ตอนที่ 935-936

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 935 + 936 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 935 อย่าคิดสังหารเพื่อปิดปากข้าเลย

แน่นอน ด้วยข้อจำกัดทางเงื่อนไข ผลการตรวจเลือดของเธอจึงไม่สมบูรณ์แบบมากขนาดนั้น ไม่สามารถตรวจค่าพื้นฐานมากมายในชีวิตประจำวันได้ แต่สามารถตรวจสอบเว่าในเลือดของเขามีตัวยาพิเศษหรือไม่

ขณะที่เธอยุ่งง่วนอยู่ อิงเหยียนนั่วก็แวบเข้ามาอย่างไร้สุ้มเสียง มองขวดมองกระปุกต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์ที่เรียกชื่อไม่ถูกของเธอ มองการทำงานของเธอ ดูอยู่เงียบๆ ที่ด้านข้าง

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็หยุดมือแล้ว มองตัวอย่างเลือดในจานทดลองแล้วขมวดคิ้วนิดๆ อิงเหยียนนั่วจึงมองแวบหนึ่งเช่นกัน “พบอะไรหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วพรูลมหายใจออกมาเบาๆ “ในเลือดของเขามีตัวอย่างตกค้างอยู่เล็กน้อยจริงๆ”

“ตัวยาอันใดที่ตกค้างอยู่?” อิงเหยียนนั่วถาม เขามองอะไรไม่ออกเลย

กู้ซีจิ่วนวดคลึงหว่างคิ้ว “เป็นสารเคมีชนิดหนึ่ง…ช่างเถอะ พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ จะทำให้ประสาทเขาตื่นตัว เส้นประสาทบางเส้นในสมองสับสนวุ่นวาย เมื่อได้รับสารตัวนี้อย่างต่อเนื่องจะทำให้เส้นประสาทเขาถูกทำลาย…”

เห็นได้ชัดว่าอิงเหยียนนั่วไม่เข้าใจคำนามบางอย่างที่ผุดออกมาจากเธอ เพียงแต่เขาจับใจความได้ “มียาถอนหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้านิดๆ “ยาถอนประเภทนี้ไม่อาจผลิตได้ในทันที”

เธอตรวจสอบพบว่าพิษในตัวจักรพรรดิซวนเป็นสารเคมีขั้นสูงชนิดหนึ่งของยุคปัจจุบัน สูงเกินไปด้วย! ต่อให้อยู่ในยุคปัจจุบันยาถอนตัวนี้ก็ไม่อาจผลิตได้ในระยะเวลาชั่วข้ามคืน! นับประสาอะไรกับยุคนนี้เล่า?

“เจ้าไม่อาจผลิตได้ในยามนี้หรือ? ผลิตไม่ได้ในสองสามวันใช่ไหม?”

กู้ซีจิ่วไม่เงยหน้าขึ้นมาเลย “สองสามวันรึ? สองสามเดือนก็ยังไม่แน่ว่าจะผลิตออกมาได้! นี่เป็นสารเคมีพิเศษขั้นสูง…”

“ไม่ใช่ของในยุคนี้ใช่ไหม?” จู่ๆ อิงเหยียนนั่วก็ถามออกมาประโยคหนึ่ง

“แน่นอนสิ…” กู้ซีจิ่วตอบออกไปโดยไม่ยั้งคิด ทันใดนั้นคล้ายว่าเธอจะสังเกตอะไรได้ เงยหน้ามองเขา “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าไม่ใช่ของในยุคนี้?” ที่มาของเธอมีเพียงท่านเทพศักดิ์สิทธิ์และตี้ฝูอีที่ทราบ แม้แต่จิ้งจอกกับเชียนหลิงอวี่ก็ยังไม่ทราบเลย ทำไมจู่ๆ อิงเหยียนนั่วผู้นี้ถึงเอ่นเชนนี้ออกมาได้?

อิงเหยียนนั่วชะงักไปครู่หนึ่ง กะพริบตาปริบๆ “ตอนเจ้าเมาเคยบอกว่าเจ้าไม่ใช่คนยุคนี้…”

ในสมองกู้ซีจิ่วเกิดเสียงดังหึ่งๆ ทันที เธอรู้ว่าตอนตัวเองเมาไว้ใจไม่ได้ยิ่งนัก! นึกไม่ถึงว่าแม้แต่เรื่องที่เป็นความลับเช่นนี้ก็ยังพูดออกมา!

สีหน้าเธอเดี๋ยวมืดเดี๋ยวครึ้มสลับไปมา อิงเหยียนนั่วรีบกล่าวขึ้นว่า “วางใจเถอะ ข้าจะเก็บความลับของเจ้าไว้ อย่าคิดสังหารเพื่อปิดปากข้าเลย”

กู้ซีจิ่วเงียบไป

เธอหัวเราะเหอะๆ คราหนึ่ง ฝ่ามือตบไหล่อิงเหยียนนั่วทีหนึ่ง แย้มยิ้มแล้เอ่ยอย่างน่าพรั่นพรึง “จำคำเจ้าไว้!”

การทำภารกิจครั้งนี้แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม และคนที่ออกมาก็มีมากมายยิ่งนัก มากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พื้นที่ที่ทุกคนไปแตกต่างกัน รับผิดชอบภารกิจที่ต่างกัน การจับกลุ่มก็แตกต่างกันไป และไม่ได้ยึดตามการจับกลุ่มต่อสู้ก่อนหน้านี้ไปเสียทั้งหมด

กลุ่มของกู้ซีจิ่วต้องการเพียงสองคน เดิมทีจิ้งจอกน้อยต้องการมากับเธอ แต่อิงเหยียนนั่วกลับยืนกรานว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะอยู่กลุ่มเดียวกับเธอ โยนหลานไว่หูไปอยู่กลุ่มเดียวกับเยี่ยนเฉินทันที

ด้านเยี่ยนเฉินก็เป็นห่วงจิ้งจอกน้อย จึงหลอกล่อแกมห่านล้อมให้จิ้งจอกน้อยรั้งอยู่ ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงพาอิงเหยียนนั่วมาด้วย…

ถึงแม้สำนักศึกษาชุมนมสวรรค์จะไม่เข้าร่วมข้อพิพาทระหว่างอาณาจักร แต่กลับไม่ยินยอมให้ปรากฏเหตุร้ายขึ้นในทวีปนี้

เมื่อมีเหตุร้ายปรากฏขึ้น สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ย่อมต้องส่งคนไปตรวจสอบปราบปราม คนของสำนักอื่นก็ส่งคนลงเขาเช่นเดียวกัน…

หนนี้จู่ๆ จักรพรรดิซวนก็เป็นบ้าปลุกปั่นให้เกิดสงครามครั้งนี้ขึ้น อันที่จริงไม่ว่าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์หรือว่าที่อื่นๆ ต่างเคยส่งคนมาลอบตรวจสอบ แต่ล้วนตรวจสอบไม่พบอะไรทั้งสิ้น

————————————————————————————-

บทที่ 936 อันที่จริงไม่จำเป็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้น

ตามกฎเกณฑ์ของทวีปนี้ โดยทั่วไปแล้วสงครามระหว่างอาณาจักรแต่ล่ะสำนักไม่มีสิทธิ์ยื่นมือแทรกแซง ดังนั้นสงครามครั้งนี้จึงทวีขึ้นเรื่อยๆ ดำเนินมาจนถึงตอนนี้ จวบจนยามนี้ไม่ทราบว่ามีประชาชนมากน้อยเพียงใดแล้วที่ต้องพลักถิ่นฐานบ้านเกิด ไม่ทราบว่ามีผู้คนมากน้อยเพียงใดที่ตกตายในสนามรบ…

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าประชาชนของทั้งสามอาณาจักรล้วนต้องถูกลากเข้ามาในร่วมสงคราม สถานภาพของทวีปนี้ก็จะพลิกผันไปอีกครั้ง…

กล่าวกันว่าเจ้าสำนักของสามสำนักหลัก สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ รวมถึงสำนักฝึกยุทธ์ใหญ่น้อยทั้งหลายล้วนล้วนเสนอให้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มาคลี่คลายปัญหา วิงวอนให้เขาซึ่งเป็นผู้อาวุโสลงสนาม ยุติสงครามนี้

แต่กู่ฉานโม่สิ้นเปลืองความคิดจิตใจไปไม่น้อยกว่าจะติดต่อทูตส่างซั่นได้ บอกกล่าวความเห็นของทุกคน ครึ่งเดือนผ่านไปได้รับการตอบกลับจากทูตส่างซั่นประโยคเดียวว่า ‘ปล่อยไปตามกรรม’

กู่ฉานโม่โมโหจนจมูกแทบคดแล้ว!

ทุกคนล้วนทราบกันดี สถานการณ์ใต้หล้านี้ รวมกันนานเข้าก็ต้องแยก แยกกันนานแล้วจึงหลอมรวม แต่ไหนแต่ไรมาวงศ์ตระกูลทั้งหลายไม่อาจยืนยง แต่ถึงอย่างไรก็สงบสุขกันมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ทุกคนเคยชินกับกฎหมายของยุคที่ร่มเย็นเป็นสุขแล้ว ยามนี้จู่ๆ ก็เข้าสู่ยุคสงคราม ต้องมองเห็นประชาชนพลักถิ่นฐานเพราะเพลิงสงคราม ยากยิ่งนักที่ทุกคนจะรับได้ ล้วนอยากใช้ความสามารถตนมาคลี่คลายสถานการณ์

แต่กฏเกณฑ์ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เข้มงวดนัก ไม่อนุญาตให้สำนักยุทธ์ทั้งหลายเข้าร่วมสงคราม หากเข้าร่วมจะต้องรับโทษหนัก

ด้วยเหตุนี้ถึงแม้พวกเขาจะร้อนใจแต่ก็ไม่กล้าทำอะไร ทำได้เพียงส่งสายลับไปสืบข่าวคราวทุกหนทุกแห่งอยู่เป็นนิตย์

ด้านสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์หายวันก่อนสืบพบข่าวที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง ระยะนี้ในสนามรบมีศพสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย และมีคนคลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล…

นี้ก็คือเรื่องร้าย!

ด้วยเหตุนนี้สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์จึงรีบส่งคนจำนวนมากออกไปตรวจสอบเรื่องนี้ทันที แยกกันไปหลายทาง ยอดฝีมือแทบทั้งสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ล้วนต้องออกโรง!

กู่ฉานโม่พูดจายอดเยี่ยมนัก บอกว่าสำหรับพวกเธอแล้ว นี่ถือเป็นการทดสอบในสถานการณ์จริง! อย่าทำให้อาจารย์ใหญ่อย่างเขาผิดหวัง หวังหว่าทุกคนจะสามารถตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดให้ถึงที่สุดได้!

ภารกิจที่กู้ซีจิ่วได้รับมอบหมายคือตรวจสอบว่าจักรพรรดิซวนถูกวิญญาณร้ายอันใดสิงร่างหรือไม่…

ดังนั้นเธอจึงพาอิงเหยียนนั่วมา

เรื่องราวที่กู้ซีจิ่วเคยประสบพบเจอรุนแรงยิ่งกว่าการแก่งยิงชิงดีในวังหลวง ดังนั้นเธอขบคิดเพียงเล็กน้อยก็สัมผัสได้ว่ากุ้ยเฟยที่ถูกจักรพรรดิซวนประหารนางนั้นถูกปรักปรำ เป็นแผนที่จักรพรรดิซวนจงใจคิดขึ้นปลุกปั่นให้เกิดสงคราม จิ้งกุ้ยเฟยผู้นั้นและองครักษ์หวาล้วนเป็นแพะรับบาป

ด้านผลประโยชน์ทางการเมืองแล้ว ชื่อเสียงด่างพร้อยของสตรีนางหนึ่งไม่ควรค่าให้กล่าวถึง ในสายตาจักรพรรดิซวนที่ถูกความทะเยอทะยานด้านการเมืองเข้าครอบงำ ล้วนสละได้ทุกสิ่ง

กู้ซีจิ่วค่อยๆ ตรวจสอบแล้วนำมาวิเคราะห์ก็สามารถคาดเดาได้แปดเก้าส่วนแล้ว เธอรู้จักจิ้งกุ้ยเฟยผู้นั้น ดังนั้นเธอจึงแปลงโฉมเป็นจิ้งกุ้ยเฟยไปหลอกจักรพรรดิซวนให้ตกใจกลัวได้

ถือโอกาสตรวจสอบว่าที่แท้เกิดอะไรขึ้นกับเขา ถูกวิญญาณร้ายอันใดสิงร่างหรือไม่…

จากบทสนทนากู้ซีจิ่วทราบว่าจักรพรรดิซวนคนนี้ยังเป็นจักรพรรดิซวนคนนั้น อย่างน้อยดวงวิญญาณก็ยังเป็นดวงเดิม จากนั้นเธอจึงสงสัยว่าเขาอาจเสพยา

ความจริงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าในร่างของจักรพรรดิซวนมีสารเคมีของยุคปัจจุบันอยู่จริงๆ

เนื่องจากเหตุผลทางเทคนิค เธอเลยตรวจสอบยังไม่ได้ว่าเป็นสารชนิดไหน จึงไม่สามารถผลิตยาถอนได้

กู้ซีจิ่วกำหมัด “ถ้าหลงซือเย่อยู่ที่นี่ก็คงดี”

หลงซีเป็นหมอ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยาด้วย ด้วยความสามารถของเขา น่าจะผลิตยาถอนได้รวดเร็วยิ่ง

อิงเหยียนนั่วเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง เม้มริมฝีปาก ประกายแสงวาบผานดวงตาเขาแวบหนึ่ง เอ่ยเนิบๆ ว่า “อันที่จริงไม่จำเป็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้น”

กู้ซีจิ่วสะกิดใจทันที “ความหมายของเจ้าคืออะไร? สังหารจักรพรรดิซวนทิ้งหรือ?”

————————————————————————————-