“เจ้าเด็กโสโครก มาดูกันว่าข้าฆ่าเจ้าอย่างไร” เมื่อยกหัตถ์โลหิตขึ้น ไอสังหารของสวีซานเหนียงก็ปรากฏขึ้นมา และกำลังเข้าไปใกล้กู้ชูหน่วน

ประมุขวิญญาณมืดจับมือของนางและกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ไปกันเถอะ”

“พี่ใหญ่ ลูกตาของสวีเจิ้นถูกควักออกไป”

“ข้าบอกว่าให้เจ้าไป”

“วันนี้ข้าจะเอาชีวิตของเจ้าเด็กโสโครกคนนั้น” สวีซานเหนียงสะบัดมือของเขาออก และโกรธมากจนโค่นล้มทุกอย่างที่ขวางหน้า

ประมุขวิญญาณมืดโกรธจัดและตบหน้านางอย่างแรง “หากเจ้ากล้าที่จะเอาชีวิตนาง ข้าจะเอาชีวิตของเจ้าเสียก่อน”

สวีเจิ้นตาบอด หรือว่านางต้องตาบอดด้วย?

แม้จะไม่เห็นว่าจอมมารปกป้องเด็กผู้หญิงคนนั้น

แต่หากเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรไป พวกเขาก็อย่าคิดที่จะมีชีวิตอยู่

ผู้ที่สามารถควักลูกตาของสวีเจิ้นออกมาได้โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ในโลกนี้มีเพียงไม่กี่คน?

และเห็นได้ชัดว่าเป็นจอมมารที่ทำ

สวีซานเหนียงตัวสั่น และตะโกนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “พี่ใหญ่……”

“ไป”

ประมุขวิญญาณมืดเกรงว่าหากล่าช้าจะทำให้พวกเขาทั้งสามคนยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงจับแขนของพวกเขาคนละข้างและพาตัวพวกเขาจากไป โดยไม่สนใจว่าสวีซานเหนียงและสวีเจิ้นจะโกรธมากแค่ไหน

พวกเขามาเร็วและไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ในเมืองเล็ก ๆ เหลือเพียงแค่กู้ชูหน่วนและจอมมาร

กู้ชูหน่วนจับจอมมารที่ตัวอ่อนปวกเปียกขึ้นมา

เจ้าปีศาจนี่ฉวยโอกาสถูกเนื้อต้องตัวนาง และเมื่อครู่ก็ลูบไล้เอวของนาง

“เจ้าไม่ได้เป็นโรคอ่อนแรง เจ้ายืนให้ดี ๆ”

“พี่สาว……พวกเขาน่ากลัวมาก ข้าขาอ่อน”

ถุย

เจ้าปีศาจขี้อ้อน

ตั้งแต่ต้นจนจบในสายตาของเขาไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย

ยังจะเสแสร้งอยู่อีก

“ข้าขอถามเจ้าหน่อย เจ้าทำให้เจ้าลิงผอมสูงนั่นตาบอดใช่หรือไม่?”

จอมมารเงยหน้าขึ้นด้วยสายตาที่สับสนงงงวย ใบหน้าของเขาไร้เดียงสา และพูดเหมือนกระต่ายขาวตัวน้อยที่หวาดกลัว “ไม่ใช่ว่าท่านทำให้เขาตาบอดหรือ?”

กู้ชูหน่วนตกใจ

นางก็อยากจะทำเช่นนั้น แต่ในตอนนี้นางไม่มีความสามารถเช่นนั้น

หากเมื่อครู่ทั้งสามคนนั้นร่วมมือกัน เกรงว่ายากที่นางจะจะหลบหนี ผู้นำคนนั้นมีวรยุทธที่แข็งแกร่งมาก และไม่ด้อยไปกว่าอี้เฉินเฟยเลย

“ไม่ใช่เจ้าจริง ๆ หรือ?” กู้ชูหน่วนมองด้วยสายตาสงสัย

“หากพี่สาวหวังว่าจะเป็นข้า เช่นนั้นก็เป็นข้า” จอมมารยิ้มอย่างชั่วร้าย แล้วร่างกายของเขาก็อ่อนลงอีก

“ยืนให้ดี ๆ แม้ว่าข้าจะชอบความสวยงาม แต่ข้าไม่ชอบปลาหมึก”

“ก็ได้”

“ดีมาก” กู้ชูหน่วนบีบแก้มเล็ก ๆ ของเขา และครุ่นคิดว่าใครที่ทำให้เจ้าลิงผอมสูงนั่นตาบอด

“ได้ยินพวกเขาพูดว่าจะมีใต้เท้าที่นี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าใต้เท้าผู้นั้นเป็นใคร?”

“บางทีอาจจะเป็นพี่สาวก็ได้” จอมมารเงยหน้าขึ้นและยิ้มมุมปาก

“ช่างปากหวาน”

“อีกนานแค่ไหนกว่าจะถึงวังของจอมมาร?”

“ไปต่ออีกหนึ่งชั่วยามกว่าก็น่าจะถึงแล้ว”

“เจ้าวาดแผนที่ให้ข้า ข้าจะไปเอง หลังจากนั้นเจ้าก็หาที่ซ่อนและรอข้าอย่างเชื่อฟัง”

“มีเส้นทางลับมากมาย ข้าวาดไม่ได้ และอีกอย่างข้าก็วาดไม่เป็นด้วย” จอมมารพูดอย่างเกียจคร้าน

สิ่งที่เขาพูดน่าจะหมายถึงต้องพาเขาไปด้วย ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่มีวิธีที่จะพานางเข้าไป

“หากไปกับข้า เจ้าจะเป็นอันตราย” ใบหน้าของกู้ชูหน่วนดูจริงจัง

เมื่อครู่เกิดเรื่องวุ่นวายที่หุบเขาพิศวิญญาณ และไม่รู้ว่าอี้เฉินเฟยจะออกมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

ฝูกวงและเยี่ยเฟิงก็แยกจากกันไป จนกระทั่งถึงตอนนี้ไม่รู้ว่าพวกเขาปลอดภัยหรือไม่

นางไม่สามารถให้เขาไปเสี่ยงอันตรายได้อีก

ในโลกนี้ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นที่เคารพนับถือ

หลังจากที่ได้หญ้านรกมาแล้ว นางก็จะหาทางฝึกวรยุทธ

“เช่นนั้น…..พวกเราไม่เข้าไปแล้ว”

ไม่เข้าไปแล้ว?

เป็นไปได้อย่างไร

หากไม่ได้หญ้านรก ใบหน้าของนางก็จะอัปลักษณ์ไปตลอดกาล ปล่อยให้นางผ่านไปสักคราจะดีกว่า