บทที่ 365 อนาคตกำลังจะมีโชคด้านความรัก / บทที่ 366 ดังระเบิด Ink Stone_Romance
บทที่ 365 อนาคตกำลังจะมีโชคด้านความรัก
“อย่าพูดจาเหลวไหล” เนี่ยอู๋หมิงชักจะหมดความอดทน “เดือนนี้ใครที่หาเงินได้น้อยสุด จะต้องไสหัวไปทำงานที่แอฟริกาให้ฉัน”
“ไม่นะ…ฉันแค่อยากจะกินนอนรอวันตายไปวันๆ…” นักพรตส่ายหน้าหวาดกลัว อีกไม่กี่วันก็สิ้นเดือนแล้ว เขาจะต้องเป็นคนนั้นที่หาเงินได้น้อยที่สุดแน่
“ชิ เคยเป็นถึงนักพรตไตพร่องเมื่อเอ่ยถึงพวกมหาอำนาจอันดับต้นๆ ของฝั่งตะวันออกกยังต้องหน้าถอดสี จะกินๆ นอนๆ รอวันตายไปวันๆ จริงเหรอ…” หนุ่มหน้าหวานอดว่ากระทบไม่ได้
“นักพรตจิตใจบริสุทธิ์โว้ย” นักพรตชั่วร้ายกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา
“เหมือนว่าไตพร่องจะเหมาะกับนายมากกว่านะ!” หนุ่มหน้าหวานยิ้มเยาะ
“ประสาท ฉันเคยพิชิตเมืองเมืองหนึ่งได้คนเดียว นายแน่ใจเหรอว่าจะพูดกับฉันด้วยท่าทางแบบนี้?” นักพรตชั่วร้ายนัยน์ตาประกายแสงเย็นเยียบ
“โอ๊ยเนาะ…แล้วมันไม่ใช่หรือไง ทำฉันตกใจหมด…ก็แค่เมืองชนเผ่าเล็กๆ เมืองเดียว มีอยู่สิบยี่สิบคน นายคิดว่าตัวเองไม่คุยโม้โอ้อวดไปหน่อยเหรอ!” หนุ่มหน้าหวานหัวเราะท้องแข็ง
นักพรตชั่วร้ายโมโหจนจุกลืมหายใจ แค่นเสียงเย็นชากล่าวว่า “ไม่สนว่าจะสักกี่คน ที่นั่นก็คือแคว้นอิสระแห่งหนึ่ง…”
เยี่ยหวันหวั่นกลืนน้ำลาย จ้องคนเหล่านี้ด้วยความโมโหจนพูดอะไรไม่ออก หนังศีรษะชาไปหมด
คนคุยโม้เธอก็เคยเห็นมาบ้าง แต่คุยโวโอ้อวดได้ขนาดนี้…
ทั้งเนี่ยอู๋หมิงตำนานของโลกใบนี้ นักพรตจิตใจบริสุทธิ์เมื่อเอ่ยถึงพวกมหาอำนาจอันดับต้นๆ ของฝั่งตะวันออกกยังต้องหน้าถอดสี แล้วก็อะไรที่บอกว่าพิชิตเมืองเมืองหนึ่งด้วยตัวคนเดียว…
ทำไมพวกนายไม่เหาะขึ้นสวรรค์ไปเลยล่ะ?!
องค์กรแชร์ลูกโซ่ยังไม่กล้าคุยโม้ขนาดนี้เลยไหม?
โรงพยาบาลประสาทน่าจะเหมาะกับพวกเขามากกว่า…
“ดื่มเหล้าไปหลายขวด คุยโวโอ้อวดจนไม่รู้ว่าตัวเองชื่ออะไรแล้ว? เงินไม่กี่ร้อยก็ยังจ่ายไม่ได้ ยังจะมาคุยเก่งกาจอยู่ที่นี่อีก?” เถ้าแก่ร้านอาหารใหญ่คล้ายจะรับไม่ได้แล้ว แกว่งมีดหั่นผักเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“เถ้าแก่ อย่าวู่วามไป…” เนี่ยอู๋หมิงยื่นเงินที่กำอยู่ในมือให้กับเถ้าแก่
เมื่อได้เงินแล้ว เถ้าแก่จึงมีสีหน้าดีขึ้นมาบ้าง
“เดี๋ยวก่อน…ฉันให้เกินไปสิบหยวน…” เนี่ยอู๋หมิงรีบวิ่งไปข้างหน้า ดึงแบงก์สิบหยวนใบหนึ่งคืนมาจากในมือของเถ้าแก่
“แม่นายสิโว้ย ฉันเปิดร้านอาหารมาหลายปี ผู้คนหลายหลายไม่เหมือนกัน รูปแบบไหนฉันก็เคยเจอมาหมดแล้ว…แต่คนแบบพวกนาย ฉันล่ะขอยอมจริงๆ!” เถ้าแก่ยกนิ้วหัวแม่มือให้กับเนี่ยอู๋หมิงและพวก
จ่ายเงินเรียบร้อย เนี่ยอู๋หมิงก็หันไปหาเยี่ยหวันหวั่นด้วยความตื้นตัน “เมื่อครู่ต้องขอบคุณคุณหนูเยี่ยมีชื่อมากๆ ที่ช่วยกอบกู้สถานการณ์!”
เยี่ยหวันหวั่นถูจมูก “เรื่องง่ายๆ แทบไม่ต้องออกแรง”
ถือว่าขอบคุณสำหรับของขวัญชิ้นนั้น อย่างไรแล้วเธอก็ได้เปรียบจริงๆ
“อะไรนั้น แม้ว่าออกจะบุ่มบ่ามไปบ้าง แต่ความจริงก็อยากจะรู้อยู่ดี…พวกนายสามสี่คนคือ…องค์กรแชร์ลูกโซ่ใช่ไหม?” เยี่ยหวันหวั่นอดไม่ได้ถามออกไป
หนุ่มหน้าหวานคนนั้นได้ยินพลันฉุนเฉียว “บังอาจ! เธอว่าใครเป็นองค์กรแชร์ลูกโซ่! พวกเราเป็น…”
เวลานี้เอง นักพรตข้างกายได้ใช้ก้นเบียดเขาให้หลบไป เดินขึ้นมาอยู่ตรงหน้าของเยี่ยหวันหวั่น “เปล่าหรอก พวกเราเป็นทีมงานอย่างเป็นทางการ คุณหนูสนใจเข้าร่วมด้วยกันไหม? ทีมงานของพวกเรายังขาดผู้หญิงนะ! โดยเฉพาะคนที่มีรูปร่างเหมาะกับฝึกวรยุทธ์ มีความสามารถพิเศษอย่างคุณหนู!”
เยี่ยหวันหวั่นบอกปัด “เฮอะๆ ไม่เป็นไรขอบใจนะ ฉันทำอะไรไม่เป็นทั้งนั้น…”
เธอเป็นเพียงไก่อ่อนไร้เรี่ยวแรงพละกำลัง จัดการทีมงานอย่างเป็นทางการไม่อยู่หรอก…
นักพรตหนุ่มยังคงเสนอขายต่อไป “สาวสวย เธอไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น มาเป็นที่รักของทีมงานก็พอ พวกเราจะมอบสิ่งตอบแทนที่ดีที่สุดให้เธอเอง! เพื่อแสดงความปรารถนาดีของพวกเรา ฉันจะทำนายดวงให้เธอฟรี! เห็นใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ นัยน์ตาเปล่งประกายแวววาว เป็นลางที่ดี อนาคตกำลังจะมีโชคด้านความรัก!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
บ้านแกสิ! นี่มันพวกต้มตุ๋นอย่างที่คิดไว้จริงๆ!
ลางที่ดีอะไรกัน สำหรับเธอแล้วโชคด้านความรักเป็นหายนะของเธอจะถูกต้องกว่าไหม?
เยี่ยหวันหวั่นเดินหนีออกมาอย่างไม่ลังเลไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง…
…………………………………
บทที่ 366 ดังระเบิด
กวงเย่ามีเดีย
ลั่วเฉินเพิ่งจะเหยียบเข้ามาในบริษัทก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนแล้ว
เมื่อก่อนเด็กใหม่และนักเรียนฝึกหัด แค่จะชายตามองลั่วเฉินสักนิดยังไม่มี เวลานี้เมื่อได้เห็นเขาต่างก็เป็นฝ่ายเข้ามาทักทายเขาก่อนกันเซ็งแซ่
“พี่เฉินอรุณสวัสดิ์!”
“รุ่นพี่ลั่วเฉินอรุณสวัสดิ์!”
“ยินดีด้วยนะรุ่นพี่! ฉันเห็นคลิปที่พี่โพสท์ในเวยป๋อแล้ว หล่อสุดๆ ไปเลย!”
“ฉันว่าบทหลินลั่วเฉินครั้งนี้จะต้องไม่พลาดที่จะเป็นของรุ่นพี่ลั่วเฉินแน่นอน!”
แม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ลั่วเฉินยังคงไม่ชินกับสถานะของตัวเองในตอนนี้ เจอคำชมจากมวลชนยังคงรู้สึกไม่เป็นตัวเองอยู่บ้าง เม้มริมฝีปาก สายตามองตรงไปข้างหน้าไม่วอกแวกเดินเข้าออฟฟิตในตึกไป
ในมุมอีกด้านหนึ่ง หลินเฮ่าจดจ้องทิศทางที่ลั่วเฉินจากไป นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยความร้ายกาจ
ศิลปินเด็กๆ สองสามคนที่อยู่ข้างกับหลินเฮ่าอดไม่ได้ส่งเสียงจุ๊ๆ สุมหัวซุบซิบกัน
“ทุกสิ่งบนโลกนั้นต่างคาดเดายากจริงๆ ใครจะรู้ว่าลั่วเฉินที่หายไปสามปีจะมาดังระเบิดได้?”
“ดูไม่ออกเลยว่าผู้จัดการหน้าใหม่คนนั้นจะมีความสามารถขนาดนี้! ไม่เพียงสายตามองคนที่แหลมคม แม้แต่การคาดการณ์ตลาดก็ยังแม่นยำถึงเพียงนี้!”
“ไม่รู้ว่าเขายังจะรับดูแลเด็กใหม่อยู่อีกไหม…” ถึงขนาดมีเด็กใหม่เสนอความคิดในใจของตัวเองออกมา
หลินเฮ่าที่อยู่ข้างๆ สองแขนกอดอก พ่นลมเย็นกล่าวถ้อยคำเย็นชา “เฮอะ สาเหตุของเรื่องนี้ก็เพราะการจากไปของหลินจง และซ่งจินหลินต้องการสนองความปรารถนาสุดท้ายของหลินจงจึงได้มีความคิดจะถ่ายทำภาคต่อ มันเกี่ยวอะไรกับการคาดการณ์ตลาดด้วยเหรอ? เขาก็แค่โชคดีเท่านั้น!”
เด็กใหม่คนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างได้ยินแบบนี้ก็พึมพำเสียงอ่อย “แต่ว่าสิ่งสำคัญก็คือคลิปวิดีโอนั่นนะ ความคิดสร้างสรรค์ดีเยี่ยมจริงๆ เพียงครู่เดียวก็ดันลั่วเฉินให้ดังได้!”
เด็กใหม่กลัวจะไปยั่วโมโหหลินเฮ่าเข้า จึงไม่กล้าพูดอีกประโยคออกมาที่ว่า
ในวงการบันเทิง เรื่องโชคก็เป็นส่วนหนึ่งของความสามารถ
หลินเฮ่าหน้าตาไม่ค่อยพอใจ “ไร้เดียงสาชะมัด! พวกนายรู้หรือเปล่าว่าบทนี้มีคนกำลังแย่งกันอยู่เท่าไร? กับแค่ดาราไร้ชื่ออย่างเขาคนเดียว อาศัยแค่โพสต์เวยป๋อที่ดังโพสท์เดียวจะเข้ากองละครได้งั้นเหรอ?”
สำหรับคำพูดนี้ของหลินเฮ่า หลายๆ คนก็เห็นด้วย การคัดเลือกนักแสดงของ ‘มังกรผงาด2’ ในครั้งนี้มีการแข่งขันที่สูงมากจริงๆ
แม้ว่าลั่วเฉินในตอนนี้จะมีเสียงเรียกร้องสูงสุด แต่ผู้แข่งขันของเขาแต่ละคนก็มีประวัติความเป็นมาไม่ธรรมดาเลย ถึงขนาดที่มีบางคนยินดีที่จะนำเงินลงทุนของตัวเองลงกองละคร และสุดท้ายเรื่องนี้จะลงเอยที่ใคร ก็พูดยากจริงๆ…
ด้านในออฟฟิศของเยี่ยหวันหวั่น
“ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญ” เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งจะส่งข้อความไปหาซือเยี่ยหาน นัดทานมื้อค่ำใต้แสงเทียนกับเขา ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจึงเอ่ยเชิญเข้ามา
“พี่เยี่ยครับ”
“นั่งก่อน” เยี่ยหวันหวั่นบอกให้ลั่วเฉินนั่งลงก่อน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถาม “ช่วงนี้ฝึกไปถึงไหนแล้ว?”
“พอได้ครับ” ลั่วเฉินตอบ พร้อมกับแววตาที่แฝงไปด้วยความสับสน
เดิมทีเขายังนึกสงสัยว่าทำไมผู้จัดการถึงต้องการให้เขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ที่ดูเหมือนจะไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขาเลยด้วยซ้ำ เพื่อการฝึกฝนเหล่านี้ เขาถึงขั้นลาออกจากงานพาร์ทไทม์ที่ใช้เวลามาทุ่มเสี่ยงวัดดวงเป็นครั้งสุดท้าย ทุกๆ วันต้องอยู่กับความกังวลและความสงสัยในตัวเอง
แต่ว่าตอนนี้เพิ่งจะเข้าใจว่าทุกอย่างที่เยี่ยไป๋ให้เขาทำทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์แก่ตัวของเขาแอง…
ในละคร “มังกรผงาด” มีการถ่ายทำฉากกำลังภายในอยู่ไม่น้อย ส่วนในละคร “มังกรผงาด2” ฉากกำลังภายในยิ่งมากกว่า หากว่าฝีมือการแสดงของเขาดี ก็จะได้เปรียบอย่างมาก
ด้วยนิสัยของลั่วเฉินนับว่าพอใช้ได้ เช่นนั้นก็มีโอกาสเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไปเลยทีเดียว
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะเอ่ยพูดไปตามปาก “นายถอดเสื้อผ้าออกให้ฉันดูหน่อย”
เสี้ยววินาทีที่สิ้นเสียงของชายหนุ่มหน้าโต๊ะทำงาน สีหน้าของลั่วเฉินซีดขาว เงยหน้าขึ้นมาด้วยความตะลึงงัน ราวกับได้ยินเรื่องอะไรที่น่าตกใจกลัว
……………………………………