บทที่ 226 เรื่องบังเอิญที่คาดไม่ถึง

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 226 เรื่องบังเอิญที่คาดไม่ถึง

เมื่อเห็นว่าถวนถวนเดินออกมาและร้องเรียก อวี้ฮ่าวหรานจึงปล่อยอีกฝ่ายไป

เขาไม่อยากที่จะทำอะไรรุนแรงสร้างภาพที่ไม่น่ามองต่อหน้าถวนถวน

อย่างไรก็ตาม ทางด้านของซูหว่านผิง เมื่อเห็นถวนถวนและหลี่หรงเดินออกมาดู เขาก็เข้าใจไปว่าอวี้ฮ่าวหรานนั้นมีลูกและภรรยาแล้ว ความรู้สึกกลัวเมื่อครู่นี้ก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความโกรธอีกรอบ

“หว่านเอ๋อร์! นี่เธอเสียสติไปแล้วรึไง! ไม่ใช่แค่เธอเอาคนจนมาเป็นแฟนแต่นี่เธอหน้ามืดตามัวถึงขนาดไปยุ่งเกี่ยวกับคนมีครอบครัวเนี่ยนะ? พี่ผิดหวังในตัวเธอมากจริง ๆ!”

ทำไมน้องสาวของเขาถึงได้โง่ขนาดนี้!

เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาก็ยิ่งคิดว่าการตัดสินใจให้น้องสาวตัวเองไปแต่งงานกับคนที่เขาและพ่อของเขาเลือกเป็นความคิดที่ถูกต้อง!

ใบหน้าของซูหว่านเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชายเธอเอง เธอไม่นึกเลยว่าเรื่องราวมันจะดำเนินมาถึงจุดนี้ จุดที่ทุกอย่างมันดูผิดพลาดไปหมด

“พี่ มันไม่ใช่แบบที่พี่คิด…”

“เธอไม่ต้องมาแก้ตัวอะไรทั้งนั้น! ฉันไม่อยากจะฟังอะไรอีกแล้ว! การที่เธอพยายามแย่งผัวของชาวบ้านแบบนี้พ่อรับไม่ได้แน่นอน! เดี๋ยวฉันจะกลับไปฟ้องพ่อ แล้วเรามาคอยดูกันว่าเธอจะต้องเผชิญอะไรนับจากนี้!”

หลังจากพูดจบ ซูหว่านผิงรีบลุกขึ้นและจากไปโดยไม่รับฟังคำอธิบายอะไรทั้งนั้น

“พี่!”

ซูหว่านเอ๋อร์พยายามตะโกนให้อีกฝ่ายกลับมาฟังคำอธิบายแต่มันก็ไร้ผล อีกฝ่ายวิ่งจากไปอย่างไม่ใยดี

เมื่อเห็นเช่นนี้เธอก็ยิ่งรู้สึกเป็นกังวลจนต้องหันมาหาอวี้ฮ่าวหรานเพื่อขอความช่วยเหลือ

“ฮ่าวหราน ได้โปรดรีบไปหยุดพี่ของฉันให้ที ถ้าพ่อของฉันเข้าใจผิดเรื่องนี้เขาจะต้องโมโหมากและคงมาที่นี่ด้วยตัวเอง เมื่อถึงตอนนั้นคุณจะต้องเดือดร้อนหนักแน่นอน พ่อของฉันเป็นคนที่มีอิทธิพลมาก ๆ!”

“ก็ให้เขามาเลย ผมจะได้แก้ปัญหาให้จบในคราวเดียว!”

อวี้ฮ่าวหรานพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน เขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าตระกูลซูมันจะสักแค่ไหนกัน

อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกสงสัยอยู่ในใจเช่นกันว่าไอ้คนที่คู่พ่อลูกตระกูลซู เชิดชูนักเชิดชูหนาอยากให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานด้วยมันเป็นใคร?

หลังจากกลับเข้าไปในห้องเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานถือโอกาสถามซูหว่านเอ๋อร์ทันที

“พ่อกับพี่ชายของคุณอยากให้คุณแต่งงานกับใครกันแน่?”

ตั้งแต่เมื่อวาน คู่พ่อลูกตระกูลซูดูยกย่องคนที่จะมาแต่งงานกับซูหว่านเอ๋อร์เป็นอย่างมาก ซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นคนที่มีสถานะในเมืองฮ่วยอัน

“เอ่อ…คนที่พ่อกับพี่ของฉันอยากให้ฉันแต่งงานด้วยชื่อ… หลี่จิงเทียน พ่อของฉันบอกว่าเขาเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถ ฉลาดหลักแหลม สุขุม หล่อเหลาแถมตระกูลหลี่ก็ร่ำรวยมากอีกต่างหาก…”

ซูหว่านเอ๋อร์ไม่ได้อยากจะปกปิดเรื่องนี้อยู่แล้วดังนั้นเธอจึงเอ่ยชื่ออีกฝ่ายออกมาตรง ๆ

ในทางกลับกันอวี้ฮ่าวหรานและหลี่หรงรู้สึกตกตะลึง

“ห๊ะ? นี่ฉันหูฝาดไปรึเปล่า?”

หลี่หรงเอ่ยขึ้นด้วยดวงตาเบิกว้าง

“นี่ครอบครัวของเธออยากจะให้เธอแต่งงานกับหลี่จิงเทียนจริง ๆ เหรอ?”

เธอไม่นึกเลยว่าจะมีตระกูลไหนที่โง่พอจะยกยอพี่ชายสุดโหลยโท่ยของเธอ แถมยังพยายามผลักดันลูกสาวให้มาแต่งงานด้วยแบบนี้

เป็นคนหนุ่มข้อนี้ถูก แต่มีความสามารถ ฉลาดหลักแหลม สุขุม ข้อพวกนี้มันไม่ใช่เลยแม้แต่นิดเดียว!

และยิ่งไปกว่านั้นไอ้เรื่องร่ำรวย หลังจากที่พ่อของเธอเข้มงวดกับพี่ชายของเธอ พี่ชายของเธอก็แทบไม่มีเงินอยู่ในบัญชีของตัวเองเลยด้วยซ้ำ

“เธอแน่ใจ 100% ใช่ไหมว่าเป็นหลี่จิงเทียน?”

หลี่หรงถามย้ำอีกรอบหนึ่งด้วยความไม่เชื่อ

“ใช่ พ่อของฉันย้ำหลายรอบว่าคนที่เขาอยากให้ฉันแต่งงานด้วยคือหลี่จิงเทียนแห่งตระกูลหลี่”

หลังจากฟังคำยืนยันสองรอบ อวี้ฮ่าวหรานก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

เขาไม่นึกเลยว่าคนที่ซูหว่านผิงเยินยอราวกับเป็นเทพคือน้องของภรรยาเขาเอง คนที่ไร้สมองคนนั้น!

สายตาของตระกูลซูนี่มันช่างเฉียบแหลมกันจริง ๆ!

แบบนี้มันไม่ใช่การผลักลูกสาวตัวเองเข้าไปในกองไฟ แต่มันเป็นการผลักลูกสาวตัวเองตกลงไปในปล่องภูเขาไฟที่เต็มไปด้วยลาวา!

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากซูหว่านเอ๋อร์ไม่รู้เรื่องพวกนี้ ดังนั้นเมื่อเธอเห็นปฏิกิริยาของอวี้ฮ่าวหรานและหลี่หรง เธอจึงรู้สึกสับสนเป็นอย่างมากและถามขึ้นว่า

“มีอะไรงั้นเหรอ? ทำไมพวกคุณถึงได้ทำหน้าทำตากันแบบนี้?”

อวี้ฮ่าวหรานหยุดหัวเราะเมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย ก่อนที่จะถามกลับว่า

“ผมไม่เข้าใจจริง ๆ เลยว่าพ่อของคุณใช้อวัยวะส่วนไหนมองว่าหลี่จิงเทียนมันเลิศเลอ? มันเป็นไปไม่ได้ที่คนสมองปกติจะชื่นชมคนแบบนั้น”

ต้องรู้ว่าชื่อเสียงของหลี่จิงเทียนนั้นดังในหมู่สังคมชั้นสูงว่าเป็นพวกไม่ได้ความ อวี้ฮ่าวหรานจึงไม่เข้าใจว่าตระกูลซูไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของ หลี่จิงเทียนเลยหรือไง?

เมื่อได้ยินคำถามของอวี้ฮ่าวหราน ซูหว่านเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบตามที่เธอรู้

“เท่าที่ฉันได้ยินมา หลี่จิงเทียนเป็นลูกชายของประธานบริษัทชงซาน แถมตัวเขาเองก็ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหาร เขาเคยทำธุรกิจร่วมกับพ่อของฉัน ซึ่งต่อมาพ่อของฉันก็ชมเขาบ่อย ๆ ว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถ…”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซูหว่านเอ๋อร์ก็หยุดพูดเล็กน้อยดูสีหน้าของอวี้ฮ่าวหราน และหลี่หรงที่พยายามกลั้นขำ จากนั้นเธอก็เริ่มพูดต่อ

“และเนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนั้นที่พ่อของฉันเคยร่วมทำธุรกิจกับตระกูลหลี่ เขาจึงมองว่าตระกูลหลี่นั้นสูงส่งเสมอมาและอยากจะเชื่อมสัมพันธ์โดยใช้ฉันเป็นสะพานเชื่อมด้วยการแต่งงานกับหลี่จิงเทียน…”

“ฮ่า ๆๆ…พี่เขย ฉันกลั้นขำไม่อยู่แล้วจริง ๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายังมีคนในโลกนี้ที่คิดว่าพี่รองของฉันเป็นคนฉลาดมีความสามารถอยู่ด้วย!”

หลี่หรงที่กลั้นหัวเราะไม่อยู่แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น

แน่นอนว่าคำพูดของหลี่หรง ทำให้ซูหว่านเอ๋อร์สับสน พี่ชายงั้นเหรอ?

เมื่อเห็นสีหน้าของซูหว่านเอ๋อร์ อวี้ฮ่าวหรานอธิบายทันที

“หลี่จิงเทียน คนที่คุณพูดถึงคือพี่ชายของหลี่หรง ส่วนผมเองก็เป็นพี่เขยของเขา”

เมื่อได้ยินคำอธิบาย ซูหว่านเอ๋อร์ก็เบิกตากว้าง

“น…นี่ มันจะบังเอิญไปหน่อยหรือเปล่า?”

เธอแทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินไป

หลังจากหัวเราะไปได้สักพัก หลี่หรงก็ปรับอารมณ์ก่อนที่จะพูดขึ้น

“รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงหัวเราะ?”

“ท..ทำไมเหรอ?” ซูหว่านเอ๋อร์ถามกลับอย่างุนงง

“ฉันคิดว่าพ่อของเธอคงไม่ได้เข้าสังคมเท่าไหร่ใช่ไหม? ไม่งั้นเขาต้องได้ยินข่าวบ้างแล้วว่าพี่ชายของฉันไม่ได้เป็นคนมีความสามารถอะไรเลย เขาเป็นแค่ลูกคนมีเงินที่นิสัยเสียแถมยังไร้สมองอีกต่างหาก!”

หลี่หรงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเยาะเย้ย

“ตั้งแต่พี่ชายของฉันโตขึ้นมาเป็นหนุ่มเขาก็แทบไม่ทำอะไรเลย วัน ๆ เอาแต่เที่ยวกลางคืนหรือไม่ก็รังแกคนไปทั่ว ส่วนไอ้เรื่องตำแหน่งรองประธานอะไรนั่นเขาก็ไม่ได้สร้างผลงานที่มันเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาเลย เมื่อก่อนเวลามีงานอะไรเขาก็โยนให้ลูกน้องทำอย่างเดียวแล้วค่อยเอาหน้า และยิ่งไปกว่านั้นด้วยความไร้สมองของเขา เขาก็เกือบทำให้บริษัทปิดตัวลงอยู่หลายรอบ พ่อของฉันคงจะฆ่าเขาไปแล้วถ้าไม่ใช่ลูกในไส้ แม้แต่ฉันจนป่านนี้ก็ยังโกรธเขาไม่หาย!”

“ข..ขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?”

ซูหว่านเอ๋อร์ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกหวั่นวิตก เธอไม่นึกเลยว่าคนที่พ่อและพี่ชายเธอเลือกให้จะย่ำแย่ถึงขนาดนี้

“แต่ถ้าหากเธอไม่เชื่อฉัน เธอลองไปถามใครก็ได้ในวงสังคมชั้นสูง ทุกคนต่างรู้เรื่องนี้กันหมด ฉันล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพ่อของเธอไม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”

หลี่หรงรู้จักพี่ชายของเธอเป็นอย่างดี ดังนั้นเธอจึงสามารถอธิบายได้อย่างละเอียดว่าพี่ชายของเธอมันเหลวแหลกยังไงบ้าง