สงครามใกล้เข้ามาแล้ว ในขณะนี้มีรุกรานอย่างหนักอยู่ไม่ไกล และทุกคนก็เงยหน้าขึ้น

แต่เห็นว่าผู้ที่มานั้นเป็นชายชราที่อายุใกล้จะหกสิบแล้ว

เขาผมหงอกทั้งหัว มีหนวดเครา นัยน์ตาทั้งคู่เป็นประกายแวววาว และความเยือกเย็นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขาอย่างน่ากลัว เขายืนอยู่ตรงนั้นและผู้คนก็ไม่กล้าดูหมิ่นเขา

“พี่ใหญ่”

สวีซานเหนียงและสวีเจิ้นร้องตะโกน

“ทำไมพวกเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่?” ชายชราผมขาวถามด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ

“พี่ใหญ่ หญิงผู้นี้ฆ่าเหล่าเจี่ยน หากไม่ฆ่านาง ยากที่จะขจัดความเกลียดชังในใจได้”

สวีเจิ้นลูบมือและหักงอนิ้วมือของตัวเอง เขายิ้มอย่างเคร่งขรึมและน่ากลัว “สองคนนี้ไม่มีวรยุทธ จึงไม่ต้องใช้เวลาในการฆ่าพวกเขา และไม่ใช่ปัญหา”

เมื่อประมุขวิญญาณมืด ผู้นำของวิญญาณทั้งเจ็ดแห่งหุบเขามืดมองไปที่กู้ชูหน่วนและจอมมาร

เมื่อมองไปที่กู้ชูหน่วน เขาไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ มากนัก

แต่เมื่อเห็นจอมมารซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของกู้ชูหน่วน นัยน์ตาของเขาก็มีความสงสัยปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่ง ราวกับว่าเขาจมดิ่งอยู่ในความคิด ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็ตระหนกตกใจและหายใจถี่ขึ้น นัยน์ตาของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ไป รีบไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้” คำสั่งของประมุขวิญญาณมืดไม่สามารถฝ่าฝืนได้

สวีซานเหนียงและสวีเจิ้นจ้องมองไปที่พี่ใหญ่ของพวกเขา และไม่คิดว่า……ไม่คิดว่าจะบอกให้พวกเขาไป

ทั้งสองคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป จึงพูดอีกครั้งว่า “พี่ใหญ่ หญิงผู้นี้ฆ่าเหล่าเจี่ยน”

“ข้าบอกว่าให้พวกเจ้าไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ได้ยินหรือไม่”

น้ำเสียงของเขาดูร้อนใจมาก ราวกับว่าเขากำลังกลัวอะไรบางอย่าง และต้องการที่จะไปจากที่นี่ในทันที

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ สวีซานเหนียงและสวีเจิ้นก็ยิ่งสับสนวุ่นวายมากยิ่งขึ้น

ในโลกนี้นอกจากยอดฝีมือพลิกฟ้าเพียงไม่กี่คนนั้นแล้ว ก็ไม่มีใครที่พอจะเป็นคู่ต่อสู้ของพี่ใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่จะหวาดกลัวเจ้าเด็กที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนั้น

ต้องเห็นลูกไก่ที่อยู่ในกำมือหลุดไปเช่นนี้ พวกเขาจะยอมได้อย่างไร

“พี่ใหญ่ ใต้เท้าผู้นั้นยังไม่มา พวกเราจัดการเจ้าเด็กระยำสองคนนี้ก่อนแล้วค่อยไป” สวีเจิ้นพูดอีกครั้ง

ประมุขวิญญาณมืดแทบจะรอไม่ไหวที่จะตบหน้าเขาในทันที

ชายผู้นั้นเป็นจอมมารที่โหดเหี้ยมอำมหิต

แต่เขากล้าที่จะเรียกเขาว่าเจ้าเด็กระยำ

หากเขาไม่พอใจ ต่อให้พวกเขาทั้งสามคนร่วมมือกัน ก็ไม่สามารถที่จะฆ่าเขาได้

เขาแอบเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าจอมมารกำลังซุกอยู่ในอ้อมแขนของกู้ชูหน่วน และเอามือโอบรอบเอวที่เรียวบางของนางไว้ เขาแนบชิดมากจนแทบจะสิงเข้าไปอยู่ในร่างของนาง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้โกรธ

ประมุขวิญญาณมืดถอนหายใจและลากพวกเขาทั้งสองคนจากไปอย่างรวดเร็ว

สวีเจิ้นต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่สวีซานเหนียงห้ามเขาไว้

“ทำตามที่พี่ใหญ่บอกเถอะ ถอยก่อน หากต้องการจะจัดการกับสองคนนี้ วันหน้ายังมีโอกาส”

พวกเขาทั้งเจ็ดอยู่ด้วยกันมานานมาก และหาได้ยากที่พี่ใหญ่จะหน้าถอดสีเช่นนี้ หากนางยังหาเรื่องอีก เกรงว่าเรื่องต่าง ๆ อาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด

“อ้า……”

ทันใดนั้นสวีเจิ้นก็จับดวงตาของเขาไว้แน่นและมีเลือดไหล เขาคุกเข่าลงด้วยความเจ็บปวด

“ตาของข้า……ข้าเจ็บตามาก”

สวีซานเหนียงสีหน้าเปลี่ยนไป

ลูกตาของสวีเจิ้นหลุดออกมาเองได้อย่างไร?

ใครลงมือได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้?

“ใคร?ใครเป็นคนทำ ใช้เจ้าหรือไม่?” สวีซานเหนียงชี้ไปที่กู้ชูหน่วนอย่างโกรธเคือง

กู้ชูหน่วนตะโกนว่า “ข้าอยากจะลงมือ แต่ข้าไม่มีความสามารถเช่นนี้ บางทีเขาอาจจะถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ แม้แต่สวรรค์ก็ยังทนดูต่อไปไม่ไหว ข้าขอเตือนว่าต่อไปให้เลิกจ้องมองหญิงงามเสีย คราวนี้เขาเพียงแค่ตาบอด แต่คราวหน้าแม้แต่ชีวิตของเขาก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้”

“แล้วก็ท่าน อายุมากขนาดนี้แล้ว อย่าจ้องมองบุรุษรูปงามมากนัก ควรเลิกซะ มิเช่นนั้นสักวันสวรรค์จะต้องเห็น และพรากรูปลักษณ์ของท่านไป ท่านว่าจริงหรือไม่?”

ทุกคำพูดของกู้ชูหน่วน ทำให้สีหน้าของสวีซานเหนียงทรุดลง