บทที่ 262 อัปยศ นี่คือความอัปยศ

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 262 อัปยศ นี่คือความอัปยศ!

ความรู้สึกเจ็บปวดและชาเล็กน้อยแล่นมาจากขาขวาของหลี่ชางหลัน

แต่เพียงเสี้ยวพริบตาความเจ็บปวดทั้งหมดก็หายไป

เขาเป็นเจ้ากระบี่ที่มีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชน ย่อมรู้ว่ามีอะไรผิดปกติ

เถาวัลย์นี้มีพิษแน่นอน อีกทั้งยังเป็นพิษแบบชารุนแรง ให้ประสิทธิภาพรุนแรงมาก หากไม่รีบสลัดให้หลุดจากเถาวัลย์นี้โดยเร็วที่สุด อีกไม่นานเขาจะถูกเถาวัลย์ที่ทำให้เหน็บชาพวกนี้พันธนาการไว้ทั้งหมด

ถึงตอนนั้นคงไม่มีที่ให้ขัดขืนอีก

“ต่ำทราม!”

หลี่ชางหลันหน้ามืดลงเล็กน้อย ก่อนจะกวัดแกว่งกระบี่ฟันใส่เถาวัลย์สีมรกตนั้น

แก๊ง~!

เถาวัลย์สีเขียวนั้นดูเหมือนเล็กและเปราะบาง แต่ระดับความเหนียวเหนือกว่าที่หลี่ชางหลันคิดไว้

กระบี่ยาวในมือเขาหลอมขึ้นจากทองคำวิญญาณระดับสูงสุด หลี่ชางหลันบ่มเพาะมาหลายปี เรียกได้ว่าเป็นสมบัติเทพที่สุดแห่งโลก

ทว่าฟันใส่เถาวัลย์นี่ไม่ขาดในทีเดียว ได้แต่ฟันเป็นร่องลึก ของเหลวสีขาวขุ่นสาดกระจาย

“กระบี่เดียวฟันไม่ขาด เช่นนั้นก็อีกกระบี่!”

ความรู้สึกชารุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หลี่ชางหลันฝืนตัวเองเร่งรัดใช้เจตจำนงกระบี่ต่อต้านพิษในกายไว้

ขณะเดียวกันกระบี่ยาวในมือฟันใส่รอยกระบี่นั้นก่อนจะตัดเถากลืนกินเซียนขาด ทว่าเขายังไม่ทันดีใจ เพราะมีเถากลืนกินเซียนอีกสามเส้นมุดขึ้นมาจากใต้ดิน

เถากลืนกินเซียนสามเส้นนี้แยกกันพันเข้าที่เอว ขา และสองมือของเขาด้วยความเร็วเหนือกว่าเสียง มัดเขาไว้อย่างแน่นหนาในทันที

ในเวลาเดียวกัน เถากลืนกินเซียนสามเส้นนั้นยังเริ่มมุดเข้าไปในปากของหลี่ชางหลัน

“ระยำ ระยำ! นี่มันเถาวัลย์บ้าอะไรกัน!”

หลี่ชางหลันหน้าซีดขาวยิ่ง เขาเป็นเจ้ากระบี่แห่งดินแดนบูรพาผู้ยิ่งใหญ่จึงเป็นคนที่มีเกียรติ หากถูกเถาวัลย์บ้านี่กระแทกเข้าไปในปาก จากนี้ยังจะเป็นคนอีกหรือไม่?

“คนกระบี่ผสาน จงแหลกไป!”

ตอนนี้เปลวไฟร้อนแรงลุกบนตัวหลี่ชางหลัน

นั่นคือเขากำลังเผาเลือดลมของตนเพื่อระเบิดพลังที่แข็งแกร่งกว่าปกติ

สำหรับหลี่ชางหลันที่ฝึกควบศาสตร์หลอมกายเทพมารแล้ว นี่ถือว่าเป็นไพ่ตายของเขา ใช้น้อยครั้งมาก

ถึงอย่างไรทั้งดินแดนบูรพาก็มีไม่กี่คนที่มีสิทธิ์ให้เขาสู้สุดชีวิต หลี่ชางหลันในสภาวะเช่นนี้แข็งแกร่งจนน่ากลัว!

“กระบี่ผ่านไปที่ใด ภูตผีปีศาจจะแหลกสิ้น! ภาพมายาผีปีศาจ ปราบให้หมดสิ้น!”

ทันใดนั้น แสงกระบี่สีเงินสว่างจ้าก็ระเบิดมาจากตัวหลี่ชางหลัน

ไม่นานเถากลืนกินเซียนสามเส้นนั้นก็เกิดรอยกระบี่ชัดเจน เกิดเค้าลางว่าจะฉีกขาด

มองจากแค่กระบี่นี้ ฉายาเจ้ากระบี่ของหลี่ชางหลันไม่เกินจริงไปเลย จิตกระบี่แกร่งจนน่ากลัว

ตอนนี้หลี่ชางหลันกู่ร้องในระดับสูงกับกระบี่เทพในมือ ภายใต้การปะทุ เถากลืนกินเซียนยังยากจะคุมตัวเขาไว้ได้

พรวด~!

ทว่าตอนนี้เองหลี่ชางหลันหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง

ประกายคมกระบี่ทั่วร่างเขาสลายไป ใบหน้าพลันซีดขาวอย่างยิ่ง

“สารเลว เดรัจฉาน เดนมนุษย์! จะ…เจ้ากล้ากระทุ้งเข้าไปในตัวข้า!”

โกรธ!

เปลวไฟแห่งโทสะแผดเผาหลี่ชางหลัน เปลวไฟร้อนแรงบนผิวกายเขาลุกแผดเผายิ่งกว่าเดิม

ปราณกระบี่ฟันใส่เถากลืนกินเซียนสุดชีวิต แต่ไม่รู้เมื่อไร บนผิวเถากลืนกินเซียนพวกนั้นยังมีของเหลวสีขาวเงินเคลือบอยู่ด้วย

เมื่อมีของเหลวสีขาวเงินเคลือบไว้หนึ่งชั้น การโจมตีวิถีกระบี่ส่วนใหญ่เหมือนจะถูกเด้งออกไป พลังป้องกันของเถากลืนกินเซียนแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนเป็นเท่าตัว!

หลี่ชางหลันยิ่งออกแรงฟันมากเท่าไร เถากลืนกินเซียนพวกนั้นก็ยิ่งตื่นเต้น กระทั่งฟาดแส้ใส่หลี่ชางหลันไม่หยุด เหมือนกำลังดีใจอย่างไรอย่างนั้น

อัปยศ นี่คือความอัปยศ!

เจ้าของยังไม่ออกมือ แค่เถากลืนกินเซียนไม่กี่เส้นก็จัดการเจ้าได้แล้ว

หลี่ชางหลันเคยท่องดินแดนบูรพามาพันปี ยังไม่เคยขายหน้าเช่นนี้มาก่อน จิตกระบี่แทบจะพังทลายลง!

แต่ความโกรธ อับอาย การปะทุ การดิ้นรน การสู้สุดชีวิตล้วนเป็นเรื่องเสียแรงเปล่า ตอนนี้เขาเป็นเพียงนักกระบี่ระดับกายทองตัวเล็กๆ เท่านั้น

หากไม่ได้ดูถูกศัตรูจนโดนเถากลืนกินเซียนพวกนี้พันธนาการไว้ ก็อาจจะสู้กับเจ้านี่ได้

แต่โลกนี้ไม่มีคำว่า ‘หาก’ ตอนนี้หลี่ชางหลันเข้าใจดีว่าเขาไม่มีโอกาสพลิกกระดานแล้ว

เถากลืนกินเซียนมัดเขาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นกระบี่ในมือยังโดนเถาวัลย์ชิงไป

เมื่อเถากลืนกินเซียนแทงเข้าไปในกายหลี่ชางหลัน เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังปราณเดิมและพลังชีวิตของตนกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว

เพียงไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ หลี่ชางหลันกลายเป็นศพแห้ง ทุกอย่างตรงหน้ากลายเป็นผุยผง

…..

ฟู่ว~

หลี่ชางหลันลืมตาขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธและอับอาย

ขณะเดียวกันยังมีความตกใจระคนสงสัยที่ไม่อาจปกปิดได้

“ข้ายังไม่ตายรึ”

เสียงดวงจิตหอคอยดังขึ้นว่า “ไม่ต้องแปลกใจ เพื่อให้เหล่าโอรสสวรรค์ได้เล่นกันอย่างเต็มที่ ข้าจึงรับคำแนะนำของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ให้ผู้ท้าประลองควบคุมร่างเงาของตนเองประลองกับโอรสสวรรค์ที่เฝ้าเวทีประลองแทน

แม้เจ้าจะพิการ ตายในการประลองก็ไม่ต้องกังวล คนที่ตายไปเป็นเพียงร่างเงาเท่านั้น ร่างจริงของเจ้าไม่ได้บาดเจ็บใดๆ เลย”

หลี่ชางหลันครุ่นคิด ที่แท้ก็เช่นนี้เอง

ดีที่เมื่อครู่ไม่ใช่ร่างของตน ไม่อย่างนั้น…

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ไอ้เด็กชั่วนั่นก็ยังกล้าเหยียดหยามข้าเช่นนี้!

อันนี้ทนได้ แต่คนทนไม่ได้!

หลี่ชางหลันกัดฟันด้วยความโกรธ “ดวงจิตหอคอย มีทางให้ข้าท้าประลองกับเสิ่นเทียนใหม่อีกครั้งหรือไม่”

เสียงดวงจิตหอคอยดังขึ้น “โอรสสวรรค์วัยกลางคนเอ๋ย ตามกฎของหอคอยเทพสงครามแล้ว ปกติจะสุ่มคู่ต่อสู้ให้”

หลี่ชางหลันเอ่ยเสียงเฉยชา “ข้ายินดีจ่ายเดิมพันเป็นสองเท่า!”

หลี่ชางหลันไม่ยอม!

ครั้งนี้เขาดูถูกคู่ต่อสู้ ไม่เช่นนั้นไม่มีทางแพ้ง่ายดายเช่นนี้แน่นอน

หากมีโอกาสครั้งที่สอง ขอแค่ระวังเถาวัลย์ประหลาดนั่น

เขาจะต้องเอาชนะเสิ่นเทียนได้อย่างแน่นอน อย่างแน่นอน!

ความกระหายในชัยชนะในใจลุกโชนขึ้นมา หลี่ชางหลันไม่ยอมให้ตัวเองพ่ายแพ้และถอยไปด้วยความอัปยศเช่นนี้แน่

ดวงจิตหอคอยเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงกังวาน “เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์ ขอให้เจ้าอย่าทำให้ข้าลำบากจัดการเลย”

อย่าทำให้เจ้าลำบากจัดการรึ

ความหมายก็คือทำได้ แค่เงื่อนไขไม่พอหรือ

หลี่ชางหลันแค่นยิ้ม ผลึกวิญญาณหมื่นก้อนไม่ใช่จำนวนน้อยๆ สำหรับเขา

แต่เทียบกับศักดิ์ศรีของเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์แล้ว ศิลาวิญญาณอะไรพวกนี้ไม่มีระดับความสำคัญจริงๆ

“ยินดีจะจ่ายของเดิมพันเป็นสามเท่า!”

หลี่ชางหลันเอ่ย “หากครั้งนี้แพ้ ข้าจะเสียแต้มเทพสงครามสามพันแต้ม ว่าอย่างไร”

ดวงจิตหอคอยตอบ “ตรงนี้ ข้าซาบซึ้งใจในความจริงใจของเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์มาก เพียงแต่กฎก็ยังเป็นกฎ ไม่สะดวก…”

“ห้าเท่า! ของเดิมพันห้าเท่า” เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์แค่นเสียงขึ้นจมูก “นี่คือขีดจำกัดที่ข้ารับไหวแล้ว หากไม่ได้ก็ส่งข้าออกไปเถอะ!”

เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์วางแผนมาดีแล้ว

หากหอคอยเทพสงครามตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมผ่อนผันจริงๆ เช่นนั้นเขาก็จะไปซุ่มอยู่ใกล้ๆ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ รอให้เสิ่นเทียนออกมาเพียงลำพัง

จากนั้นเขาจะกดระดับพลังตัวเองให้เหลือระดับกายทองแล้วสั่งสอนเจ้าเด็กนี่ ถึงอย่างไรร่างเงาเป็นหนี้ร่างจริงก็ต้องชดใช้ นี่สมเหตุผลมาก

ทว่าช่วงที่เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์เตรียมจะออกจากหอคอยเทพสงครามนั้น เสียงดวงจิตหอคอยก็ดังขึ้นว่า “ข้าสนใจในเงื่อนไขของเจ้ามาก

ช่างเถอะ เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์เป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ที่มีความหลงใหลในกระบี่อย่างแท้จริง ข้าจะยกเว้นให้เจ้าสักครั้ง เจ้าประลองกับร่างเงาบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนได้อีกครั้ง แต่…จะต้องเก็บเป็นความลับ

ถึงอย่างไรหอคอยเทพก็มีกฎของหอคอยเทพ การแหกกฎให้เจ้าสร้างแรงกดดันสูงมาก”

เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์พยักหน้าเล็กน้อย “ข้าเข้าใจ”

…………

บนเวทีประลองเทพสงครามค่อยๆ รวมแสงกลุ่มใหม่ขึ้น

การต่อสู้อันดุเดือดกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง!

……………………………………………..