ตอนที่ 700 ร้อนตัวหรือคำพูดแฝงความนัย

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

หลิวเหมยชงชาตามที่เสี่ยวเชี่ยนสั่ง นับแต่วันนี้ไปเย่เสียวอวี่ไม่อยู่ที่นี่แล้ว ไม่มีใครช่วยทำงานบ้าน งานพวกนี้หลิวเหมยกับเสี่ยวเชี่ยนต้องกลับมาช่วยกันทำเหมือนเดิม

 

 

เสี่ยวเชี่ยนแบ่งชาเทใส่สองแก้วแล้วเริ่มล้างสมองหลิวเหมยอย่างเป็นทางการ

 

 

“พี่จำได้ว่าเธอชอบดื่มชาดอกเก๊กฮวยใช่ไหม?”

 

 

“ดื่มตอนหน้าร้อนช่วยดับร้อน แถมยังทำให้สดชื่นขึ้นด้วยค่ะ”

 

 

“ดีมาก จำกลิ่นชาในวันนี้ให้ดี ต่อไปชานี้จะมีความหมายอย่างอื่นกับเธอ” นี่ก็คือการเริ่มต้นล้างสมอง

 

 

“ฉันจำได้แค่ว่าพี่สะใภ้คิดจะใช้ไมโครเวฟชงชา…” เรื่องนี้เธอสามารถจดจำไปได้ตลอดชีวิต

 

 

เสี่ยวเชี่ยนแกล้งไอ อันที่จริงเธอก็อยากรู้มากว่าทักษะระเบิดครัวนี้เธอได้แต่ใดมา ดูเหมือนในบ้านไม่เห็นมีใครเป็นแบบเธอ แม้แต่ต้าหลงยังต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินเองได้อย่างคล่องแคล่ว แถมยังใส่ไข่ใส่ผักเพิ่มเป็นด้วย

 

 

เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าห้ามพูดเรื่องงานครัว เลี้ยงได้ก็เลี่ยง

 

 

“เหมยจื่อ พี่อยากเล่าเคสคนไข้ให้เธอฟังเคสหนึ่ง เขาเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอด และสาเหตุของปัญหาก็คือสามีที่เป็นผู้ชายฟีนิกซ์กับแม่สามีจอมจู้จี้”

 

 

“ผู้ชายฟีนิกซ์คืออะไรคะ”

 

 

ยุคสมัยนี้คำๆนี้ยังไม่ดังขึ้นมา

 

 

“ผู้ชายฟีนิกซ์หมายถึงผู้ชายที่เกิดในครอบครัวที่ฐานะยากจนเข้ามาดิ้นรนใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ในสายตาของเพื่อนบ้าน พวกเขาคือฟีนิกซ์ทองที่บินออกมาจากเล้าไก่ พวกเขาคือความหวังที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว พวกเขาเป็นคนฉลาด อดทน รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร มีความทะเยอยานที่เห็นได้ชัดเจนมาก ไม่ใช่ว่าผู้ชายทุกคนที่มาจากบ้านนอกจะเป็นผู้ชายฟีนิกซ์เท่านั้นนะ คนในเมืองก็มีเหมือนกัน ครอบครัวยากจนมักจะทำให้ผู้ชายส่วนหนึ่งกลายเป็นผู้ชายฟีชายฟีนิกซ์ เรื่องนี้มีเทียบเป็นอัตราส่วนอยู่นะ”

 

 

“เอ๊ะ ที่พี่พูดมาทำไมฟังดูเหมือนหม่าลุ่ยเลย?”

 

 

หม่าลุ่ยคือแฟนที่เพิ่งคืนดีกับหลิวเหมย

 

 

เสี่ยวเชี่ยนยิ้มแบบมีเลศนัย “ที่พี่พูดเมื่อกี้คือด้านดีของพวกเขา ต่อไปพี่จะพูดถึงข้อเสียแล้วนะ คนไข้คนนั้นน่ะเป็นสาวในเมืองใหญ่ที่ฐานะค่อนข้างดีเลยล่ะ ประมาณเธอนี่แหละ พ่อแม่เป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัย ถือว่าเป็นชนชั้นกลาง ผู้หญิงคนนี้ชอบในความพยายามและดิ้นรนของผู้ชายคนนี้เลยแต่งกับเขาโดยที่ไม่สนคำคัดค้านของครอบครัว เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นล้วนเป็นต้นเหตุของโรคซึมเศร้าหลังคลอด…”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนใช้วิธีเล่าเรื่องราวเพื่อล้างสมองหลิวเหมย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความงก ความเห็นแก่ตัว เห็นเงินสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด เอาเงินเปย์ให้คนแก่และเด็กในครอบครัวอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น แถมยังอ่อนไหว เป็นพวกหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองมากจนเกินไป…

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเล่าไปเรื่อยๆ อวี๋หลิวเหมยฟังแล้วก็หน้าซีด

 

 

ผู้ชายที่เสี่ยวเชี่ยนยกมาเล่านี้ทำให้เธอคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนพูดถึงหม่าลุ่ย เหมือนมาก!

 

 

ไม่ว่าจะความทะนงตน เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ หรือเห็นแก่เงิน ทำไมถึงได้เหมือนขนาดนั้น? ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้หลิวเหมยเคยเล่าเรื่องแฟนให้เสี่ยวเชี่ยนฟัง เธอคงคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนพูดถึงแฟนของเธออยู่!

 

 

เสี่ยวเชี่ยนสังเกตปฏิกิริยาของหลิวเหมยอยู่ตลอด แอบทำมือชนะเลิศอยู่ในใจ ดอกเตอร์ทางด้านจิตวิทยาประสบความสำเร็จขั้นแรกในการต่อสู้กับหมอดูกำมะลอนั่น หญิงแก่คนนั้นทำได้เฉินเสี่ยวเชี่ยนก็ทำได้ นิสัยของมนุษย์มีอยู่แค่ไม่กี่อย่าง เท่าที่ฟังหลิวเหมยเล่า เสี่ยวเชี่ยนก็พอจะรู้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนแบบไหน แค่ลองหยิบยกเคสคนไข้ขึ้นมาพูดก็ทำให้หลิวเหมยตกตะลึงได้แล้ว

 

 

“งั้น ต่อมาล่ะคะ?” หลิวเหมยถูดเสี่ยวเชี่ยนล้างสมองจนเหงื่อแตกไปหมด เสี่ยวเชี่ยนดันแก้วชาไปข้างหน้าหลิวเหมย “ดื่มชาก่อนสิ”

 

 

“ต่อมาแม่สามีก็เข้าเมือง เพราะความแตกต่างในการใช้ชีวิตทำให้แม่ผัวลูกสะใภ้เกิดความขัดแย้งกันไม่หยุด แถมผู้ชายยังพยายามคิดวางแผนให้ผู้หญิงซื้อบ้าน สุดท้ายหลังจากที่คลอดลูกออกมาแล้วผู้หญิงก็เป็นโรคซึมเศร้าจนต้องมาหาพี่ แต่ตอนนั้นพี่ไปทำงานที่อื่นพอดี เขาเลยต้องนัดไปเจอหมอคนอื่นแทน ปรากฏว่าผลการรักษาไม่ดีเขาเลยกระโดดตึกตาย พี่รู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้มาก ถ้าพี่อยู่ล่ะก็เรื่องคงดีกว่านี้”

 

 

ในอนาคตวงการจิตแพทย์จะวุ่นวายมาก หลายคนเห็นช่องทางหาผลประโยชน์ก็เฮกันเข้ามา บางคนไม่ได้เรียนทางด้านนี้มาโดยตรงแค่เคยเข้าอบรมระยะสั้นก็ทำตัวเป็นที่ปรึกษาแล้ว คิดว่าแค่อ่านหนังสือที่ช่วยจรรโลงจิตใจก็สามารถเป็นจิตแพทย์ได้ ถึงขนาดที่เอาจิตแพทย์ไปรวมกับการอบรมอยู่ไฟหลังคลอด ทำคนไข้เสียเวลาไปไม่น้อย คนไข้หลายคนไปหาหมอไม่ได้เจอหมอที่เชี่ยวชาญโดยตรงแบบเสี่ยวเชี่ยน เจอแต่หมอกำมะลอที่ผ่านการอบรมมาแค่ไม่กี่ครั้ง พลอยทำให้คนไข้คิดว่าจิตแพทย์ทุกคนเก่งแต่พูดจาไร้สาระ ช่วยแก้ไขปัญหาไม่ได้

 

 

“หา…” หลิวเหมยพอได้ยินจุดจบอันน่าตกใจนี้สมองก็จินตนาการไปถึงตัวเองกระโดดตึก อินหนักกว่าเดิม

 

 

“ดื่มอีกหน่อยสิเหมยจื่อ จำรสชาติชาดอกเก๊กฮวยให้ดีนะ” เสี่ยวเชี่ยนเห็นหลิวเหมยอินจัดจึงเทน้ำชาให้หลิวเหมยด้วยความพอใจ

 

 

 มาเลย ผู้ชายฟีนิกซ์ที่คิดจะมาหลอกลูกสาวบ้านอื่น เสี่ยวเชี่ยนให้หลิวเหมยกินยาป้องกันไว้แล้ว ไม่กลัวหลอกว่าคนพวกนี้จะมาปั่นหัว!

 

 

วันต่อมา

 

 

“เชี่ยนเอ๋อ ทำไมวันนี้มาคนเดียวล่ะ?” สุ่ยเซียนนั่งอยู่ในร้านอาหารตามสั่งกับเสี่ยวเชี่ยน วันนี้เสี่ยวเชี่ยนเลี้ยง

 

 

“เหมยจื่อไปทำธุระน่ะ เขากับฉิวฉิวหาทำเลโอเคได้ที่หนึ่ง ฉันเลยให้พวกเขาไปคุยเรื่องราคา นี่ ลองกินจานนี้สิ เหมยจื่อแนะนำมาเลยนะ เด็กคนนี้เชี่ยวชาญเรื่องกิน จานไหนที่เขาบอกเด็ดก็เด็ดจริง”

 

 

“พวกเขาไปคุยเรื่องราคากันเองเหรอ? เธอไม่ต้องไปด้วยเหรอ?” สุ่ยเซียนมาอยู่ที่นี่ได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว วันๆได้แต่กินเที่ยว ถ้าเสี่ยวเชี่ยนมีเวลาก็จะมาอยู่เป็นเพื่อน ถ้าเสี่ยวเชี่ยนไม่ว่างเธอก็ไปว่ายน้ำออกกำลังกาย

 

 

แผนเดิมคือมาสองวันแล้วกลับ แต่ไม่รู้ทำไมพ่อเธอถึงโทรมาบอกว่าให้เธออยู่กับเสี่ยวเชี่ยนไปก่อน สุ่ยเซียนจึงคิดเสียว่าพักร้อน

 

 

และคนที่สั่งให้ทังต้าเย่โทรหาสุ่ยเซียนก็คือเสี่ยวเชี่ยน

 

 

“โตๆกันแล้ว ถึงเวลาให้พวกเขาได้ฝึกบ้าง” เสี่ยวเชี่ยนแกล้งทำเป็นหันไปมองอาเหม็ดที่ยืนอยู่ข้างหลังสุ่ยเซียน อาเหม็ดถึงกับเสียวสันหลังวาบ

 

 

เขารู้สึกว่าเฉินเสี่ยวเชี่ยนคนนี้ดูผิดปกติ คำพูดแฝงความหมายที่มากกว่านั้น

 

 

ประโยคนี้เธอหมายถึงเพื่อนสองคนนั้นหรือจงใจพูดกับทังสุ่ยเซียนกันแน่? ความลับของเขาจะแตกไหม?

 

 

คำถามนี้ทำให้อาเหม็ดเก็บเอาไปคิดอยู่หลายวัน

 

 

เสี่ยวเชี่ยนให้อวี๋หมิงหลางท้าสู้อาเหม็ด แต่กลับไม่ให้ตัดสินชี้ขาด ความรู้สึกนี้เหมือนมีดที่ไล่ไปตามร่างกายอาเหม็ด จะแทงก็ไม่แทง ค่อยๆทรมานอาเหม็ดไปเรื่อยๆ

 

 

อาเหม็ดที่กำลังคิดหนักเผลอไปสบตาเสี่ยวเชี่ยนที่มองมาด้วยความสงสัย เขาจึงทำได้แค่เบนสายตาไปทางอื่น

 

 

เธอเป็นผู้หญิงคนแรกในชีวิตที่เขาเดาทางไม่ถูก

 

 

เสี่ยวเชี่ยนสนุกสนานกับอารมณ์แบบแมวจับหนูในตอนนี้มาก สามารถทำให้ว่าที่คนดังมาอยู่ในกำมือแล้วค่อยๆทรมานได้ ประธานเชี่ยนพอใจสุดๆ

 

 

“เชี่ยนเอ๋อ คนร้ายที่ลวนลามผู้หญิงในช่วงนี้ถูกจับหรือยัง?” สุ่ยเซียนถามเสี่ยวเชี่ยน

 

 

“ข้อมูลที่หลิวเหมยให้ไปมีประโยชน์มาก ทางตำรวจจับตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว คนร้ายยังคิดว่าตัวเองทำเนียนสุดๆแล้วนะ แต่ก็ไม่รอดสายตาของพวกเรา”

 

 

ประโยคสุดท้ายมองไปทางอาเหม็ดแล้วถึงพูด อาเหม็ดถึงกับเกร็ง ได้แต่ร้องตะโกนในใจ ถูกทรมานจนจะเป็นบ้าแล้ว! นี่เขาร้อนตัวไปเองหรือคำพูดของเฉินเสี่ยวเชี่ยนแฝงความนัยกันแน่?