ตอนที่ 204 ทานอาหารร่วมกัน

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ห้าปีมานี้เขาอยู่ในเหวลึก สิ่งที่คิดถึงมากที่สุดคือพวกเขาสองคน คิดว่าภายในครรภ์ของเล่อเหยาเหยาจะเป็นบุตรชายหรือบุตรสาวกันแน่

หากเป็นบุตรชายหน้าตาคงคล้ายคลึงเขา หากเป็นบุตรสาวหน้าตาคงน่ารักคล้ายคลึงมารดา

หากเขาออกไปได้ สามารถโอบกอดสองแม่ลูกพร้อมกัน ชดเชยช่วงเวลาที่เขาหายไปเนิ่นนาน ไม่ได้อยู่ข้างกายของพวกเขา

ดังนั้นเพื่อคนทั้งสองที่เขารักสุดหัวใจ เขาจำต้องมีชีวิตต่อไป

ไม่ว่าต้องลำบากมากมาย มีโอกาสรอดชีวิตน้อยล้วนไม่เป็นไร เพราะในใจเขามีสิ่งที่ยึดมั่น คอยสนับสนุนเขา

เพราะความยึดมั่นนี้ของเขา ในที่สุดเขาจึงหลุดพ้นจากสถานที่ไร้ผู้คนกลับมาได้

จนในที่สุดได้เห็นคนที่คิดถึงมาตลอดจนปวดใจ

พวกเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อย่างน้อยดีกว่าที่เขาคาดคิดมากมาย

เหยาเหยาของเขามีความสุข และเธอก็เข้มแข็งอย่างมาก

เห็นชัดว่าหญิงสาวอ่อนช้อยงดงาม จำเป็นต้องถูกเขาปกป้อง บดบังพายุและฝน ต้านทานแผ่นฟ้าให้เธอ

ภายในช่วงเวลาที่ไม่มีเขา เธอกลับเปลี่ยนไปแข็งแกร่งขึ้นมา

เธอไม่ใช่คนอ่อนแอพร้อมแตกสลายที่เขาเคยรู้จัก

ดูออกว่าเธอแข็งแกร่งยิ่งนัก

แข็งแกร่งจนมากพอที่จะสามารถปกป้องตนเองและบุตรชายของพวกเขาได้

เมื่อเห็นคนทั้งคู่ที่ตนคิดถึงมาตลอดนี้ ทันใดนั้นเขาอยากพุ่งเข้าไปโอบกอดพวกเขาเอาไว้โดยไม่สนใจสิ่งใด เอ่ยเล่าว่าช่วงเวลาที่แยกจากพวกเขา ตนคิดถึงพวกเขามากเพียงใด มีคำพูดมากมายต้องการเอ่ยพูดกับพวกเขา แต่…

สวรรค์เล่นตลก ชีวิตนี้เขาคงไร้วาสนากับเธอ

พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋โกรธแค้นยิ่งนัก โกรธแค้นสวรรค์ว่าเหตุใดจึงทำเช่นนี้กับเขา

เห็นชัดว่าพวกเขาสองคนรักกันเช่นนี้ แต่กลับไร้หนทางอยู่ด้วยกัน หรือก่อนหน้านี้เขาสังหารเข่นฆ่าผู้คนมากเกินไป

สำหรับคำตอบนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถตอบเขาได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม

เมื่อพวกเขาไม่อาจพบหน้า เขาจึงไม่อยากเห็นเธอ เช่นนั้นสิ่งที่เขาทำได้คือมองเธออยู่ไกลๆ มองใบหน้ายิ้มแย้มดีใจของเธอ ชีวิตอันเรียบง่าย เขาพออกพอใจแล้ว

พอคิดถึงเรื่องนี้ ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายสับสนมึนงง

เวลานี้จึงก้มมองคนตัวเล็กที่กำลังจับแขนเสื้อของเขา พร้อมองเขาด้วยสายตารอคอยคู่นั้น

เขาหน้าตาน่ารักยิ่งนัก คล้ายคลึงกับเขามากทีเดียว

ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับสืบทอดมาจากมารดาของเขา

ทั้งกลมโต บริสุทธิ์ สะดุดตา คล้ายกับหยกอ่อนสีดำที่งดงามที่สุดในใต้หล้า ทำให้คนมองอย่างชื่นชม

โดยเฉพาะเวลานี้ เขาเผยแววตาน่าสงสารและคาดหวังออกมา ทำให้เขามองจนใจอ่อน

เด็กน้อยน่าสงสารนี้ เพิ่งเกิดมาไร้บิดาอยู่ข้างกายเขา ไม่รู้เขาจะคิดถึงบิดาหรือไม่ หรือความจริงเขาไม่รู้ว่าสิ่งใดคือบิดา!

พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายเจ็บปวด

เพราะตั้งแต่เด็กเขาต้องการความความรักจากเสด็จพ่อและเสด็จแม่ น่าเสียดายหัวใจทั้งดวงของเสด็จแม่ล้วนมีเพียงเสด็จพ่อ ทว่าเสด็จพ่อกลับรักฮองเฮาอย่างสุดหัวใจ ทุกครั้งที่เสด็จพ่อประทับอยู่ที่ตำหนักของฮองเฮา เสด็จแม่มักโมโห และทั้งตบตีด่าทอเขา คล้ายกับระบายอารมณ์หรือเพราะเหตุใด

ดังนั้นตั้งแต่เด็ก เขาจึงทั้งรักและหวาดกลัวเสด็จแม่

ส่วนเสด็จพ่อเพราะความสัมพันธ์กับเสด็จแม่ จึงไม่ได้ให้ความสนใจในตัวเขา

สำหรับเรื่องนี้ เขาในวัยเด็กน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งนัก ดังนั้นจึงตั้งปณิธานไว้ตั้งแต่เด็ก หากวันหน้าเขามีบุตร ต้องรักใคร่บุตรของตนให้ดี ทำให้บุตรของตนเติบโตขึ้นท่ามกลางการสนับสนุนของบิดามารดาอย่างมีความสุข เพื่อชดเชยสิ่งที่เขาไม่ได้รับในวัยเด็ก

แต่ความปรารถนานี้ ชั่วชีวิตนี้ของเขาไร้หนทางจะทำได้

เด็กน้อยผู้น่าสงสาร เหตุใดจึงคล้ายคลึงกับบิดาเช่นนี้!

พอคิดถึงตรงนี้ในใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋เจ็บปวด ดุจมีคนกำลังใช้มีดทื่อไร้คมจ้วงแทงอย่างรุนแรง

ก่อนได้ยินเสียงนุ่มนวลของเด็กผู้ชายดังขึ้นอีกครั้ง ภายในน้ำเสียงแฝงความออดอ้อน คล้ายกำลังออดอ้อนบิดาของตน

“ท่านลุง ได้โปรดทานอาหารกับพวกเราสักมื้อด้วยเถิด!”

เหลิ่งอวี้เซวียนร่ำร้องขอ

สำหรับท่านลุงผู้นี้ ความจริงเขาไม่รู้จัก รู้เพียงเมื่อวานท่านลุงผู้นี้ร้ายกาจอย่างยิ่ง ช่วยมารดาและเขาจัดการพวกคนชั่วมากมาย

และไม่รู้เหตุใดมารดาหลังเจอท่านลุงผู้นี้เมื่อคืน ร้องไห้เสียใจไม่หยุด

เวลานี้เมื่อเจอท่านลุงนี้อีกครั้ง มารดาคล้ายตื่นเต้นร้อนรนอย่างมาก และอยากให้ท่านลุงผู้นี้อยู่ต่อ

แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดมารดาถึงทำเช่นนี้ แต่เพียงเป็นความต้องการของมารดา เขาจะทำเพื่อเธอ

และเมื่อครู่ไม่ได้สังเกต ทว่าตอนนี้หลังได้ใกล้ชิดกับท่านลุงผู้นี้ แม้ท่านลุงจะให้ความรู้สึกเย็นชา หนาวเหน็บจนผู้คนอยากจามออกมา แต่เขากลับไม่หวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว ไม่แม้กระทั่งรังเกียจท่านลุงผู้นี้

และเขารู้สึกว่าสายตาที่ท่านลุงผู้นี้มองมายังเขาดูอ่อนโยนอย่างมาก และแฝงด้วยความสงสารเห็นใจ ทำให้เขาชื่นชอบอย่างยิ่ง และอยากอยู่ร่วมกับท่านลุงผู้นี้อย่างไม่รู้เหตุผล

ขณะเหลิ่งอวี้เซวียนแปลกใจกับความคิดนี้ในใจ ภายใต้การอ้อนวอนของเขา ชายหนุ่มที่นิ่งเงียบไม่พูดจา หลังเงียบงันชั่วขณะ จนเล่อเหยาเหยาคิดว่าเขาคงจากไปแน่ กลับเอ่ยปากขึ้นมา

“ได้”

คำพูดแสนห้วน แต่เล่อเหยาเหยาที่ได้ยินกลับรู้สึกว่าคือเสียงไพเราะที่สุด

เมื่อได้ยิน ใจที่เต้นระรัวของเล่อเหยาเหยาผ่อนคลายลงในที่สุด

และในใจคล้ายอาบไปด้วยน้ำผึ้งอันหอมหวาน

ฮ่า ๆ ในที่สุดเขาอยู่ต่อแล้ว ดีจริงๆ

เล่อเหยาเหยาดีใจในใจ ส่วนทางเหลิ่งอวี้เซวียนนั้นหลังได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม อดปรบมือขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจไม่ได้ ก่อนกล่าวยิ้มๆ ว่า

“ฮ่า ๆ ในที่สุดท่านลุงอยู่ต่อแล้ว ช่างดีจริงๆ”

“ฮ่า ๆ”

เมื่อเห็นสีหน้าดีใจของเล่อเหยาเหยา และใบหน้าตื่นเต้นดีใจของเหลิ่งอวี้เซวียนแดงก่ำ ราวผลแอปเปิ้ลเพิ่งสุกงอมแสนน่ารักนั้น ทำให้คนมองอดอยากกัดชิมไม่ได้

เห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มอดมีความสุขไปกับพวกเขาไม่ได้ จึงยิ้มออกมา

เพราะในที่สุดชายหนุ่มก็อยู่ต่อ เล่อเหยาเหยาพลันให้เสี่ยวเอ้อร์นำอาหารขึ้นมาเพิ่มอีกหลายเมนู

“เอาปลากระพงน้ำแดง ซี่โครงหมูนึ่ง กุ้งผัดเผ็ด”

“ได้ นายท่านโปรดรอสักครู่ อาหารไม่นานจะถูกยกมา”

เสี่ยวเอ้อร์ได้ยินพลันรีบไปจัดการอย่างรวดเร็ว ไม่นานอาหารร้อนกรุ่นพวกนั้นก็ถูกลำเลียงขึ้นบนโต๊ะอีกครั้ง

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยายิ้มพร้อมเอ่ยกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอว่า

“อาหารเรียบง่าย คิดว่าท่านคงไม่รังเกียจ และถือเป็นการตอบแทนที่ท่านช่วยเหลือพวกเราเมื่อวาน”

แม้ว่าสำหรับเหล่าอันธพาลเมื่อวานนั้น เธอจะสามารถจัดการได้ก็ตาม

แต่เพราะเซวียนเอ๋อร์อยู่ข้างกาย เพื่อจัดการกับคนจำนวนมาก ยากที่จะรับรองได้ว่าเซวียนเอ๋อร์จะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ชายหนุ่มตรงหน้านี้กลับลงมือช่วยเหลือ จะพูดเช่นไรเล่อเหยาเหยาควรขอบคุณเขาถึงจะถูก

และเมื่อชายหนุ่มได้ยิน เพียงเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า

“เรื่องเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”

“ฮ่า ๆ”

เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาหัวเราะออกมา ทันใดนั้นคล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา จึงเอ่ยกับชายหนุ่มว่า

“ข้าแซ่เล่อ นามว่าเหยา ไม่รู้ว่าท่านมีนามว่าเช่นไร”

“ตูกู๋ (โดดเดี่ยว)”

เมื่อได้ยินคำถามของเล่อเหยาเหยา ชายหนุ่มพลันเอ่ยปากทันทีโดยไม่คิด

“ตูกู๋หรือ”

ตูกู๋ ตูกู๋ เหมาะกับชายตรงหน้านี้เสียจริง

หรือที่ผ่านมาเขาล้วนโดดเดี่ยวเดียวดายเช่นนี้!

ไม่รู้เพราะเหตุใด เห็นชัดว่าชายตรงหน้านี้ไม่ใช่อวี๋ แต่เพียงคิดว่าเขาต้องโดดเดี่ยว ในใจเล่อเหยาเหยาเจ็บปวดอย่างหนัก

ไม่รู้ว่าอวี๋ที่จากเธอไปแล้ว เมื่ออยู่บนสวรรค์จะโดดเดี่ยวหรือไม่!

พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาอดเศร้าเสียใจไม่ได้

ทว่าเธอยังข่มกลั้นไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนกล่าวยิ้มๆ กับชายหนุ่มตรงข้ามว่า

“ท่านพี่ตูกู๋ รีบทานเถิด มิฉะนั้นอาหารจะเย็นชืดหมด”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยจบ เอ่ยปลอบเหลิ่งอวี้เซวียนที่นั่งอยู่ข้างกายขึ้นอีกครั้ง

“เซวียนเอ๋อร์เด็กดีก็ทานเถิด ต้องทานให้อิ่ม จึงจะสูงใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว”

“อืม เซวียนเอ๋อร์จะตั้งใจทานอาหาร”

เพราะทานอิ่มจึงจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และสามารถปกป้องท่านแม่ได้!

พอคิดถึงตรงนี้ เซวียนเอ๋อร์ยื่นมือเล็กออกมาหยิบตะเกียบขึ้นทานอาหาร เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น ก็ยิ้มอย่างพอใจก่อนลงมือทานอาหาร

เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่นั่งอยู่ตรงข้ามพวกเธอ เมื่อเห็นภาพสนิทสนมตรงหน้า ดวงตาอดร้อนผ่าวไม่ได้

และภาพในตอนนี้เขาต้องคาดหวังไปอีกนานเพียงใด

ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในเหวลึก ทุกครั้งที่เขารู้สึกใกล้จะต้านทานไม่ไหว พยายามคิดไม่หยุดว่าหากวันหน้าเขาออกไปได้ ต้องดูแลเหยาเหยาและบุตรให้ดีที่สุด

ให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เขา อยู่ทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตา เล่นสนุกหยอกล้อกัน

ยังต้องสอนบุตรชายอ่านหนังสือ คัดอักษร และฝึกวรยุทธ์

ตอนนี้ในที่สุดเขาทำสำเร็จเรื่องหนึ่งแล้ว นั่นคือการทานอาหารร่วมกับพวกเขา

แม้ตอนนี้พวกเขาจะไม่รู้ว่าตนคือผู้ใด แต่คอยใกล้ชิดอยู่ข้างกายพวกเขาเช่นนี้ได้ เขารู้สึกอิ่มอกอิ่มใจยิ่งนัก

อย่างน้อยแม้วันหน้าเขาจะจากพวกเขาไป ในใจเขายังคงมีความทรงจำอันงดงาม

พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋ทั้งซาบซึ้งและหดหู่

โดยเฉพาะเมื่อมองอาหารที่เล่อเหยาเหยาเพิ่งสั่งพวกนั้น ในใจอดหวั่นไหวไม่ได้

อาหารพวกนี้ คือเมนูที่เขาชอบที่สุดก่อนหน้านี้

เมื่อเห็นอาหารตรงหน้านี้ ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดนึกถึงเรื่องราวในอดีตไม่ได้

และถอนหายใจขึ้นในใจอีกครั้ง

ก่อนหยิบตะเกียบพลางนึกถึงความทรงจำอันสวยงามในอดีตที่ผ่านมา พลางมองแม่ลูกที่งดงามดุจหยกแกะสลักคู่นี้ตรงหน้า หัวใจที่เคยเปล่าเปลี่ยวมากว่าห้าปี สุดท้ายถูกเติมเต็มอัดแน่นด้วยความสุข

ปรารถนาจริงๆ ว่าภาพตรงหน้านี้ จะสามารถหยุดค้างอยู่เช่นนี้ตลอดไป

เวลาหยุดหมุนลง โลกทั้งใบมีเพียงพวกเขาสามคน

น่าเสียดาย นี่เป็นเพียงความหวังของเขาเท่านั้น

อาหารมื้อนี้สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว หลังทานอิ่มเล่อเหยาเหยาให้เสี่ยวเอ้อร์ยกอาหารลงไป ก่อนเปลี่ยนพวกของว่างสดใหม่ขึ้นมา ทันใดนั้นคล้ายฉุกคิดขึ้นได้ จึงเอ่ยถามชายหนุ่มตรงหน้าว่า

“จริงสิ ท่านพี่ตูกู๋ ท่านวางแผนจะไปที่ใดหรือ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ชายหนุมชะงักก่อนเอ่ยว่า

“ข้าไร้ที่อยู่ จึงวางแผนร่อนเร่ไปทุกที่”

“อืมพอดีเลย ข้าและเซวียนเอ๋อร์ตอนนี้ก็ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ เช่นนั้นพวกเราร่วมเดินทางไปด้วยกันดีหรือไม่”

…………………………………………………………………………………..