ปลอดภัยที่สุดอีกทั้งยังสะดวก แล้วทำไมหลิวเหมยต้องมาห้ามด้วย?
อคาสาวผมทองที่ใช้เครื่องดักฟังได้ยินอย่างชัดเจน
บอสโทรมาพอดี
“ช่วงนี้เขาโอเคดีไหม?”
“ก็ดีค่ะ ฉันเพิ่งย้ายเข้ามา กะว่าพรุ่งนี้จะแกล้งทำเป็น ‘บังเอิญ’ เจอเขาที่มหาวิทยาลัย คิดว่าคงไปเข้าร่วมแก็งค์กับเขาได้ในไม่ช้า”
“อืม ดูแลเขาให้ดีๆ เงินเดือนๆนี้ฉันจะโอนเข้าบัญชีเธอ”
“บอส ฉันเพิ่งได้ยินเรื่องสนุกมา ดูเหมือนเฉินเสี่ยวเชี่ยนจะทำอาหารไม่เป็นนะ ขนาดชงชายังใช้ไมโครเวฟเลย ฮ่าๆๆ! น่ารักจุง”
“…ใช้ไมโครเวฟชงชามันตลกมากนักเหรอ?”
เอ๋ ทำไมเสียงบอสเย็นชาขนาดนี้? ทันใดนั้นอคาก็สังหรณ์ใจไม่ดี…
“ฉันว่าฉันหักเงินเดือนเธอหนึ่งอาทิตย์ดีกว่า”
“ทำไม!”
“บ่นอีกเดี๋ยวหักเดือนหน้าด้วยนะ”
ขึ้นต้นด้วยF ลงท้ายด้วยK คนรวยหน้าเลือด! อคาชูนิ้วกลาง แล้วทำปากถุยแบบไม่มีเสียงใส่โทรศัพท์
นี่ไม่ใช่โทรศัพท์ที่เห็นภาพได้ด้วย ดังนั้นอคาจึงไม่เห็นว่าหลังจากที่วางสายแล้วบอสได้สวมถุงมือผ้า เปิดไมโครเวฟเอาแก้วเซรามิกที่อยู่ในนั้นออกมา ซึ่งในแก้วมีน้ำชาร้อนๆหอมกรุ่น
“ชงชาไม่ให้ใช้ไมโครเวฟแล้วจะให้ใช้น้ำเย็นหรือไง…” เขาหรี่ตาดมกลิ่นหอมของชาพลางนึกถึงเสี่ยวเชี่ยนที่อยู่กันคนละประเทศ ในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที