บทที่ 227 นัดพบ

หลังจากได้รู้เรื่องราวทั้งหมดของหลี่จิงเทียน ซูหว่านเอ๋อร์ก็ยิ่งห่อเหี่ยว

“นี่….นี่มัน…”

“มันแย่มากใช่ไหมล่ะ?”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลังเลที่จะพูดออกมา หลี่หรงจึงเติมคำให้

ขณะนี้เธอรู้สึกผิดที่เคยมองผู้หญิงคนนี้ผิดไป ผู้หญิงคนนี้ก็แค่อยากหาที่พึ่งพาเพราะความโง่เง่าของครอบครัวตัวเองก็แค่นั้น!

ต้องโง่ขนาดไหนกันถึงผลักลูกสาวตัวเองให้กับคนที่เลวทรามเช่นพี่ชายของเธอ!

ขนาดเธอเป็นคนในครอบครัวแท้ ๆ เธอยังคิดว่าพี่ของเธอมันเลวทราม!

“ไม่นึกเลยว่าคนที่พ่อของฉันเลือกจะแย่ขนาดนี้…”

ซูหว่านเอ๋อร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหดหู่

แต่ถึงแม้ว่าเธอจะรู้แบบนี้แล้ว มันก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเพราะพ่อของเธอนั้นหนักแน่นเป็นอย่างมากในเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกัน ถวนถวนก็ตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล

“พ่อจ๋า หนูจะไปโรงเรียนสายแล้ว! พ่อไปส่งหนูหน่อย!”

เมื่อได้ยินลูกสาวของตัวเองเอ่ยเตือน อวี้ฮ่าวหรานก็รีบดูนาฬิกาและเห็นว่าตอนนี้มันใกล้เวลาเข้าเรียนของถวนถวนแล้ว

เมื่อเห็นเช่นนี้เขาจึงรีบอุ้มถวนถวน และหันไปหาซูหว่านเอ๋อร์

“คุณอยู่กับหลี่หรงไปก่อน อย่าเพิ่งไปไหน หลังจากที่ผมไปส่ง ถวนถวน เสร็จ ผมจะแก้ปัญหาเรื่องแต่งงานของคุณให้เอง ไม่ต้องกังวล คุณไม่ได้แต่งงานกับหลี่จิงเทียนแน่นอน!”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็พาถวนถวนไปส่งที่โรงเรียนทันที

“มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ซูหว่านเอ๋อร์ไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าหลี่จิงเทียนจะไม่เอาไหนแต่อีกฝ่ายก็เป็นถึงลูกชายของผู้นำตระกูลหลี่ เรื่องราวมันคงไม่จบลงแบบง่าย ๆ แน่นอน

อย่างไรก็ตาม มันไม่แปลกที่เธอจะไม่เชื่อเพราะเธอไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว อวี้ฮ่าวหรานคือของเจ้าของเครือฮ่าวหรานหรือก็คือบริษัทชงซานที่ปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ เธอคิดแค่เพียงว่าอวี้ฮ่าวหรานและหลี่หรงเป็นคนในตระกูลหลี่ที่แยกตัวกันออกมาอยู่ตามลำพังไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงอะไรในตระกูล

เกือบหนึ่งชั่วโมงต่อมา อวี้ฮ่าวหรานกลับมาถึงห้องหลังจากไปส่งถวนถวนเสร็จ

ในตอนนี้เขามีแผนในใจเรียบร้อยแล้ว

“คุณโทรบอกครอบครัวคุณซะว่า หลี่จิงเทียนต้องการพบพวกเขา”

หลังจากกลับเข้ามาในห้องอวี้ฮ่าวหรานเอ่ยกับซูหว่านเอ๋อร์ทันที

ซูหว่านเอ๋อร์รู้สึกงุนงงทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอวี้ฮ่าวหราน

ไม่ใช่ว่าตอนนี้พวกเขาควรหลบหน้าอีกฝ่ายงั้นเหรอ?

การเรียกอีกฝ่ายมาแบบนี้มันยิ่งทำให้เรื่องยุ่งยากมากขึ้นไม่ใช่หรือไง?

แต่เมื่อเผชิญกับสายตาที่จริงจังของอวี้ฮ่าวหราน เธอจึงโทรออกไปบอกครอบครัวของเธออย่างไร้ทางเลือก

“หลี่หรง เธอเองก็โทรเรียกหลี่จิงเทียน มาด้วยพี่อยากจะเจอมันสักหน่อย”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลี่หรงไม่ลังเลเลยที่จะโทรออกไป เธอมั่นใจว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่เขย พี่ชายของเธอไม่กล้าหือแน่นอน

“ฮัลโหล? โอย…ใครกันโทรมาตั้งแต่เช้าแบบนี้?”

หลี่จิงเทียนรับสายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ตื่น

“พี่รอง!”

“หืม? หลี่หรงงั้นเหรอ? เอ่อ…มีอะไรงั้นเหรอพี่เพิ่งตื่น…”

เนื่องจากความสัมพันธ์ที่หลี่หรงมีกับอวี้ฮ่าวหราน หลี่จิงเทียนจึงไม่กล้าที่จะพูดจาไม่ดีกับน้องสาวของเขาเองสักเท่าไหร่

“เที่ยงนี้พี่ไม่ต้องกินข้าวที่บ้าน พี่เขยของฉันเรียกพี่ให้มากินข้าวเที่ยงด้วยกันที่โรงแรมเทียนเยว่!”

หลี่หรงไม่อยากพูดอ้อมค้อมดังนั้นเธอจึงบอกธุระไปแบบตรง ๆ ก่อนที่จะวางสายไป

“หืม? ชวนกินข้าว? ม…มีเรื่องอะไรงั้น…อ้าว วางไปแล้ว…”

หลี่จิงเทียนหายจากอาการงัวเงียทันที แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ถามอะไรต่อโทรศัพท์ก็ถูกวางไปแล้ว

“ทำไมจู่ ๆ ชายคนนั้นถึงชวนฉันกินข้าว? หรือว่า…”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่จิงเทียนก็รู้สึกหนาวไปถึงขั้วกระดูก

“ป…เป็นไปได้ไหมที่เรื่องของหวังเจวียถูกเปิดโปงแล้ว! ช…ชิบหายแล้วนี่ฉันจะทำยังไงดี!”

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลี่จิงเทียนตื่นตระหนกจนตัวสั่น เขายังจำความรู้สึกของตัวเองตอนที่ได้ข่าวว่าหวังเจวียตายด้วยสภาพที่น่าสยดสยองตอนนั้นได้อยู่เลย ซึ่งมาถึงตอนนี้เขาก็ยังคงหวาดผวาไม่หายกลัวว่าอวี้ฮ่าวหรานจะรู้ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้อง

แต่ถ้าหากวันนี้เขาไม่ไป อีกฝ่ายจะต้องมาหาเขาถึงที่นี่แน่นอนซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเรื่องมันคงจะยิ่งบานปลาย

หลังจากสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อปรับอารมณ์ หลี่จิงเทียนก็ตัดสินใจว่าไม่ว่ายังไงวันนี้เขาคงต้องไปเผชิญกับความจริง เขาลุกขึ้นจากเตียงเพื่ออาบน้ำแต่งตัวทันทีด้วยใจระทึก

เวลาใกล้เที่ยง ในห้องอาหารส่วนตัวของโรงแรมเทียนเยว่

ขณะนี้คู่พ่อลูกตระกูลซูมาถึงแล้ว

“พ่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมจู่ ๆ หว่านเอ๋อร์ ถึงโทรบอกให้เรามาเจอหลี่จิงเทียนแบบนี้?”

ซูหว่านผิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้างุนงง

“เป็นไปได้ว่าหว่านเอ๋อร์น่าจะคิดได้แล้ว เธอจึงเรียกเรามาคุยกันแบบนี้”

ซูกว่างไห่คาดคะเน

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกผิดต่อลูกสาวตัวเอง แต่เขาก็ไม่อาจยกเลิกงานแต่งนี้ได้ การแต่งงานนี้มันสำคัญมากต่อตระกูล

ซูหว่านผิงพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของพ่อเขาเองก่อนที่จะพูดว่า

“ก็เป็นไปได้นะพ่อ เพราะเมื่อเช้าผมเองก็ขู่ไอ้เวรนั่นเอาไว้มาก ผมคิดว่ามันคงกลัวจนไล่หว่านเอ๋อร์ออกจากบ้านของมัน ไม่ว่ายังไงหลังจากนี้ ผมจะไม่ปล่อยไอ้เวรนั่นไปง่าย ๆ แน่ คนที่กล้าดูหมิ่นตระกูลของเราจะต้องได้รับการสั่งสอน!”

เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดเมื่อเช้า ซูหว่านผิงก็อารมณ์ขึ้นในทันที เมื่อเช้าชายหนุ่มถูกหยามเป็นอย่างมากแถมบอดีการ์ดที่พาไปสิบกว่าคนกลับทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้อีกต่างหาก

ทั้งสองยังคงนั่งคุยกันต่อไปตามลำพัง

หลังจากผ่านไปอีกพักหนึ่ง หลี่จิงเทียนก็มาถึงอย่างเร่งรีบ

เนื่องจากกลัวว่าอวี้ฮ่าวหรานจะยิ่งโมโห เขาจึงจงใจมาถึงก่อนเพื่อเอาใจอีกฝ่าย

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเปิดประตูเข้ามาในห้องเขาก็ต้องประหลาดใจ

“เอ๊ะ? ทำไมทำไมทั้งสองคนถึงอยู่ที่นี่ด้วย?”

หลี่จิงเทียนมองไปที่คู่พ่อลูกตระกูลซูด้วยแววตางุนงงไม่เข้าใจว่าทำไมสองคนนี้ถึงอยู่ที่นี่ด้วย

ในทางกลับกัน ซูกว่างไห่เมื่อเห็นว่าหลี่จิงเทียนมาถึงก่อนเวลาที่นัดกันไว้ ก็รีบลุกขึ้นและเอ่ยตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทันที

“ฮ่า ๆๆ หลานชายช่างเป็นคนที่รักษาเวลาดีจริง ๆ อุตส่าห์มาก่อนเวลาซะด้วย มา มา มา…มานั่งลงก่อนเถอะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้้ หลี่จิงเทียนก็ยิ่งงุนงง

“หลานชาย ช่วงนี้งานคงรัดตัวมากเลยใช่ไหม ถึงแม้ว่าช่วงนี้ฉันจะไม่ค่อยได้ตามข่าวเท่าไหร่แต่ฉันได้ยินคนพูดถึงกันว่าเดี๋ยวนี้ตระกูลหลี่แข็งแกร่งมากกว่าแต่ก่อนอีกใช่ไหม?”

ซูหว่างไห่พยายามพูดชมเอาอกเอาใจหลี่จิงเทียนสุดฤทธิ์

หลี่จิงเทียน ยังคงงุนงงกับสถานการณ์ในตอนนี้เพราะหลี่หรงและอวี้ฮ่าวหรานเป็นคนชวนเขามาแท้ ๆ ทำไมไอ้สองพ่อลูกคู่นี้ถึงโผล่มาแทน? แต่เมื่อเขาได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยเยินยอ เขาเองก็จำเป็นต้องพูดไปตามน้ำเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียหน้า

“ใช่…ใช่แล้วตอนนี้ที่บริษัทงานยุ่งมากเลย มันยุ่งมากจนผมไม่ค่อยมีเวลาออกไปไหนสักเท่าไหร่ และยิ่งไปกว่านั้นตระกูลหลี่ในตอนนี้แข็งแกร่งมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ซึ่งเป็นผลงานของผมเอง!”

หลี่จิงเทียนไม่ลังเลเลยที่จะพูดเอาดีเข้าตัว

ซูกว่างไห่เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขาไม่ได้สงสัยกับคำพูดของหลี่จิงเทียนเลย

ซูหว่านผิงเองก็รู้สึกมีความสุขมากที่ได้ยินเช่นนี้ นี่สิคือคนที่คู่ควรกับน้องสาวของเขาไม่ใช่ ไอ้บ้านจน อวี้ฮ่าวหราน อะไรนั่น!

และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขานึกถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการเกี่ยวดองกับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหลี่ มันก็ยิ่งทำให้เขายิ้มจนหน้าบาน

หลังจากเมื่อผ่านไปอีกสักพัก ในระหว่างที่ทั้งสามคนในห้องกำลังเยินยอกันอยู่ จู่ ๆ ซูหว่านเอ๋อร์ก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับหลี่หรง

ซูกว่างไห่เมื่อเห็นลูกสาวคนสวยของเขามาถึงแล้วเขาก็รีบลุกขึ้นและแนะนำให้หลี่จิงเทียนทันที

“หลานชาย นี่คือลูกสาวของฉันคนที่ฉันเคยพูดกับกับพ่อของหลานว่าจะให้แต่งงานกับหลาน หลานชายคิดว่าลูกสาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”

หลี่จิงเทียนหันไปมองทันที

ในเวลานี้ ซูหว่านเอ๋อร์แต่งตัวมาในชุดเดรสกระโปรงยาวสีขาวราคาแพงซึ่งมันยิ่งทำให้เธอดูสวยและเรียบร้อยมากขึ้นกว่าเดิม