ตอนที่ 427 ช่างเท่เสียเหลือเกิน! / ตอนที่ 428 ไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนี้

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 427 ช่างเท่เสียเหลือเกิน!

ขณะเดียวกัน บนจอภาพขนาดยักษ์ก็ปรากฏฉากคลาสสิคที่มีอยู่ในภาพยนตร์จำนวนหนึ่ง

มีอยู่ฉากหนึ่งที่กินเวลานานมากที่สุด ซึ่งฉากนี้ก็คือฉากการปะทะฝีมือสุดคลาสสิคของเผยหนานซวี่กับหลินเยียนฉากนั้นนั่นเอง

ถึงแม้ทุกคนจะดูแคลนหลินเยียน แต่สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือการแสดงของหลินเยียนในภาพยนตร์เรื่องนี้มันช่างยอดเยี่ยมเสียเหลือเกิน ไม่แปลกเลยที่จะโด่งดัง

ไม่ว่าจะเป็นฉากที่แสดงคู่กับเว่ยสวีเฟิงหรือว่ากับเผยหนานซวี่ เธอต่างแสดงได้อย่างไร้ที่ติ

ถ้าบทของหลินเยียนเพิ่มขึ้นอีกสักนิด และไม่ใช่นางรองหมายเลขสี่ จะต้องได้รับรางวัลจำนวนไม่น้อยแน่นอน

ส่วนหลินเยียนที่เป็นเจ้าตัว เมื่อได้เห็นการแสดงฉากนี้เธอกลับเกิดความรู้สึกอันสลับซับซ้อน

เพราะที่จริงแล้วการแสดงฉากนี้เกิดขึ้นตอนที่เธอ ‘อาการกำเริบ’ สำเร็จลุล่วงในสภาวะที่เธอไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย…

เมื่อภาพยนตร์เข้าฉาย มีหลายแอคเคาท์ที่ตัดคลิปจับคู่จิ้นให้หลินเผี่ยนรั่วจำนวนไม่น้อย ที่มากที่สุดคือเธอกับเว่ยสวีเฟิง ส่วนฝ่ายที่จิ้นเธอกับเผยหนานซวี่ก็มีไม่น้อยเช่นเดียวกัน

ยังมีพวกที่ความคิดพิเรนทร์อีกจำนวนหนึ่งที่ตัดฉากที่แสดงกับเว่ยสวีเฟิงกับฉากที่แสดงกับเผยหนานซวี่ออกมาเฉพาะตัวเธอ และตัดต่อออกมาให้เธอเป็นฝ่ายรุกฝ่ายรับกับตัวเอง…

ไม่ต้องพูดถึง หลินเยียนเห็นแล้วก็รู้สึกสนุกมากจริงๆ …

ตัวเองตอนที่กำลังแสดงคู่กับเผยหนานซวี่นั้นมันช่างเท่เสียเหลือเกิน!

เธอใกล้จะหลงรักตัวเองแล้วสิ!

พิธีมอบรางวัลสิ้นสุดอย่างรวดเร็ว ต่อจากนั้นจะเป็นช่วงสัมภาษณ์

หลินเยียนเพิ่งจะเดินออกจากห้องพิธีประกาศรางวัล ขณะที่เดินถึงหัวมุม จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาหา

เมื่อเห็นเกาจื้อเวยที่กำลังเดินมาหาตนเอง หลินเยียนก็เลิกคิ้วเล็กน้อย มองไปยังคนที่กำลังเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ

เกาจื้อเวยมีสีหน้าเปี่ยมล้นด้วยความมั่นใจว่าควบคุมทุกอย่างอยู่ในกำมือได้ทั้งหมดแล้ว เขากวาดตามองหลินเยียนด้วยลักษณะของคนที่อยู่เหนือกว่า “หลินเยียน เป็นยังไงบ้างล่ะ? ครบกำหนดสามวันแล้ว คิดดีแล้วหรือยัง?”

ดูจากท่าทีของเกาจื้อเวย คงหมายมั่นแล้วว่าเธอต้องยอมแน่นอน

ถึงอย่างไรด้วยสถานการณ์เช่นนี้ นอกจากเกาจื้อเวยจะแก้ข่าวด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นต่อให้มีปากพูด เธอก็ไม่อาจอธิบายได้แน่นอน

หลินเยียนหัวเราะ “ผู้อำนวยการเกา ฉันคิดว่าที่บริษัทวันนั้น ฉันพูดสิ่งที่ควรพูดกับคุณไปอย่างชัดเจนมากแล้วนะ ฉันเซ็นสัญญากับบริษัทอื่นไปแล้ว”

เกาจื้อเวยคิดไม่ถึงว่าจนป่านนี้แล้วหลินเยียนก็ยังปากหนักอยู่อีก เขาหน้าบึ้งขึ้นมาทันที “หลินเยียน ฉันสืบมาแล้ว ไม่มีบริษัทไหนเซ็นสัญญากับเธอเลย! ฉันว่าเธอน่ะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!”

เขาสืบมาแล้ว?

หลินเยียนครุ่นคิด เดาว่าที่เกาจื้อเวยไปสืบมาต้องเป็นบริษัทดูแลศิลปินเกรดสามเกรดสี่แน่ๆ เมื่อเป็นแบบนี้ เขาจึงไม่ได้ข่าวอะไร นึกว่าเธอยังไม่ได้เซ็นสัญญาเป็นธรรมดา

หลินเยียนไม่ได้อธิบายเช่นกัน กล่าวระคนยิ้มขึ้นมาว่า “ฉันก็อยากเห็นเหมือนกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่า…ถึงเวลาใครจะเป็นคนที่หลั่งน้ำตากันแน่”

“เธอ…” เกาจื้อเวยหน้าตาถมึงทึง “ดี! หลินเยียน! ดีมาก! นี่เธอบีบฉันเองนะ! อย่าเสียใจทีหลังก็แล้วกัน!”

เกาจื้อเวยแค่นเสียงและหมุนตัวจากไปทันที

หลินเยียนปัดฝุ่นที่ไม่มีอยู่บนชุดด้วยท่าทีไม่แยแสพร้อมเดินออกนอกประตูไปด้วยท่าทางสบายๆ

พี่หลิงเจรจาตกลงกับพินนาเคิล เอนเตอร์เทนเมนต์เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ฉือเซิ่งจะค่อนข้างไม่พอใจกับเรื่องที่เธอก่อขึ้นมา แต่ก็ยังรับปากว่าจะให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทประกาศแจ้งอยู่ดี เพื่อยืนยันว่าตอนนี้หลินเยียนเป็นศิลปินที่อยู่ในสังกัดพินนาเคิล เอนเตอร์เทนเมนต์แล้ว

ถึงแม้ฉือเซิ่งจะไม่ได้ออกหน้าด้วยตัวเอง แต่แค่มีประกาศจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็เพียงพอแล้ว

เมื่อพิธีประกาศรางวัลสิ้นสุดลง เหล่านักแสดงทั้งหลายต่างมีท่าทีผ่อนคลายลง ฉวยโอกาสช่วงเวลาว่างรอการสัมภาษณ์พูดคุยโอภาปราศรัยซึ่งกันและกัน

ฉากพิเศษ

หลินเยียนจ้องมองตัวเองซึ่งกำลังแสดงคู่กับเผยหนานซวี่ภายในคลิป ‘สวรรค์! เรานี่ช่างเท่เสียเหลือเกิน! ฉันใกล้จะหลงรักตัวเองแล้วเนี่ย!’

เผยอวี้เฉิง ‘ที่จริงแล้วคนที่เธอรักน่ะคือฉัน’

ตอนที่ 428 ไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนี้

“ก่อนหน้านี้มีหลายคนโม้เรื่องฝีมือการแสดงของหลินเยียนในคู่ปรับมหากาฬ เดิมทีฉันยังขี้เกียจจะแลเสียด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าวันนี้พอได้เห็นวิดีโอที่ฉายอยู่ในงาน มันช่างยอดเยี่ยมมากจริงๆ เลยนะ! มิน่าล่ะ ช่วงนี้เธอถึงดังมากขนาดนี้!” มีดาราชายคนหนึ่งกล่าวทอดถอนชมเชย

ขณะนี้เองดาราสาวในชุดเดรสสีเหลืองก็เอ่ยปากพูดอย่างดูแคลน “เพียงแต่น่าเสียดายนะ ต่อให้ก้าวหน้าอีกสักแค่ไหน แสดงดีอีกสักแค่ไหนแล้วจะทำไม นิสัยแย่เกินไปแล้ว! กลับยั่วยวนผู้ชายที่มีเมียแล้วอย่างเปิดเผยได้! คนแบบนี้สร้างความมัวหมองให้วงการบันเทิงของเราจริงๆ! ฉันกระดากใจที่จะพูดว่าฉันเคยแสดงหนังอยู่ในกองถ่ายเดียวกับคนแบบนี้!”

ดาราสาวในชุดเดรสสีเหลืองเป็นนางรองหมายเลขสองในเรื่องคู่ปรับมหากาฬ สถานการณ์ของเธอไม่ต่างจากเจี่ยงซือเฟยเท่าไหร่นัก ถูกหลินเยียนแย่งความเด่นดังทั้งหมดไป ดังนั้นจึงไม่พอใจหลินเยียนเป็นธรรมดา

พอรู้ว่าหลินเยียนก่อเรื่องฉาวโฉ่แบบนี้ เธอจึงเป็นคนแรกที่ออกมาเหยียบย่ำซ้ำเติม กระทั่งว่ายังเป็นคนแชร์โพสต์เวยปั๋วของเกาจื้อเวยอีกด้วย ทอดถอนใจว่าสังคมสมัยนี้ตกต่ำไปเรื่อยๆ จิตใจคนไม่เหมือนเดิม ทั้งยังเปิดเผยเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการยั่วยวนผู้ชายของหลินเยียนตั้งมากมายด้วยท่าทางคล้ายเจตนาและคล้ายไม่เจตนา

ขณะนี้หลินเยียนยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่ดาราสาวคนนี้กลับไม่ยั้งเสียงแม้แต่น้อย เหมือนจงใจจะให้หลินเยียนได้ยิน

ทว่าหลินเยียนกลับไม่เหลือบแลแยแส ทำเพียงยืนอย่างสงบนิ่งอยู่ตรงนั้นเท่านั้น

“ได้ยินว่าเธอชอบสร้างกระแสด้วยการมีข่าวฉาวจริงๆ นั่นล่ะ เพียงแต่ยั่วยวนผู้ชายที่มีเมียแล้วนี่มันเรื่องอะไรกันเหรอ…” มีคนที่ไม่รู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย

“เธอไม่ได้ยินข่าวลือช่วงนี้หรือไง?”

“ข่าวลืออะไรเหรอ ช่วยนี้ฉันเก็บตัวถ่ายหนังอยู่ที่กองถ่าย ไม่ได้สนใจข่าวจากโลกภายนอกเลย!”

“ไอ้หยา ฉันจะเล่าให้เธอฟังนะ เธอน่ะ…”

ดาราสาวเริ่มซุบซิบนินทากับดาราที่อยู่ด้านข้างด้วยเสียงอันเจื้อยแจ้วไม่หยุดทันที ซ้ำยังลากเจี่ยงซือเฟยที่อยู่ด้านข้างมาด้วย “ตอนหลินเยียนอยู่กองถ่ายก็ทำตัวรุ่มร่ามมาตลอด เกาะแกะไปทั่ว ทำตัวเป็นจุดเด่นให้คนมาสนใจ แม้แต่ราชาภาพยนตร์เผยก็ยังแสดงท่าทีไม่ธรรมดากับเธอเลย! หน้าไม่อายจริงๆ! ไม่เชื่อพวกเธอลองถามราชินีภาพยนตร์เจี่ยงดูสิ!”

เจี่ยงซือเฟยพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “เรื่องนี้…ฉันพูดลำบากเหมือนกันนะ เพียงแต่ท่าทีที่ราชาภาพยนตร์เผยมีให้หลินเยียนต่างกับคนอื่นจริงๆ…”

แม้แต่ดาราที่อยู่ในกองถ่ายเดียวกับหลินเยียนอย่างเจี่ยงซือเฟยกับดาราชุดเหลืองคนนี้ยังพูดแบบนี้เลย คนอื่นจึงยิ่งเชื่อไปกันใหญ่ ต่างทยอยใช้สายตารังเกียจเดียดฉันท์มองหลินเยียนทันที

ต่อให้มีฝีมือการแสดงดีสักแค่ไหน แต่ถ้าขาดจริยธรรมของศิลปินก็ทำให้คนรังเกียจได้เช่นกัน นับประสาอะไรกับเธอที่ไปยั่วยวนผู้ชายที่มีเมียแล้ว…

และขณะนี้เอง บรรดานักข่าวก็ทยอยกันมาถึง

เนื่องจากช่วงนี้ข่าวลือระหว่างหลินเยียนกับเกาจื้อเวยกำลังเป็นประเด็นร้อนถึงขีดสุด ดังนั้นนักข่าวจึงกรูเข้าหาหลินเยียนทันที

หลินเยียนพลันถูกนักข่าวรายล้อมจนไม่มีอากาศหายใจ ส่วนพวกของเจี่ยงซือเฟยก็ยืนมองดูเรื่องสนุกอยู่ด้านข้างด้วยสายตาอันเย็นชา

“คุณหลินเยียน คุณมีความเห็นอย่างไรต่อข้อกล่าวหาที่เกาจื้อเวยผู้อำนวยการฝ่ายดูแลศิลปินจากบริษัทเก่าของคุณพูดถึงคุณครับ”

“หลายวันก่อนคุณไปหาคุณเกาจื้อเวยที่บริษัทกลางดึก จงใจใช้ความสวยเข้ายั่วยวนเพื่อให้ได้สัญญามาอย่างที่เขาพูดมารึเปล่าครับ”

“ขอถามว่าคุณรู้รึเปล่าว่าคุณเกาจื้อเวยมีภรรยาแล้ว คุณทำแบบนี้ไม่รู้สึกว่าตัวเองไร้ศีลธรรมบ้างเหรอครับ”

……

เมื่อเผชิญคำกล่าวหาอันแสนจะสับสนวุ่นวายจากบรรดานักข่าว สีหน้าหลินเยียนกลับไม่ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย “ขอโทษนะคะ เหมือนฉันไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนี้”

เมื่อได้ยินคำตอบของหลินเยียน บรรดานักข่าวก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“พยานหลักฐานครบถ้วน หรือคุณคิดจะปฏิเสธ?”

“งั้นคุณช่วยอธิบายสักหน่อยว่าภาพของปาปารัซซี่มันคือเรื่องอะไรกันแน่ แถมคุณอันเชี่ยนเชี่ยนที่อยู่บริษัทเดียวกันก็ยังเป็นคนออกมากล่าวหาคุณด้วยตัวเอง! หรือว่าทุกคนใส่ความคุณหมดเลย?”