สนามฝึก
เฉิงเจวี้ยนยังคงคุยกับเฉิงสุ่ย
มีเสียงรบกวนโดยรอบ เฉิงเจวี้ยนเอนหลังพิงเก้าอี้พลางเหลือบมองเฉิงมู่ที่กำลังพนันอยู่ข้างหลังฉินหร่าน “ให้เฉิงมู่ทดสอบเป็นสนามแรก”
“เฉิงมู่?” เฉิงสุ่ยอึ้ง
เฉิงเจวี้ยน “อืม” น้ำเสียงเกียจคร้านไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม
“นายท่าน เสี่ยวเฮยเพิ่งส่งภาพกลับมา นอกประตูใหญ่มีคนต้องการพบคุณฉินครับ” ในเวลาเดียวกันเฉิงหั่วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาพลางกระซิบบอกเขา
เฉิงเจวี้ยนหรี่ตา กดเสียงต่ำ “ใคร?”
“เขาบอกว่าตัวเองแซ่หยาง” เฉิงหั่วพูดต่อ
เฉิงเจวี้ยนเคาะนิ้วบนโต๊ะ เงียบไปสักพักก็บอกว่า “ฉันรู้แล้ว นายให้คนพาเขาไปที่ห้องหนังสือ”
**
โดยหลักแล้วเฉิงมู่มีหน้าที่ติดตามฉินหร่าน ไม่เคยประจำตำแหน่งอยู่ในคฤหาสน์อย่างเป็นทางการ ในรายชื่อ421จึงไม่มีชื่อของเขา
ครั้งล่าสุดที่เขาเอาชนะเจอร์รี่ได้ เฉิงมู่ได้สร้างชื่อเล็กๆ ในคฤหาสน์
แม้จะเป็นที่น่าประหลาดใจ เฉิงสุ่ยก็เรียกเฉิงมู่
“เฉิงมู่” เฉิงสุ่ยเอียงตัวชี้ไปที่หน้าจอใหญ่ “เลือกหนึ่งคนบนนั้นมาเป็นคู่ต่อสู้ในการประเมินของนาย”
คนที่รายล้อมอยู่ที่โต๊ะพนันและคนบนอัฒจันทร์ต่างหยุดทำธุระในมือ เฉิงมู่เป็นคนสนิทของฉินหร่าน ทุกคนจึงให้ความสนใจกับเขามาก
เฉิงมู่ยังคงทำหน้าเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาเหลือบมองเฉิงสุ่ยและลังเลอยู่สักพัก
เฉิงสุ่ย “…”
เฉิงหั่วที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์หลักเพิ่งจะดื่มน้ำเข้าไป อีกนิดเดียวก็เกือบจะสำลักออกมา “ไม่นะ เจ้าเด็กนี่เหลิงไปแล้วหรือไง ถึงได้คิดจะท้าเฉิงสุ่ย?”
เฉิงหั่วเห็นสถิติพลังหมัดเฉิงมู่ครั้งล่าสุดแล้ว อยู่ที่ประมาณ 850 ถึง 860 ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ แต่อย่างไรก็ตาม การที่จะทะลุเก้าร้อยหรือไม่ทะลุถึงเก้าร้อย มันก็แค่ความแตกต่างในเชิงคุณภาพ
ขณะที่เฉิงหั่วคิดว่าเฉิงมู่เหลิง เขาก็เห็นว่าเฉิงมู่ไม่ได้มองเฉิงสุ่ยต่อ แต่กลับมองมาที่ตัวเอง
“ฉันเลือกแล้ว” หลังจากเฉิงมู่ลังเล เขาก็ละสายตามองมาทางเฉิงสุ่ย “ฉันเลือก2”
สองอันดับแรกในคฤหาสน์คือเฉิงสุ่ยกับหัวหน้าตู้ ทั้งสองไม่ค่อยถูกท้าดวล
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉิงสุ่ยผู้สร้างสถิติ 910 มาก่อน นอกจากหัวหน้าตู้ที่ชอบไปประมือกับเขาในบางครั้งบางคราว ก็มีน้อยคนมากที่จะท้าดวลกับเฉิงสุ่ย
หัวหน้าตู้ทำสถิติสูงสุดที่ 899 ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาพลังหมัดของเขาถึงขีดจำกัดที่ 899 ซึ่งอีกนิดเดียวก็จะทำลายสถิติเดิม
ทั้งสองจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักในการท้าดวล
หลายวันมานี้ผู้เข้าประเมินต่างก็อยู่ในอาการฮึกเหิม นอกจากการดวลระหว่างฉินหร่านกับถังชิงในตอนแรกเริ่ม น้อยมากที่จะมีฉากที่ทำให้สมาชิกเหล่านี้ตื่นตาตื่นใจ
ขณะนี้เฉิงมู่กำลังท้าดวลหัวหน้าตู้ จึงทำให้บรรยากาศกลับมาคุกรุ่นอีกครั้ง
โต๊ะว่างไม่กี่โต๊ะในคฤหาสน์คลาคล่ำไปด้วยการเดิมพัน
“ลงฝั่งหัวหน้าตู้สิ ยังจะถามอีก!” มีคนควักทรัพย์สินสุดท้ายออกมาวางไว้ฝั่งซ้าย
เจอร์รี่เป็นคนดังแห่งหน่วยข่าวกรอง หน่วยข่าวกรองยังอ่อนแอกว่าหน่วยจัดซื้อ โดยทั่วไปพละกำลังไม่ได้สูงมาก เจอร์รี่เองก็ได้ประมาณ 810
ตอนที่เฉิงมู่เอาชนะเขาได้ แม้จะเป็นที่ฮือฮา แต่มันก็เป็นเพียงกองไฟเล็กๆ ที่อยู่แค่ในหน่วยข่าวกรอง หน่วยจัดซื้อ และหน่วยการค้าระหว่างประเทศ หน่วยยุติธรรมพวกนั้นต่างหากที่เอาแต่ฝึกซ้อมจนเป็นผู้มีฝีมือขั้นสูงที่แท้จริง พวกเขาซ้อมแบบไม่สนใจสิ่งอื่นใดเลย
ถ้าให้เลือกหัวหน้าตู้กับเฉิงมู่มาหนึ่งคน แน่นอนว่าพวกเขาย่อมเลือกหัวหน้าตู้ด้วยความหนักแน่น
คนส่วนใหญ่เลือกฝั่งหัวหน้าตู้ มีเพียงบางส่วนจนถึงน้อยมากที่เลือกลงฝั่งเฉิงมู่
หวงเหมาที่เพิ่งชนะยังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เขาเพียงเหลือบมองฉินหร่าน
ฉินหร่านพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางเกียจคร้าน พอเห็นเขามองตัวเองก็พูดเบาๆ “มีอะไร?”
“ผมยังจะกลายเป็นเศรษฐีรัฐMได้ไหมครับ?” หวงเหมากระซิบถามฉินหร่าน
เขาไม่รู้อะไรเลย เขาแค่อยากจะกอดขาฉินหร่าน
“อ้อ” ฉินหร่านหัวเราะเบาๆ นิ้วแตะริมฝีปาก จากนั้นก็ละสายตาไปบนสังเวียน “งั้นโอกาสของนายมาถึงแล้ว”
พอหวงเหมาได้ยินก็ไม่กล้าคิดมากอีก เขาทุ่มเงินทั้งหมดลงไปที่ฝั่งขวา เขาเดิมพันเฉิงมู่!
คนข้างๆ ดูท่าหวงเหมากำลังสิ้นเนื้อประดาตัว “นายจะบ้าเรอะ ไม่กลัวคุณฉินโกงหรือไง…”
**
บนสังเวียน
หัวหน้าตู้ก็คิดไม่ถึงว่าเฉิงมู่จะท้าทายตัวเอง
เขาเหลือบมองเฉิงมู่ คนส่วนใหญ่ในคฤหาสน์รู้จักเฉิงมู่ดี
ในตอนแรกเขายังสู้คนที่อ่อนแอที่สุดในหน่วยยุติธรรมไม่ได้เลย หมกตัวอยู่สนามฝึกมาหลายวัน เขาแทบจะถูกทุกคนรุมรังแกมาแล้วรอบหนึ่ง
หัวหน้าตู้ก็เหมือนคนส่วนใหญ่ในคฤหาสน์ที่ไม่ชอบหน้าเฉิงมู่ในตอนแรกๆ
พวกเขาคิดว่าเฉิงมู่ไม่คู่ควรที่จะมาทัดเทียมกับพวกเฉิงสุ่ยและเฉิงหั่ว
ทว่าตอนนี้คำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นก็น้อยลงไปมากแล้ว
บางคนถึงกับตะโกนชื่อเฉิงมู่จากด้านล่าง “เฉิงมู่ ชนะหัวหน้าตู้ให้ได้! ชนะให้ได้!”
แน่นอนว่าพวกเขาพูดประโยคนี้เพื่อเยาะเย้ยถากถาง เพราะถึงอย่างไร หัวหน้าตู้ก็ได้ฉายาเทพไร้พ่าย อยู่ในคฤหาสน์นี้ติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี
หัวหน้าตู้มองเฉิงมู่ “พลังหมัดฉัน 899 เฉิงมู่ ระวังตัวด้วยละ ฉันไม่ยอมออมมือให้เด็ดขาด!”
เมื่อคิดได้ว่าเฉิงมู่ได้ติดตามปรมาจารย์ฝีมือขั้นเทพทุกวัน หัวหน้าตู้ก็อยากจะตบหน้าเขา
หัวหน้าตู้ไม่มีทางยอมรับว่าตัวเองโดนหมูแทะสมองที่ปฏิเสธเฉิงสุ่ยในตอนแรก
เมื่อผู้ตัดสินประกาศเริ่ม หัวหน้าตู้ก็กำหมัดพุ่งไปที่เฉิงมู่ แฝงไปด้วยพลังหมัดลมปราณ ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
ทั้งคู่ไม่ได้ใช้อาวุธ
อย่างไรก็ตาม วินาทีถัดมา——
“ปัง!”
เฉิงมู่สกัดกั้นหมัดหัวหน้าตู้โดยใช้มือเดียว อีกมือหนึ่งกำหมัดกระแทกเข้าหน้าอกหัวหน้าตู้
“กร๊อบ——”
มีเสียงกระดูกแตกเบาๆ
หัวหน้าตู้ถอยหลังไปหลายก้าว
ใบหน้าหัวหน้าตู้ไม่ได้สงบนิ่งเหมือนอย่างตอนแรก ความเคร่งขรึมค่อยๆ เข้ามาแทนที่ เขารับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของเฉิงมู่ พ่นลมหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ แขนสั่นสะท้านด้วยกำลังแรงที่แรงขึ้น
“ปัง——”
ทั้งสองต่อสู้กันอีกครั้ง
หัวหน้าตู้ล้มลงกับพื้นไกลไปสามเมตร จนเกือบตกสังเวียน
กลุ่มคนที่เพิ่งตะโกนบอกเฉิงมู่ให้เอาชนะหัวหน้าตู้ “…”
พวกเขาก็แค่ตะโกนไปอย่างนั้นเอง
หัวหน้าตู้มีความแข็งแกร่งถึง 899 ถึงเฉิงมู่จะเอาชนะเขา ก็ยังต้องใช้เวลาพอสมควร
แต่ว่าเฉิงมู่…นี่ยังไม่ถึงสามนาที ก็ถึงกับเสียเลือดไปแล้ว!
อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่เฉิงสุ่ยเองก็ยังลืมประกาศผล
เฉิงเจวี้ยน กู้ซีฉือเป็นเพียงสองคนบนอัฒจันทร์ที่ไม่ได้ประหลาดใจ
เฉิงเจวี้ยนเงยหน้ามองเฉิงมู่ พูดเรียบๆ “ลองไปทดสอบพลังหมัดหน่อยสิ”
เฉิงมู่พยักหน้า เขาเดินไปที่เครื่องทดสอบพลังหมัดและยื่นมือกระแทกไปที่เครื่องอย่างแรง เครื่องทดสอบพลังหมัดแถวที่สามสั่นอยู่สักพัก จากนั้นก็ปรากฏสถิติใหม่——
974
ไม่มีใครพูดอะไร
ฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยนมีพละกำลังสูงเพราะพวกเขามีร่างกายที่แข็งแกร่ง คนในคฤหาสน์ไม่เคยคิดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับพวกเขาเลย แต่เฉิงมู่ต่างออกไป…
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเฉิงมู่ไม่สามารถเอาชนะแม้กระทั่งคนที่อ่อนแอที่สุดในคฤหาสน์ได้ ตอนนี้กลายเป็น 974 ได้อย่างไร ? !
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แม้แต่เฉิงสุ่ยก็ไร้การตอบสนองไปชั่วขณะ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หายใจเข้าลึกๆ และมองไปทางเฉิงเจวี้ยน
ตอนนี้เฉิงสุ่ยก็เข้าใจมาบ้างแล้วว่าทำไมเฉิงเจวี้ยนถึงให้เฉิงมู่ขึ้นเวที
974
ต่อไปการประเมินประจำปีจะมีชื่อเฉิงมู่เป็นชื่อแรก บางทีหลายคนอาจจะไม่เคยเจอเฉิงมู่มาก่อน แต่จะต้องหวาดกลัวกับชื่อนี้เป็นอย่างแรก
ถ้าเฉิงสุ่ยเดาไม่ผิด เฉิงมู่จะต้องติดตามฉินหร่านเพื่อรับใช้เธอในอนาคต
การที่จู่ๆ เฉิงมู่เก่งขึ้นมาแบบนี้ ทุกคนต่างก็เดากันว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับฉินหร่าน
นับแต่นี้เป็นต้นไป ทัศนคติของคนในคฤหาสน์ที่มีต่อฉินหร่านจะเปลี่ยนไปมาก
ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงหวงเหมาเท่านั้นที่พูดด้วยความตกตะลึง “ฉันเป็นเศรษฐีแล้วเหรอเนี่ย?”
**
หลังจากการท้าดวลของเฉิงมู่จบลง
บรรยากาศสนามฝึกก็กลับมาคุกรุ่นอีกครั้ง
เฉิงสุ่ยมองไปที่ข้อความในโทรศัพท์ ทิ้งหน้าที่พิธีกรให้เฉิงหั่วแล้วเดินไปหาฉินหร่าน
ตอนที่เขาคุยกับฉินหร่าน เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงฟังดูเคารพมากกว่าที่เคย
“แซ่หยาง?” เดิมทีฉินหร่านยังร่าเริงที่ได้แบ่งเงินให้กับคนอื่น เมื่อได้ยินที่เฉิงสุ่ยพูด เธอก็นำเงินทั้งหมดยัดใส่มือหวงเหมา ชะงักเล็กน้อย หลุบตาอยู่สักพักก็พูดว่า “ไปเถอะ”
เฉิงสุ่ยผงกหัว พาฉินหร่านตรงไปที่ห้องหนังสือส่วนกลางของปราสาท
เฉิงหั่วมีความคิดจะไม่แยแส แต่อารมณ์ก็ร้อนแทบระเบิด เฉิงเจวี้ยนไม่ได้สั่งให้เฉิงหั่วพาฉินหร่านมา
เตรียมเฉิงสุ่ยไว้โดยเฉพาะ
ตอนที่มาถึงห้องหนังสือชั้นสาม เฉิงสุ่ยก็ไม่ได้ตามฉินหร่านเข้าไปข้างใน เขายืนอยู่ริมประตูห้อง ก้มหน้ายืนรอฉินหร่านออกมา
ห้องหนังสือเก็บเสียงจึงไม่ได้ยินว่าทั้งสองกำลังคุยอะไรกันอยู่ เฉิงสุ่ยเองก็ไม่รู้ว่าคนข้างในเป็นใคร
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเฉิงเจวี้ยนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยส่งข้อความมา——
(ถึงยัง?)
เฉิงสุ่ยรีบตอบข้อความ——
(นายท่าน ผมไม่ได้เข้าไปก็เลยไม่เห็นคุณหยางท่านนั้น)
อีกด้านไม่ว่าอะไรแล้ว
เฉิงสุ่ยเหลือบมองด้วยหน้าไร้อารมณ์ จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋า หลังจากนั้นไม่นาน ประตูห้องหนังสือก็เปิดออก
คนที่เปิดเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง
อีกฝ่ายรูปร่างเพรียวบาง คิ้วและตาของเขาเป็นสีหมึกจางๆ เมื่อเห็นเฉิงสุ่ยก็พยักหน้าทักทาย “สวัสดี”
“คุณหยาง” เฉิงสุ่ยเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน มือทั้งสองข้างกระชับขึ้นเล็กน้อย สีหน้ายังดูสุภาพเรียบร้อยเหมือนเดิม แต่มีคลื่นลูกใหญ่เกิดขึ้นในใจ