บทที่ 261 ศึกตัดสินของลูกเขยกับพ่อตา

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 261 ศึกตัดสินของลูกเขยกับพ่อตา!

เมื่อเสียงดวงจิตหอคอยดังขึ้น ร่างเงาหนึ่งก็ค่อยๆ ก่อตัวบนเวทีประลองเทพสงคราม

รอบๆ ร่างเงานี้ปกคลุมด้วยสายฟ้าสีทองสว่างพร่างพราว ดูองอาจห้าวหาญยิ่ง สูงส่งและมองตรงๆ ไม่ได้

ข้างหลังเขามีภาพปรากฏการณ์หลากหลาย สัตว์เทพมังกรเขียว พยัคฆ์ขาว วิหคชาด เต่าดำ และกิเลนส่งเสียงคำราม และยังมีนกยูงห้าสีบินข้ามฟ้า

นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้หลี่ชางหลันจิตต่อสู้เดือดพล่านคือภาพปรากฏการณ์วิถีกระบี่ไร้ที่สิ้นสุด

เหนือร่างนี้มีกระบี่เทพเป็นพันเป็นหมื่นเล่มบินวนโอบล้อม เหมือนดั่งผู้แสวงบุญ

ปรากฏการณ์สูงสุดในวิถีกระบี่…หมื่นกระบี่ทะลวงนภา!

ช่วงที่เห็นปรากฏการณ์นี้ จิตกระบี่ เจตจำนงกระบี่ และกระดูกกระบี่ของหลี่ชางหลันสั่นไหว

สำหรับเจ้ากระบี่สูงสุดที่ทุ่มเทกายและใจไปในวิถีกระบี่อย่างเขาแล้ว สิ่งที่เฝ้ารอคอยที่สุดคือการต่อสู้กับผู้แข็งแกร่ง

หากผู้แข็งแกร่งคนนี้ฝึกวิถีกระบี่เช่นกัน นั่นก็ดีจนไม่รู้จะดีอย่างไรแล้ว!

“ไม่นึกเลยว่าจะจับคู่ได้โอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคที่มีปรากฏการณ์กระบี่ฟ้า เยี่ยมยอดๆ!”

มีผลึกบันทึกภาพลอยออกมาจากในอกเสื้อของหลี่ชางหลัน ‘ข้าจะบันทึกศึกตัดสินสุดยอดนี่ไว้ เดี๋ยวจะเอาไปให้ฉางเกอ เหลียนเอ๋อร์ แล้วก็เจ้าหนูนั่นชื่นชม และก็จะให้พวกเขารู้ด้วยว่าอะไรคือผู้เป็นหนึ่งในวิถีกระบี่อย่างแท้จริง!’

ในสายตาเฝ้ารอคอยของหลี่ชางหลัน แสงสว่างรอบๆ ร่างเงานั้นค่อยๆ หุบเข้าไป

ร่างกลางแสงจึงปรากฏมาตรงหน้าหลี่ชางหลันทั้งหมด

หลี่ชางหลันถึงกับชะงักไป

เพราะเขาพบว่าคนผู้นี้ก็คือเสิ่นเทียน!

“บังเอิญเช่นนี้เชียว”

กระบี่ยาวข้างหลังหลี่ชางหลันสั่นไหวเบาๆ จิตกระหายต่อสู้ไม่ธรรมดาแล้ว “ดีมาก ข้าจะได้สั่งสอนเจ้าด้วยระดับพลังเดียวกันพอดี”

ในมุมมองของหลี่ชางหลัน ขอแค่ตนเอาชนะเสิ่นเทียนในด้านวิถีกระบี่ด้วยระดับพลังเดียวกันในหอคอยเทพสงคราม ก็จะได้ให้เขายอมตามตนไปเรียนกระบี่ด้วย

ส่วนจะชนะหรือไม่นั้น

หลี่ชางหลันมองว่าไม่ใช่ปัญหาเลย

สำหรับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ส่วนใหญ่ การต่อสู้กับโอรสสวรรค์รุ่นเยาว์ด้วยระดับพลังเดียวกันจะมีข้อได้เปรียบมหาศาล

ถึงอย่างไรแม้ในหอคอยเทพสงคราม ผู้ท้าประลองกับร่างเงาจะถูกกดระดับพลังมาเท่ากัน แต่ระดับพลังไม่ได้เป็นตัวแทนของทุกอย่าง

หลี่ชางหลันเป็นเจ้ากระบี่อันดับหนึ่งในดินแดนบูรพา หนึ่งพันปีมานี้สั่งสมประสบการณ์การต่อสู้มาอย่างโชกโชน แค่ร่างเล็กจ้อยจะเทียบกับเขาได้หรือ

ความมั่นใจในการต่อสู้และไหวพริบในสถานการณ์จวนตัวของสองฝ่ายต่างกันคนละขั้นในบางระดับ

ต่อให้เป็นเสิ่นเทียนตัวจริงมาอยู่ต่อหน้าหลี่ชางหลัน ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะชนะได้แน่นอน ถึงอย่างไรเขาก็ต่อสู้มามากกว่าที่เสิ่นเทียนกินข้าวอีก!

…….

“เนื่องจากระดับพลังท่านสูงเกินไป เพื่อความยุติธรรม จะลดระดับพลังของท่านให้เท่ากับอีกฝ่าย จะยินยอมหรือไม่”

เสียงของดวงจิตหอคอยดังขึ้นอีกครั้ง หลี่ชางหลันครุ่นคิดก่อนกล่าว “ยืนยัน”

เพิ่งกล่าวจบ หลี่ชางหลันก็รู้สึกตัวหนักขึ้นเล็กน้อย ระดับพลังของสุดยอดเจ้ากระบี่แห่งยุคพลันลดลงอย่างรวดเร็ว

ไม่นานก็ลดมาถึงระดับดวงจิตดรุณ แก่นพลังทอง และยังไม่หยุดเท่านี้ ลดไปจนถึงประมาณจุดสูงสุดของระดับสร้างฐาน

ขณะเดียวกันระดับความแกร่งของกายเนื้อเขายังอ่อนแอลงมาประมาณกายทองรอบสอง กลิ่นอายพลังหายไปมาก

‘ระดับพลังศาสตร์หลอมปราณของเจ้าหนูนี่ยังอยู่แค่สร้างฐาน แต่พลังศาสตร์หลอมกายเทพมารกลับไปถึงระดับกายทองก่อน’

หลี่ชางหลันแอบอึ้ง นี่เป็นอัจฉริยะในศาสตร์หลอมกายเทพมารคนหนึ่งเลย!

ช่างเถอะ ให้ข้าได้ประเมินพลังของเจ้าหน่อย!

เมื่อเคลื่อนความคิด กระบี่ใหญ่ข้างหลังหลี่ชางหลันพลันพุ่งขึ้นฟ้า

ชิ้ง~

ได้ยินเพียงเสียงกระบี่ดังกึกก้อง ปรากฏแสงกระบี่ขึ้นกลางอากาศที่ไม่มีสิ้นสุด

“ธารนิรันดร์คืนสู่มหาสมุทร พลิกฝนหมื่นลำธาร!”

แสงกระบี่ข้างหลังหลี่ชางหลันพุ่งขึ้นฟ้าไปทันที ต่อมาก็พุ่งเข้าใส่เสิ่นเทียนราวกับพายุฝนไม่มีที่สิ้นสุด

ถึงจะเชื่อมั่นในตัวเองและโอหัง แต่หลี่ชางหลันไม่ใช่คนบุ่มบ่ามเลย รู้ถึงหลักการ ‘สิงโตสู้กับกระต่ายต้องทุ่มสุดตัว’ ดี

ในเมื่อเสิ่นเทียนได้รับการประเมินเป็นโอรสสวรรค์เจ็ดดาวในหอคอยเทพสงคราม เช่นนั้นก็ยืนยันได้ว่ากำลังรบในระดับเดียวกันของเขาแข็งแกร่งที่สุด

ต่อให้ตนได้เปรียบในด้านอายุมากกว่า ความรู้กว้างขวาง ประสบการณ์สูง แต่ก็ไม่มีทางประมาทเจ้าหนูนี่เด็ดขาด

ดังนั้นเขาจึงออกมือด้วยสุดยอดวิชาที่ชำนาญของตนทันที…คัมภีร์กระบี่ธารนิรันดร์

นี่เป็นหนึ่งในหลายคัมภีร์กระบี่ประจำสำนักที่แกร่งที่สุดของแดนเทวาดาวประกายพรึก ด้อยกว่าคัมภีร์จักรพรรดิเล็กน้อย

แม้แต่มองไปทั้งห้าดินแดนก็ยังเป็นสุดยอดวิชาสูงสุดในวิถีกระบี่ที่สูงสุดยอด

ถึงหลี่ชางหลันจะถูกจำกัดระดับพลังไว้ระดับกายทอง แต่ก็ยังมีความเข้าใจในคัมภีร์กระบี่นี้

ตอนนี้สำแดงออกมา พลันทำให้ทั้งเวทีประลองเทพสงครามถูกปราณกระบี่มหาศาลปกคลุม ทำให้เสิ่นเทียนหลบไม่ได้เลย

…….

“สำนักลับฟ้าดิน รากฐานเดิมหมื่นกระแสพลัง เต่าดำอยู่เหนือ พิทักษ์กายแท้จริงของข้า!”

ก่อนจะเห็นร่างเงาเสิ่นเทียนประสานมุทรา แสงสว่างของสัญลักษณ์สายฟ้าตรงระหว่างคิ้วสว่างขึ้นมาก เกิดเป็นสายฟ้าสีดำมากมาย

สายฟ้าพวกนี้รวมขึ้นบนศีรษะเสิ่นเทียน ไม่นานก็รวมออกมาเป็นพลังงานขนาดใหญ่จั้งกว่าและปกคลุมเสิ่นเทียนไว้ตรงกลาง

ปราณกระบี่ไร้ที่สิ้นสุดกระแทกใส่ปราการพลัง แม้โล่พลังเต่าดำจะสั่นไหวไม่หยุด แต่ก็ยังทำลายโล่พลังลงไม่ได้จริงๆ

“หมอกวิญญาณพรางฟ้า ไป!”

เสิ่นเทียนแอบร่ายคาถา หมอกวิญญาณพลันลอยขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้า

หมอกนี้หนามาก ทั้งยังแผ่กระจายเร็วมาก ไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ ก็ปกคลุมทั้งตัวเสิ่นเทียนไว้ กระทั่งหลี่ชางหลันยังพบว่าหมอกวิญญาณพวกนี้แผ่กระจายไปรอบๆ เหมือนจะปกคลุมตัวเขาด้วย

‘นี่มันกลอุบายของปีศาจนั่นบนที่ราบหมอกลับแล เหตุใดเจ้าหนูนี่ถึงใช้ได้’

หลี่ชางหลันขมวดคิ้วเล็กน้อย ‘มีกายเทพกระบี่ฟ้า ไม่เรียนวิถีกระบี่สูงสุด แต่มาเรียนอะไรไม่รู้เละเทะไปหมด วางความสำคัญหน้าหลังผิดไปหมด! คอยดูข้าจะใช้ปราณกระบี่สูงสุดทำลายกลอุบายต่ำช้าของเจ้า!’

เมื่อคิดได้ดังนั้น พลังรอบตัวหลี่ชางหลันเพิ่มขึ้น พลังจิตจับจ้องคลื่นพลังเบาบางกลางหมอกวิญญาณนั้น

ตอนนี้ทั้งตัวเขาเหมือนหลอมรวมกับกระบี่ใหญ่ในมือเป็นหนึ่งเดียว กระบี่ก็คือคน คนก็คือกระบี่

ปราณกระบี่ธารนิรันดร์ไร้ที่สิ้นสุดเข้ามารวมกันที่กระบี่ใหญ่ในมือเขาทั้งหมด ไม่นานก็เพิ่มประกายคมกระบี่ให้มากขึ้น รวมเป็นปราณกระบี่ที่เปล่งแสงสว่างจ้า

ชิ้ง~

มวลอากาศราวกับบิดเบี้ยวและพังทลายลงรางๆ

เห็นได้ชัดมากว่าหลี่ชางหลันใช้ระดับกายทองสำแดงวิชากระบี่ ประกายคมถึงกับสั่นสะเทือนอากาศได้

หากมองไปทั้งดินแดนบูรพาตลอดหมื่นปีมานี้ มีนักกระบี่ไม่กี่คนที่ทำได้ถึงขนาดนี้ ฉายาเจ้ากระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดสมคำร่ำลือแล้ว

พลังจิตจับจ้องคลื่นพลังกลางหมอกวิญญาณ ก่อนที่หลี่ชางหลันจะรวมกับกระบี่เป็นหนึ่งพุ่งเข้าใส่เป้าหมาย

คมกระบี่ชี้ไปที่ใด ปราการทั้งหมดจะถูกฟันขาด แม้แต่หมอกวิญญาณยังถูกทำลาย

ความจริงพิสูจน์แล้วว่าเป้าหมายที่เขาจับจ้องไม่มีผิดพลาด ไม่นานปราณกระบี่เข้าปะทะกับโล่เต่าดำที่รวมขึ้นจากอัสนีเทพธาตุน้ำลำดับแปด

โครม!

ปราณกระบี่ระเบิดโล่เต่าดำแตกออก

เจตจำนงกระบี่ร่างสูงใหญ่ของหลี่ชางหลันพุ่งเข้ามา ผ่ามิติทั้งหมดในโล่เต่าดำได้ในพริบตา

รับรองได้ว่าไม่ว่าเสิ่นเทียนจะซ่อนอยู่ที่ใดก็จะถูกปราณกระบี่บีบออกมา ทว่าสิ่งที่ทำให้หลี่ชางหลันตกใจคือปราณกระบี่ทั้งหมดฟันโดนอากาศ

ร่างของเสิ่นเทียนไม่ได้อยู่ในโล่เต่าดำ!

……………

ทันทีที่โล่เต่าดำถูกปราณกระบี่ทำลาย สัญญาณเตือนในใจหลี่ชางหลันก็ดังขึ้น

เถายาวสีเขียวพุ่งขึ้นมาจากดิน พันเข้าที่ขาขวาของหลี่ชางหลัน

จากนั้นเถาวัลย์ยาวเลื้อยไปตามขาขวาของหลี่ชางหลัน…เคลื่อนขึ้นไปข้างบน

ปลายแหลมสีเขียวมรกตแทงเข้าที่ต้นขาของเขา!

…………………..……………………