บทที่ 247 เทพธิดาอันสูงศักดิ์

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 247 เทพธิดาอันสูงศักดิ์

เฟี้ยว !!

เสียงลมพัดออกมาจากภายในถ้ำอย่างรุนแรง หมอกควันสีดำพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วและเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว

เหล่าสาวกประตูวิญญาณสลายต่างก็ก้มคำนับหัวติดดิน ราวกับให้ความเคารพเจ้าสิ่งนี้อย่างสูงส่ง ชุดของพวกเขานั้นปกคลุมยันใบหน้าจึงมองไม่เห็นสีหน้าของพวกเขา แต่ฟังดูจากน้ำเสียงแล้ว พวกเขากำลังตื่นเต้นอย่างมาก

ส่วนจอมยุทธ์คนอื่นๆ ต่างก็สั่นเทามันไม่ใช่เพราะความตื่นเต้น แต่เป็นเพราะความกลัว

ลมหายใจของเจ้าสิ่งนั้นทำให้ทั้งถ้ำสั่นสะเทือน เหล่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิต่างมือไม้ชา

ฉู่ชวิ๋นสีหน้าเคร่งขรึมเขาปล่อยลมปราณออกไป เขาอยากรู้จริงๆ ว่าภายในนั้นมีอะไรซ่อนตัวอยู่กันแน่

ถ้ำแห่งนี้มีลักษณะแปลกตาและรกร้าง มีร่องรอยของการขุดค้นบนผนังเต็มไปหมด แผนผังที่เหมือนหมู่ดาวทอยยาวเข้าไปกว่า 100 เมตร แต่ทันใดนั้นลมปราณของฉู่ชวิ๋นก็ถูกกั้นด้วยม่านแสงที่พุ่งพล่านไม่สามารถสอดแนมสิ่งที่มีอยู่หลังม่านแสงได้

ฉู่ชวิ๋นที่กำลังใจลอยก็กลับมาได้สติ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที เขาเห็นรอยฉีกขาดภายในม่านแสงและมืออันใหญ่โตที่ยื่นออกมา

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกขนลุกทันทีที่เห็น

ในจังหวะเดียวกันนั้นควันสีดำภายในถ้ำก็รุนแรงขึ้นและมีมือยักษ์ซีดๆ ยื่นออกมาจากถ้ำ

ทุกคนจับตามองมือยักษ์โดยที่ไม่ขยับไปไหน

ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าหรือดวงจันทร์ มือคู่นี้ก็สามารถบดบังพวกมันได้ทั้งหมด ทันใดนั้นก็มีพายุเลือดและฝนตกปรากฏ เหล่าจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์หลายสิบคนที่ถูกฆ่าก่อนหน้านี้ ตอนนี้มือยักษ์นั้นได้ดูดเลือดของพวกเขาเข้าไป

พวกเขาที่ยังไม่ได้ทำอะไร มืออีกข้างก็ตะปบใส่พวกเขาอีกครั้ง

อัก!

ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ หรือแม้กระทั่งจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิก็ต้องหลบหนีไปคนละทาง จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนหนึ่งพยายามต้านพลังของมือยักษ์เอาไว้แต่ไหล่ของเขาก็หลุดทันทีที่รับการกระแทกเข้าไป

แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิก็ไม่สามารถรับมือกับพลังนี้ได้ มือคู่นั้นยังคงกวาดไปยังฝูงจอมยุทธ์ที่ติดอยู่ในปากถ้ำอย่างไม่หยุดหย่อยและทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทาง

ปัง!

หุบเขาสั่นสะเทือนอีกครั้ง พื้นดินก้อนหินแตกกระจายทุกครั้งที่มีการโจมตี

ภูเขาสั่นสะเทือน พื้นดินแตกกระจาย ละอองเลือดขนาดใหญ่ระเบิดขึ้นและมีจอมยุทธ์มากกว่าหลายสิบคนร่างระเบิดแหลกเละ

มือยักษ์ดูดเลือดเข้าไป ทำให้กระดูกคนที่ตายไปเปล่งประกายขึ้นมา

มันคือตัวอะไรกันแน่!? ทุกคนต่างก็กลัวและผวากับพลังของมัน

“ตาแก่…ในที่สุดข้าออกมาได้สักที หมิงจือจี ถ้าข้าออกไปได้ข้าจะกินแกทั้งตัว!” เสียงที่เยือกเย็นดังมาจากเบื้องลึกของถ้ำ พวกเขาค่อยๆ มองเห็นตัวประหลาดนี้ชัดขึ้นเรื่อยๆ

“ลูกหลานตระกูลจอมยุทธ์ ยินดีต้อนรับท่านบรรพบุรุษกลับมาอีกครั้งครับ” ชายที่เป็นคนนำบทสวดก็เริ่มท่องบทกลอนอีกครั้ง

“พวกแกคือลูกหลานตระกูลจอมยุทธ์ของข้าอย่างงั้นรึ?” เสียงอันแหบแห้งดังออกมาทำให้ผู้คนตัวสั่นขวัญผวา

“สายเลือดห่างไกลยิ่งนัก ดูเหมือนว่าตระกูลจอมยุทธ์ของข้าจะตกต่ำลงมากสินะ”

“ท่านบรรพบุรุษอย่าโกรธไปเลย พวกเราใช้เวลากว่า 100 ปี ในการปกป้องท่านและหุบเขาแห่งนี้ ตอนนี้โลกทั้งใบกำลังฟื้นฟูกลับมา ยังมีโอกาสอีกนับร้อย นับพันที่รอท่านอยู่ ได้โปรดนำตระกูลจอมยุทธ์อันเกรียงไกรของเราให้กลับมาโด่งดังเหมือนยุคสมัยเก่าแก่ด้วยเถิด!” ชายชุดดำพูดต่ออีกครั้ง

“หลังจากเทพธิดาถือกำเนิด พวกเราจะชุบชีวิตสายเลือดตระกูลจอมยุทธ์ขึ้นมาอีกครั้ง!” เสียงไม่แข็งกระด้างเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่กลายเป็นเสียงตะโกนด้วยความมั่นใจที่ไม่มีใครเทียบ

เทพธิดา? ตัวประหลาดนั้นคือเทพงั้นเหรอ?

ทุกคนหวาดกลัวและตัวสั่น ถ้าคู่ต่อสู้ของเขา เป็นเทพธิดาจริงๆ ทำไมถึงน่าเกลียดน่ากลัวขนาดนั้นหละ?

แต่ใบหน้าของฉู่ชวิ๋นนั้นเปลี่ยนไปทันที เขาพยายามมองรอบๆ เขากำลังมองหาค่ายกลบางอย่าง ค่ายกลทั้งหมดนี้แยกออกจากจุดศูนย์กลางซึ่งมันก็คือค่ายกลดวงตา ตราบใดที่ทำลายมันได้ การต่อสู้ก็จะง่ายขึ้น

“งั้นพวกแกก็ถอยไปซะ ข้าจะดูดเลือดไอ้พวกนี้”

คลื่น!!!!

มือยักษ์สีขาวเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง มันยกขึ้นสูงถึงผนังถ้ำก่อนที่จะตบลงมาอย่างแรง

ทุกคนต่างก็หวาดกลัว ทั้งหนีตาย ร้องไห้ และกรีดร้องอย่างน่าเวทนา พลังของพวกเขาไม่สามารถต้านทานมือที่คอยเก็บเกี่ยวชีวิตของพวกเขาได้เลยแม้แต่น้อย

เลือดของผู้เคราะห์ร้ายถูกมือยักษ์ดูกลืนไม่หยุดหย่อน ทำให้พลังของมันพัฒนาไปมากกว่าเดิมมาก

ฉู่ชวิ๋นมองไปยังยอดเขา ตรงนั้นมีรูปปั้นสิงโตตั้งอยู่ สิงโตตัวนั้นดูหยิงผยองไม่กลัวอำนาจฟ้าดินแต่อย่างใด มันหันตรงมายังซอกแคบๆ ในถ้ำแห่งนี้

ร่างของฉู่ชวิ๋นขยับ พุ่งไปทางด้าบนของภูเขาเหมือนลำแสง

“ท่านบรรพบุรุษ หยุดเขาเร็ว ชายคนนั้นกำลังจะทำลายค่ายกลแล้ว!” หนึ่งในชายชุดดำพูดขึ้น พวกเขาใช้เวลากว่า 100 ปีในการศึกษาค่ายกล ไม่คิดเลยว่าฉู่ชวิ๋นจะมองออกรวดเร็วขนาดนี้

ปัง!

เสียงลมแสบแก้วหูดังขึ้น ทั้งหินและทรายกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง มือยักษ์นั้นตบมายังจุดที่ฉู่ชวิ๋นยืนอยู่!

ฟิ้ว!

แต่ด้วยความเร็วของฉู่ชวิ๋น เขารวดเร็วกว่ามือเชื่องช้านี้อย่างมาก เสียงกระแทกรุนแรงดังขึ้นตามมาทันที

ตู้ม!

มือยักษ์นั้นทุบไปบนพื้นเปล่าๆ อย่างแรง

เมื่อรู้ว่าพลาดเป้า สิ่งที่อยู่ในถ้ำลึกก็เริ่มโมโห มันกวัดแกว่งมือของมันอีกครั้ง

ระยะทาง 200 เมตรภายใน 1 ก้าวนั้นไม่มากเกินความสามารถของฉู่ชวิ๋น อย่างแน่นอน เขาปล่อยหมัดออกพร้อมกับพุ่งตัวออกไป ร่างของเขาเปร่งประกายแสงสีม่วงออกมา ความเร็วและพละกำลังของเขาราวกับสายฟ้า

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นทั้งในถ้ำ สิ่งที่พังเป็นอย่างแรกคือรูปปั้นสิงโต มันถูกระเบิดกลายเป็นก้อนกรวดด้วยหมัดของฉู่ชวิ๋น อย่างที่สองคือมือโครงกระดูกยักษ์นั้น มันถูกแรงปะทะซักกระเด็นหายเข้าไปในถ้ำลึก

ฉู่ชวิ๋นมุ่งหน้าไปที่ด้านล่างของภูเขาโดยไม่หันกลับมามอง

ในขณะเดียวกัน ม่านแสงสีดำที่ปกคลุมภูเขาก็แยกออก เพราะหินรูปปั้นเสือที่ด้านบนของภูเขาแตกหักไปครึ่งเดียวเท่านั้น ดังนั้นม่านแสงจึงไม่หายไปอย่างสมบูรณ์เพียงแค่แยกออกจากกัน

ผู้คนกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น มีชายคนนึงได้สติแล้วตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง “นี่แหละ ได้โอกาสแล้วหนีเร็ว!”

ม่านแสงที่ฉีกขาดนั้นกว้างเพียง 3 เมตรและสูง 5 เมตรเท่านั้น แต่ที่นี้มีจอมยุทธ์กว่า 100 คน พวกเขาพยายามจะวิ่งผ่านช่องแคบๆ ที่ขวางกันเพื่อหนีตาย

เนื่องจากต้องแย่งกันเข้าไป คนบางคนถึงกับโจมตีคนที่อยู่ข้างหน้าเพื่อหนีออกไปก่อน

ฉั่ว!

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิแทงหลังคนที่ขวางทางแล้วโยนเข้าไปยังม่านพลังสีดำ

ฉัวะ!

จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์หลายคนตัวสั่นไม่ลงมือ ทั้งลมปรานและพลังของพวกเขาปั่นป่วนจนไม่สามารถโคจรพลังได้ถูกต้อง

ฉู่ชวิ๋นเห็นเหตุการที่เกิดขึ้นก็ดวงตาเย็นชาขึ้นมาทันทีและเข้าไปพร้อมกับกำหมัดแน่น

“จอมมารฉู่ ท่าน..ท่านจะทำอะไร” ชายที่ก่อความวุ่นวายถามขึ้น

“ตอนที่ฉันสู้อยู่ ฉันไม่เห็นแกเลย ตอนนี้ได้โอกาสหนีแกกลับสังหารพวกพ้องของตัวเอง คนอย่างแกเก็บไว้ก็น่าอับอายต่อโลกนัก!”

กำปั้นสีม่วงของเขาซัดเข้าเป้าหมายอย่างจัง ชายคนนั้นกระอักเลือดออกมา แต่ฉู่ชวิ๋นไม่ได้หยุดแค่นั้น เขายังซัดหมัดเข้าไปไม่หยุดยั้ง ที่อีกฝ่ายไม่ตายทันทีเพราะเขาอยากซ้อมอีกฝ่ายให้ทรมาณจนสาสมก่อน

ผั่ว!

ร่างของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนนั้นแหลกเละเป็นเสี่ยงๆ

ฉู่ชวิ๋นเดินออกไปหลังจากที่เสร็จเรื่องแล้ว

ผั่ว!

หมัดสุดท้ายของเขา ทำให้เลือดของชายผู้น่าสังเวชคนนี้สาดกระจายไปหลายเมตร ศพกระเด็นแยกออกเป็น 5 ส่วนสภาพดูไม่ได้เลย

ฉู่ชวิ๋นไม่เป็นอะไรก็จริงแต่ก็มีคนหลายคนที่ตายเพราะมือยักษ์นั้น

ฉู่ชวิ๋นพุ่งเข้าไปที่ถ้ำด้วยความโกรธแค้น

วิชาดัชนีสังหาร —- กระบวนท่าสี่นิ้วกำราบมาร!

อากาศอันว่าเปล่าด้านบนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสาหินขนาดใหญ่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า

เสาหินยักษ์ตกใส่มือหุ้มกระดูกนั้นอย่างจัง ก่อนที่จะระเบิดออกมา แรงสั่นสะเทือนอันรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนที่เสาหินจะหายไปแต่อีกฝ่ายไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเบิกกว้าง พลังของเขาไม่สามารถทำอะไรฝ่ายได้เลยงั้นเหรอ เหมือนว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดเดาเอาไว้มาก

ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นไปบนฟ้าและใช้พลังฟีนิกซ์

เคล็ดวิชาฟินิกซ์นิรันดร!

ฟินิกซ์ระบำเก้ากาล ฟินิกซ์ที่ปรากฏขึ้นพร้อมเปลวเพลิงสีม่วงที่น่าเกรงขาม ยามเมื่อมันสยายปีกออกมา ปีกนั้นยาวมากกว่า 10 เมตรเพียงแค่ลมหายใจของมันอย่างเดียวก็สามารถทำลายทุกอย่างได้แล้ว

อากาศและอุณหภูมิรอบๆ มือยักษ์เริ่มเปลี่ยนแปลง

ตู้ม!

เปลวเพลิงกระจายไปทั่วท้องฟ้าทันที ภาพตรงหน้านั้นดูน่าหวาดกลัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แต่น่าเสียดายที่แม้ว่าฟินิกซ์จะหายไปแล้ว แต่มือยักษ์นั้นก็ยังคงอยู่

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเปล่งประกายสีม่วงออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว

เขากวาดมือเป็นตัวอักษรจากนั้นตัวอักษรอันน่าเกรงขามก็ลอยขึ้นมาจากความว่างเปล่า

เคล็ดวิชาลมปราณจำแลงโบราณ – กลอักษร “ฆ่า”!

มือยักษ์คู่นั้นไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย มันปะทะกับอักษรฆ่าอย่างสุดแรง

ปัง!

กลอักษร “ฆ่า” ระเบิดและหายไปทันทีหลังจากสิ้นสุดการปะทะ มือยักษ์กางออกมา ฝ่ามือของมันกลายเป็นสีดำ แต่กลับไม่เป็นอันตรายใดๆ เลยแม้แต่น้อย

ควันแห่งความโกรธเริ่มกระจายออกมาจากถ้ำพร้อมกับกลิ่นไอเลือด

มือยักษ์พลิกตัวและพุ่งมายังตำแหน่งที่ฉู่ชวิ๋นอยู่ทันที

เขาก้าวเท้าหลบ ทำให้มือยักษ์กระแทกใส่ความว่างเปล่า

มือยักษ์ฟาดลงมาจากท้องฟ้ากระแทกภูเขาส่วนหนึ่งจนเกิดหลุมใหญ่ และเมื่อเห็นว่าตัวเองโจมตีไม่โดนฉู่ชวิ๋น มันจึงหันไปเล็งที่จอมยุทธ์คนอื่นแทน

ตุ๊บ! ตุ๊บ!

ทั้งภูเขาเปื้อนไปด้วยเลือดของเหล่าจอมยุทธ์ อากาศเต็มไปหมอกเลือด อบอวลไปด้วยกลิ่นของคาวเลือดอันน่าขนลุกราวอยู่ในนรก

“ไม่นะ ท่านฉู่ชวิ๋น ช่วยด้วย….”

เสียงร้องน่าเวทนาของเหล่าจอมยุทธ์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเวลานี้มีเพียงแค่ฉู่ชวิ๋นเท่านั้นที่จะสามารถต่อกรกับมือยักษ์นี้ได้ ไม่เช่นนั้นทุกคนจะต้องตายหมดแน่

ตอนนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย

ฉู่ชวิ๋นตอนนี้ไม่ร้จะทำยังไงดี เมื่อเห็นมือยักษ์เริ่มฟาดไปที่เหล่าจอมยุทธ์อีกครั้ง ผู้คนหลายสิบคนต้องล้มตายปล่อยไว้มันจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ!

เขาคำรามออกมาแล้วเส้นไหมวิญญาณนับพันก็ปรากฏขึ้น ห่อหุ้มมือยักษ์นั้นและยื้อมันไว้

“เร็วเข้า รีบหนีเร็ว!” ฉู่ชวิ๋นตะโกนออกมา ตอนนี้เส้นไหมวิญญาณเองก็รั้งไว้แทบไม่อยู่แล้ว ผู้คนที่อยู่รอบๆ รีบหนีกันอย่างรวดเร็ว

แคว้ก!

และแล้วก็เกินกว่าที่เส้นไหมวิญญาณจะรับไหว

ฉู่ชวิ๋นสร้างพวกมันอีกครั้งหลังจากที่มันขาดกระจุยไป เพื่อพันธนาการมือยักษ์นั้นอีกครั้ง

“เจ้ายังกล้าหยุดเทพธิดาผู้นี้อีกเหรอ?” เสียงอันน่าหวาดกลัวดังขึ้นมาจากในถ้ำลึก

ฉู่ชวิ๋นไม่ตอบอะไร ตอนนี้มือถูกพันเหมือนกับมัมมี่ไม่มีผิด

“ไม่มีทางที่เจ้าสามารถขัดขืนข้าได้หรอก!”

อีกครั้งที่มือชุ่มเลือดนั้นฉีกเส้นไหมวิญญาณเป็นชิ้นๆ เส้นไหมวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกับฉู่ชวิ๋น ทุกครั้งที่มันขาด สีหน้าของเขาก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

ตอนนี้ผู้คนหนีออกไปได้มากว่า 2 ใน 3 แล้ว

ฉู่ชวิ๋นสะบัดมือ แสงสีทองส่องสว่างและแท่งทองคำขนาดใหญ่ยาวหลายเมตรปรากฏอยู่ในมือของเขา

ตู้ม!

เสียงเหล็กปะทะกันดังตามมาทันที ฉู่ชวิ๋นเลือกที่จะฟาดนิ้วที่ใหญ่ที่สุดบนมือก่อน ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้เขาดีใจมาก นิ้วมือของมันถูกทุบเข้าไปจนเกิดหลุมขนาดใหญ่และกระดูกก็แตกกระจาย

แท่งทองคำนี้คือกระดูกส่วนหางของบรรพบุรุษเทพมังกรไม่มีกระดูกของใครจะยิ่งใหญ่ไปมากกว่าบรรพบุรุษเทพมังกรแล้ว!

แกร็ง!

ฉู่ชวิ๋นม้วนตัวแล้วฟาดลงไปอีกครั้งอย่างสุดแรง นิ้วก้อยของปีศาจที่รับแรงกระแทกกระดูกร้าวทันที เขาเชื่อว่าถ้าทำแบบนี้ต่อไป มันต้องนิ้วขาดอย่างแน่นอน

เสียงร้องภายในถ้ำก็ดังขึ้น พร้อมกับมือที่สะบัดหนีด้วยความเจ็บปวด

ฉู่ชวิ๋นยกแท่งทองคำขึ้นสูง พร้อมกับพุ่งตัวเข้าไปหาเจ้ามือยักษ์ซึ่งๆ หน้า

ส่งผลให้มือยักษ์ยกขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านศีรษะของฉู่ชวิ๋นไป ตบเข้าไปที่จอมยุทธ์หลายสิบคนมันพยายามดูดซับเลือดจำนวนมาก ทำให้นิ้วที่ถูกทำลายโดยฉู่ชวิ๋นหายเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

โชคดีที่จอมยุทธ์ส่วนใหญ่หนีไปได้แล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรให้มันดูดกลืนอีกต่อไป

“อย่าเข้าใจผิดไป วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ลิ้มรสความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเอง!”

มือยักษ์พยายามจะคว้าร่างของฉู่ชวิ๋นเอาไว้

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะและฟาดกระดูกมังกรใส่มือนั้นทันที ทำให้รอยแตกของมือกว้างขึ้น

แต่มันไม่หยุดลงแค่นั้น ทำให้ฉู่ชวิ๋นตื่นกลัว เขาจึงยกแท่งทองคำขึ้นมาป้องกันตัวเอง

อ๊ะ!?

ทันใดนั้นส่วนล่างของฉู่ชวิ๋นก็ถูกมือยักษ์คว้าไว้

“เหอะ แกคิดจะฆ่าฉันด้วยวิธีนี้งั้นเรอะ? บ้าบอสิ้นดี!” ฉู่ชวิ๋นไม่ได้ตกใจร่างกายเขามีกระดูกบรรพบุรุษเทพมังกรอยู่ทั่วทั้งร่างกาย มือยักษ์คงคิดจะพยายามบีบให้เขาตายแต่มันไม่มีทางสำเร็จอย่างแน่นอน

“จะเป็นอย่างงั้นแน่เหรอ?” เสียงในถ้ำเอ่ยขึ้นพร้อมกับความดูถูก

ทันใดนั้นสีหน้าของฉู่ชวิ๋นก็เปลี่ยนไป เลือดของฉู่ชวิ๋นถูกดูดกลืนอย่างรุนแรงโดยมือโครงกระดูนี่ มันดูดเลือดออกไปจากร่างของเขาตามรูขุมขน

“อ๊าก….!” ฉู่ชวิ๋นคำรามอออกมา แสงสีม่วงที่ร่างกายของเขาค่อยๆ เบาบางลง เขาพยายามต้านทานพลังแห่งความมืดนี้อย่างสุดชีวิต มันไม่ใช่แค่เลือดเท่านั้นที่ถูกดูดไป ทั้งลมปราณแท้จริงและลมปราณจำแลงก็ค่อยๆ ถูกดูดกลืนเข้าไปด้วย!