ตอนที่ 205 ความทุกข์จากการพัดพราก (1)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

“ท่านลุง พวกเราก็ย่างปลากันดีหรือไม่”

เมื่อได้ยินเสียงนุ่มนวลของเหลิ่งอวี้เซวียน และท่าทางรอคอยอย่างหิวกระหายของเขานั้น ช่างคล้ายกับแมวน้อยจอมตะกละตัวหนึ่งจริงๆ!

เห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มอดหัวเราะเสียงเบา ก่อนเอ่ยขึ้นประโยคหนึ่งว่า

“ได้”

เพียงเขาหิว เขาย่อมทำเพื่อเขา

พอคิดถึงตรงนี้ ชายหนุ่มค่อยๆ ม้วนกางเกงและแขนเสื้อขึ้น พร้อมถอดรองเท้าออก

เพราะทะเลสาบเทพธิดานี้ ความจริงบริเวณริมฝั่งน้ำตื้นอย่างมาก แต่เมื่อเดินลงไปกลางทะเลสาบน้ำจึงจะลึก

แต่ปลาในทะเลสาบเทพธิดามากมายยิ่งนัก ดังนั้นเพียงอยู่ริมฝั่งในเขตน้ำตื้น สามารถจับปลาขึ้นมาได้มากมาย

เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นชายหนุ่มถอดรองเท้าก่อนลงไปในน้ำ ปรบมือดีใจอย่างชอบใจอยู่ริมฝั่ง

เพราะเด็กจิตใจและนิสัยใสซื่อบริสุทธิ์ เพียงคิดอีกสักครู่จะได้ทานปลาจึงดีใจอย่างยิ่ง

ทว่าตรงข้ามกลับสีหน้าดีใจของเหลิ่งอวี้เซวียน เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้างเวลานี้กลับขมวดคิ้วมุ่น

เพราะเมื่อเห็นชายหนุ่มม้วนกางเกงและแขนเสื้อของตน บนแขนและขาของเขานั้นมีรอยแผลเป็นขนาดน้อยใหญ่

เพียงเห็นรอยแผลเป็นขนาดน้อยใหญ่พวกนั้น คล้ายใยแมงมุมติดอยู่บนสองขาและสองมือของชายหนุ่ม

ดูจากร่องรอยของแผล บาดแผลพวกนี้บางส่วนคือรอยกระบี่ บางส่วนคือคล้ายถูกบางสิ่งกัดลงไป บางส่วนคล้ายถูกบางสิ่งบาดเฉือนลงไป

บางส่วนดูคล้ายผ่านมาเป็นเดือน บางส่วนกลับเกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ขนาดทั้งเล็กและใหญ่ ความจริงไม่มีที่ใดสมบูรณ์แบบ

เห็นเช่นนั้น ในใจเล่อเหยาเหยาอดอกสั่นขวัญแขวนและปวดใจไม่ได้

ชายผู้นี้ วันเวลาก่อนมานี้พบเจอเรื่องใดมากันแน่!

เหตุใดบนกายเขาจึงมีบาดแผลมากมายเช่นนี้!

ตูกู๋ คือชื่อจริงของเขา หรือหมายถึงวันเวลาอันโดดเดี่ยวในตอนนี้ของเขา!

พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาอดปวดแปลบไม่ได้ เพราะปวดใจแทนชายหนุ่มผู้นี้

ตรงข้ามกับความคิดในใจของเล่อเหยาเหยา ทางเหลิ่งจวิ้นอวี๋นั้นเมื่อเห็นเหลิ่งอวี้เซวียนดีใจไม่หยุด ไม่นานก็จับปลาสามตัวที่มีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกันขึ้นมา

ทะเลสาบเทพธิดานี้ ไม่เพียงน้ำใสบริสุทธิ์ กระทั่งปลาที่เจริญเติบโตขึ้นมาทุกตัวต่างอ้วนพีสดใหม่

หลังจับปลาเสร็จ ชายหนุ่มหยิบมีดเล็กออกมาจัดการปลาอยู่ในทะเลสาบ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตั้งแต่เด็กทานปลามามากมาย เมื่อเห็นฝีมืออันชำนาญของชายหนุ่มกลับมองอย่างอิจฉาอย่างยิ่ง

“ท่านลุงร้ายกาจยิ่งนัก เซวียนเอ๋อร์ก็อยากจับปลาด้วยตนเองบ้าง!”

เหลิ่งอวี้เซวียนเงยใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความหวังมองชายหนุ่มพร้อมเอ่ยขึ้น เสียงใสไพเราะดุจไข่มุกเม็ดเล็กเม็ดใหญ่หล่นลงบนถาดหยกนั้น ไพเราะจับใจยิ่งนัก

เมื่อได้ยินชายหนุ่มเพียงหัวเราะเสียงเบา ก่อนเอ่ยขึ้น

“รอให้เจ้าโตกว่านี้ ย่อมสามารถจับปลาได้แน่นอน”

“ตอนนั้นท่านลุงจะอยู่ช่วยเซวียนเอ๋อร์จับปลาหรือไม่”

เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

ทว่าครั้งนี้ คำตอบของชายหนุ่มเพียงหยุดมือลง หลังผ่านไปชั่วขณะจึงเอ่ยปากขึ้น

“ตอนนั้น ข้างกายของเจ้าย่อมมีผู้สอนจับปลาแน่นอน”

คนผู้นั้น ไม่ใช่เขา…

พอเอ่ยถึงประโยคนี้ น้ำเสียงของชายหนุ่มดูห่อเหี่ยว

เหลิ่งอวี้เซวียนไร้เดียงสา แต่จิตใจก็ยังอ่อนไหวได้ง่าย จึงฟังอย่างคล้ายเข้าใจและไม่เข้าใจ

ก่อนกระพริบตากลมโตครู่หนึ่งอย่างสงสัย และเอ่ยขึ้นว่า

“ตอนนั้น ท่านลุงจะไปจากเซวียนเอ๋อร์แล้วหรือ”

“…”

เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ชายหนุ่มเอาแต่เงียบงัน

ดวงตาเย็นชาใต้ผ้าสีดำนั้นหลุบลง ไม่กล้ามองดวงตาแฝงความสงสัย ทว่ากลับคาดหวังคู่นั้นอีก

เพราะเขากลัวจะเห็นความผิดหวังจากดวงตาสดใสคู่นั้น

เช่นนี้เมื่อเขาจากไปแล้ว จะรู้สึกไม่สบายใจ

จากไป

พอนึกถึงคำนี้ ทำให้ในใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ปวดแปลบอย่างเจ็บปวด

คล้ายมีคนใช้มีดแหลมคมจ้วงแทงเข้าไปในใจของเขา

หากเป็นไปได้ เขาอยากอยู่ข้างกายพวกเขาไปตลอดชีวิต ดูแลพวกเขา รักทะนุถนอมพวกเขา ทำให้พวกเขามีครอบครัวอบอุ่นมีความสุข แต่เรื่องเหล่านี้เขากลับทำไม่ได้

พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดยิ้มขมขื่นในใจไม่ได้

เขาเคยเป็นพญายมที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว เมื่อได้ยินชื่อ มีอำนาจบารมี มีเรื่องใดที่เขาไม่สามารถทำได้หรือ!

แต่เขาในตอนนี้ เพียงอยากอยู่ข้างกายคนน่ารักคู่นี้ไปตลอดชีวิต แต่กระทั่งเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เขากลับไร้เรี่ยวแรงและความสามารถ

อาจเพราะนี่คือการเล่นตลกของสวรรค์ หรือพวกเราไร้วาสนาต่อกัน!

ขณะเหลิ่งจวิ้นอวี๋กำลังคิดในใจ เหลิ่งอวี้เซวียนที่อยู่ด้านข้างรอคำตอบของเขาอยู่ตลอด อดร้อนใจไม่ได้

เพราะเขาชื่นชอบท่านลุงผู้นี้ และเขาก็ดูออกว่ามารดาชื่นชอบท่านลุงเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงอยากให้ท่านลุงผู้นี้อยู่ต่อไป

เหลิ่งอวี้เซวียนจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์ มีสิ่งใดเอ่ยออกมาเช่นนั้น ดังนั้นจึงอดดึงชายเสื้อของเหลิ่งจวิ้นอวี๋อย่างออดอ้อนวิงวอนหลายส่วนไม่ได้

“ท่านลุง เซวียนเอ๋อร์และท่านพ่อต่างชื่นชอบท่านลุง ดังนั้นท่านอยู่กับพวกเราต่อได้หรือไม่ เซวียนเอ๋อร์ไม่อยากแยกจากท่านลุง และวันหน้าท่านลุงต้องสอนเซวียนเอ๋อร์จับปลา เซวียนเอ๋อร์อยากแบ่งปันปลาตัวแรกที่จับได้กับท่านลุง และวรยุทธ์ของท่านลุงร้ายกาจยิ่ง เซวียนเอ๋อร์อยากเรียนวรยุทธ์กับท่านลุง”

เหลิ่งอวี้เซวียนอ้อนวอนไม่หยุด เมื่อได้ยินเสียงอ้อแอ้ของเขาและใบหน้าเล็กที่เต็มไปด้วยด้วยความคาดหวัง เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกเพียงแน่นหน้าอก จนแทบหายใจไม่ออก

ดวงตาเย็นชาแคบยาวคู่นั้น อดร้อนผ่าวปรากฎหมอกบางเบาขึ้นมาไม่ได้

นี่บุตรชายกำลังอ้อนวอนเขา!

หากเป็นไปได้ เขาหวังทำให้ความหวังเล็กๆ นี้ของเขาเป็นจริง

เพราะเรื่องเหล่านี้คือสิ่งที่บิดาทุกคนบนโลกนี้ต้องทำให้บุตรชาย แต่เขากลับ…

พอคิดถึงตรงนี้ ในใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ทรมาน

แต่เรื่องที่เขาไม่สามารถทำได้ ย่อมไม่อาจรับปาก เพราะเขาไม่อยากให้บุตรชายมีความหวัง ทว่าวันหน้ากลับทำไม่ได้

ขณะกำลังคิด เล่อเหยาเหยาหักท่อนฟืนอยู่ทางนั้นเสร็จพอดี

สำหรับบทสนทนาระหว่างเหลิ่งจวิ้นอวี๋และเหลิ่งอวี้เซวียน เธอย่อมไม่ได้ยิน

เมื่อครู่เมื่อเห็นชายหนุ่มจับปลาอยู่ในทะเลสาบ เธอย่อมไม่ปล่อยตัวให้ว่างรอทานปลาอย่างเดียว เพราะน่าละอายใจอย่างมาก

ดังนั้นเธอจึงเก็บพวกกิ่งไม้แห้งที่อยู่ด้านข้างกลับมา ก่อนตั้งท่อนไม้ไว้รอก่อไฟย่างปลา

เวลานี้เธอทำงานในมือเสร็จ เห็นปลาทางชายหนุ่มเสร็จเรียบร้อยพอดี จึงปัดฝุ่นในมือเดินเข้าไป

“กำลังคุยสิ่งใดกันหรือ เซวียนเอ๋อร์สร้างปัญหาใดให้ท่านลุงหรือ”

“ท่านพ่อ เซวียนเอ๋อร์ไม่ได้สร้างปัญหาท่านลุงนะ เซวียนเอ๋อร์เพียงอยากให้ท่านลุงอยู่ต่อเท่านั้น”

เมื่อได้ยินคำพูดของมารดา เหลิ่งอวี้เซวียนพลันทำปากยื่นอย่างน้อยใจก่อนเอ่ยขึ้นมา

เล่อเหยาเหยาได้ยินมีสีหน้าตะลึงงัน ทันใดนั้นหันไปมองชายหนุ่ม ก่อนเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

“ท่านพี่ตูกู๋จะไปแล้วหรือ”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยปาก ภายในน้ำเสียงดูร้อนรนอย่างไม่ปิดบัง

เพราะหลายวันมานี้ แม้จะใกล้ชิดกับชายหนุ่มผู้นี้ได้ไม่นาน แต่เพียงนึกว่าเขาต้องจากไป ในใจของเธอที่กำลังคล้ายถูกเติมเต็ม มีบางส่วนขาดหายไปอีกครั้ง

พูดตามจริงคือเธอไม่อยากให้เขาจากไป

สำหรับความหวั่นวิตกของเล่อเหยาเหยา ชายหนุ่มเมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา และเห็นความร้อนรนบนใบหน้างามของเธอ ในใจรู้สึกทนไม่ได้

หากเป็นไปได้ เขาไม่อยากแยกจากสองแม่ลูกคู่นี้ น่าเสียดาย…

สวรรค์กลับเล่นตลก เขาเกลียดชังสวรรค์ยิ่งนัก!

เหตุใดเห็นชัดว่าคนสองคนรักกัน ทว่ากลับพรากพวกเขาจากกัน!

เหลิ่งจวิ้นอวี๋แม้จะโกรธแค้น แต่กลับจนปัญญาที่จะเปลี่ยนแปลงความจริงนี้ แม้รู้ว่าพวกเล่อเหยาเหยาไม่อยากฟัง แต่เขายังพยักหน้าพร้อมเอ่ยขึ้น

“อืม ข้ามีธุระ อีกสองวันต้องแยกจากพวกเจ้าแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ใจของเล่อเหยาเหยาคล้ายถูกค้อนทุบเข้าไปอย่างรุนแรง สีหน้าดูผิดหวังและซีดเซียว

ทว่าเธอยังพลันข่มกลั้นยิ้มออกมา

“เช่นนั้นหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าคงรั้งท่านไม่ได้แล้ว ทว่าไม่รู้ว่าวันหน้าพวกเราจะได้พบหน้ากันอีกหรือไม่!”

พอเอ่ยถึงตอนสุดท้าย ใจของเล่อเหยาเหยาอดเต้นระรัวไม่ได้

ไม่รู้เพราะเหตุใด เธอมักรู้สึกบางอย่าง ครั้งนี้หากชายตรงหน้านี้จากไปจริง คงจากลาไปตลอดกาล

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอึดอัดในใจ

เธอไม่หวังให้ชายผู้นี้จากไปยิ่งนัก

และเธอยังมีข้อสงสัยอันลึกลับที่สุดที่ยังไม่ได้คำตอบ นั่นคือชายผู้นี้คืออวี๋แน่หรือไม่!

หลายวันมานี้ แม้พวกเขาจะอยู่ร่วมกัน แต่เขากลับไม่ถอดหมวกคลุมหน้าสีดำบนศีรษะตนออกเลย

เธอไม่เห็นโฉมหน้าของเขา หากสามารถถอดหมวกคลุมบนศีรษะเขาลงได้ คำตอบที่เธอต้องการสามารถรับรู้ได้แน่นอน

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่กำลังคุกเข่าแล่ปลาอยู่บนพื้นได้ยินคำพูดของเธอ มองท่าทางฝืนยิ้มของเธออีกครั้ง ก่อนริมฝีปากบางเม้มแน่นเป็นเส้นตรงไม่ได้

ความจริงเขาจะดูไม่ออกว่าเธอมีความสงสัยในใจอยู่ตลอดได้เช่นไร

เธอคิดถึงและหวังพบหน้าเขา ชายผู้ที่เธอรักอย่างสุดหัวใจมาตลอด

ถูกต้อง เธอคาดเดาถูกต้อง เขาคือชายที่เธอต้องการพบผู้นั้น น่าเสียดายที่เขาให้เธอรู้ไม่ได้

เจ็บปวดครั้งเดียวเพียงพอแล้ว เขามีเวลาจำกัด และไม่สามารถอยู่ข้างกายเธอไปตลอดชีวิต

ดังนั้นเขาจำต้องจากไป และหยุดความคิดของเธอ

พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันชะงัก ก่อนเอ่ยเสียงเย็นเฉียบขึ้น

“ต่อไป เกรงว่าพวกเราคงไม่ได้พบหน้ากันแล้ว”

ไม่สามารถพบกันได้อีกตลอดไป

พอเอ่ยถึงตรงนี้ ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋เจ็บปวดอย่างหนัก ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว คล้ายมีมีดเล็กแหลมคมกำลังเฉือนเนื้อหัวใจของเขา

คำพูดนี้เมื่อเล่อเหยาเหยาได้ยิน กลับไม่ใช่เช่นนี้!

พอนึกถึงวันหน้าพวกเขาจะไม่ได้พบหน้ากันอีก หัวใจของเล่อเหยาเหยาดุจถูกมีดกรีด

ลำคอคล้ายมีบางสิ่งอุดไว้ ทำให้เธอพลันพูดไม่ออก

หลังผ่านไปนาน เล่อเหยาเหยาจึงฝืนฉีกยิ้มมุมปาก ก่อนเอ่ยขึ้น

“โอ เช่นนั้นหรือ ฮ่าๆ”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยด้วยเสียงขมขื่น

และเธอไม่รู้ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าตนเวลานี้ ช่างอัปลักษณ์ยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก

สายลมพัดโชยจนยอดไม้ไหวเอน และเสื้อผ้าของพวกเขาปลิวไสว

พระอาทิตย์สวยงามเหนือศีรษะ แต่ผู้คนที่อยู่ตรงนั้น กลับคล้ายรู้สึกว่าตนถูกปกคลุมอยู่ในโลกอันมืดมน

พวกเขาจ้องตามองกันเช่นนี้ แต่กลับคล้ายมีชั้นบางๆ ขวางกั้นเอาไว้

………………………………………………………………………………….