กระแสพลังแห่งชีวิตจากแท่งโลหะหลั่งไหลออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุดเข้าสู่ร่างกายหลินมู่อวี่ แท่งโลหะสั่นอย่างต่อเนื่องภายในติ่งหลอมอาวุธเผยให้เห็นน้ำเหล็กสีเขียวและแสงสีทองที่ไหลเวียนอยู่ภายใน

แท่งโลหะนี้ไม่ใช่สิ่งของธรรมดา แต่มันเป็นสมบัติลึกลับที่โลกไม่รู้จัก!

เมื่อหลอมแท่งโลหะเสร็จก็มีอักขระโบราณลอยขึ้นรอบตัวหลินมู่อวี่อย่างเชื่องช้า ฉินอินที่ยืนดูอยู่เบิกตากว้างด้วยความตะลึง “อาอวี่…”

ร่างกายของหลินมู่อวี่กำลังเปลี่ยนรูปร่าง พลังจากแท่งโลหะซ่อมแซมบาดแผลต่างๆ บนร่างกาย ในตอนแรกพลังฟื้นฟูไหลอย่างเชื่องช้าซ่อมแซมบาดแผลบริเวณไหล่และหน้าอก ทว่าเมื่อพลังนี้เคลื่อนไปยังแขนซ้าย ทันใดนั้นมันก็ไหลอย่างรุนแรงราวกับแม่น้ำเชี่ยวกราก พลังงานก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างแขนพร้อมอักขระโบราณที่ลอยอยู่เหนือแขน จากนั้นเลือดของหลินมู่อวี่ก็ไหลอย่างเชื่องช้าเข้าสู่แขนข้างนั้น กระบวนการก่อเกิดแขนใหม่ทั้งหมดสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า…

‘วิ้ง…’

ติ่งหลอมอาวุธสั่นอย่างรุนแรงขณะที่หลินมู่อวี่ต้องทนต่อความเจ็บปวดรวดร้าว ความรู้สึกของแขนซ้ายค่อยๆ กลับคืนมา ก่อนที่จะรู้สึกแสบร้อนจนแทบสิ้นสติ

แม้หลินมู่อวี่จะเป็นผู้มีสติปัญญาและทะนงตัว ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะทรุดลงไปคร่ำครวญบนพื้นอย่างน่าเวทนาขณะที่ใช้แขนขวาค้ำลำตัวไว้ แขนซ้ายขณะนี้เต็มไปด้วยทอง เลือดเนื้อ และเส้นเลือด ร่างกายของหลินมู่อวี่สั่นเทิ้ม ความพยายาทก่อตัวขึ้นเป็นคลื่นสีขาวขุ่นกระแทกทุกสิ่งอย่างรอบตัว

“อ๊า…”

ฉินอินกรีดร้องก่อนจะเรียกโซ่เทวะป้องกันคลื่นพลังของหลินมู่อวี่ สิ่งที่ฉินอินคาดไม่ถึงคือพลังของหลินมู่อวี่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมมากและยากเกินต้านทาน ขณะที่หางของหมาป่าวาโยสีทองตกลงด้วยความหวาดกลัวและยืนหลบอยู่ด้านข้าง

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด ในที่สุดแขนซ้ายของหลินมู่อวี่ก็เกิดใหม่อย่างสมบูรณ์ มีแสงสีทองส่องประกายจางๆ พร้อมไอน้ำพวยพุ่ง โชคดีที่หลินมู่อวี่พบว่าความอาฆาตของเขาหลอมรวมกับแขนข้างซ้ายเพียงเล็กน้อย ทว่าแท้จริงแล้วแขนนี้ต้องการพลังมากกว่านั้น! และดูเหมือนมันจะต้องการพลังความอาฆาตมาเติมเต็มอีกด้วย!

“อึก…” หลินมู่อวี่รู้สึกไม่ดีขณะที่แขนซ้ายชาไปทั้งแขน

ทันใดนั้นลู่ลู่ในทะเลจิตก็พูดขึ้น “พี่ชาย ราชาปีศาจเจ็ดประทีปบอกว่าให้พี่ชายหลอมลูกประคำสีดำที่ได้มา มันสามารถชดเชยพลังที่แขนซ้ายต้องการเจ้าค่ะ”

“อืม”

หลินมู่อวี่รีบดึงลูกประคำออกมา ขณะที่ติ่งหลอมอาวุธปรากฏขึ้นกลางอากาศพร้อมไฟหลอมชั้นที่หกหลอมลูกประคำอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นพลังแห่งความมืดก็ไหลท่วมท้นในติ่งหลอม

“ไม่ดีแน่ พลังแห่งความมืดคงเข้ากับร่างกายข้าไม่ได้…” หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”

 ลู่ลู่กะพริบตาและพูดว่า “พลังแห่งความมืดและพลังแห่งแสงสว่างที่มนุษย์ครอบครองมีต้นกำเนิดเดียวกัน เพลิงสวรรค์สามารถหลอมมันให้เป็นพลังแห่งแสงที่พี่ชายดูดซับได้เจ้าค่ะ”

“เช่นนี้เอง”

หลังจากหลอมครึ่งชั่วโมง พลังแห่งความมืดก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว และหลั่งไหลดั่งสายธารเข้าสู่แขนซ้ายของหลินมู่อวี่

หลินมู่อวี่เงยหน้าขึ้นและถอนหายใจ ในที่สุดแขนซ้ายของเขาก็เกิดใหม่อย่างแท้จริง!

เมื่อลูกประคำถูกหลอมและดูดซับทั้งหมดแล้ว แสงเรืองรองรอบแขนก็สลายหายไปซึ่งรูปร่างไม่แตกต่างจากแขนเดิม ทว่ามีเพียงหลินมู่อวี่ที่รู้ว่าพลังที่แขนซ้ายนี้ทำให้เขาตกตะลึง!

เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการหลอม เสื้อผ้าท่อนบนของเขาก็ถูกฉีกขาด หลินมู่อวี่ไม่มีทางเลือกจึงหยิบชุดเกราะวิหารจากถุงสรรพสิ่งขึ้นมาสวม มิเช่นนั้นคงไม่เหมาะที่จะเปลือยกายต่อหน้าองค์หญิง ขณะนี้พวกเขาอยู่ท่ามกลางหุบเขาจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตน อีกทั้งหลินมู่อวี่ไม่เกรงกลัวที่จะถูกคนจากสำนักอัศวินพบตัว หากทหารเหล่านั้นเข้ามาในป่าล่ามังกร คงถูกสัตว์วิญญาณฆ่าตายอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นแขนซ้ายของหลินมู่อวี่กลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉินอินก็กล่าวอย่างยินดี “พี่อาวี่ แขนนั้น…มันไม่เป็นอะไรแล้วใช่หรือไม่?”

“อืม”

หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ “แท่งโลหะมีพลังที่แข็งแกร่งมาก เมื่อข้าหลอมมัน พลังแห่งชีวิตก็หลั่งไหลเข้ามาในตัวก่อเกิดแขนนี้ขึ้น…”

“มหัศจรรย์มาก…”

บนใบหน้าฉินอินยังมีคราบน้ำตา ทว่าตอนนี้นางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ฉินอินสัมผัสแผ่วเบาบนแขนซ้ายของหลินมู่อวี่ ผิวหนัง รูขุมขน และเส้นเลือดไม่แตกต่างจากคนทั่วไป แต่แข็งแกร่งกว่ามาก!

“แขนนี้แข็งแกร่งกว่าเดิมใช่หรือไม่?” ฉินอินเอ่ยถาม “เสี่ยวอินรู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งขึ้นมาก…”

“จริงหรือ?”

หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย เขาพยายามบิดแขนไปมาและต่อยไปในอากาศ หลินมู่อวี่รู้สึกได้ถึงพลังที่หลับใหลอยู่ภายใน ทันใดนั้น! ฉากสุดแสนประหลาดก็ปรากฏขึ้น!

‘วิ้ง!’

แสงสีทองรูปร่างมังกรปรากฏขึ้นรอบแขนราวกับโล่ปกป้อง ทว่าความแข็งแกร่งนั้นเหนือชั้นกว่าโล่ทั่วไปมาก!

“นี่คือพลังของแท่งโลหะหรือ?” หลินมู่อวี่เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ

ฉินอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มันควรจะเป็นมากกว่าแท่งโลหะธรรมดา นักฆ่าคนนั้นบอกว่ามันเป็นอาวุธระดับปราชญ์…อาวุธวิเศษ ขอแสดงความยินดีกับพี่อาอวี่ ดูเหมือนว่าสายเลือดมังกรจะรวมเข้ากับพลังของอาวุธระดับปราชญ์จนกลายเป็นสิ่งนี้…อืม ควรเรียกมันว่า ‘แขนมังกร’ ดีหรือไม่?”

“มันอาจเป็นเช่นนั้น…”

หลินมู่อวี่ดีใจ “ข้าคิดว่าจะต้องเสียแขนไปตลอดกาล ความแข็งแกร่งก็ลดลงไปกว่าครึ่ง ไม่คิดเลยว่าจะได้แขนใหม่ที่ทรงพลังเช่นนี้!”

“บาดแผลของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ดีขึ้นมากแล้ว!”

หลินมู่อวี่ก้าวไปด้านหน้าและมองไปที่ไหล่ของฉินที่อาบเลือด อาการบาดเจ็บของนางดูจะหนักกว่าเขาเสียอีก หลินมู่อวี่กล่าวอย่างกังวล “ทว่าอาการบาดเจ็บของเสี่ยวอินค่อนข้างสาหัส”

เขาเงยหน้ามองขึ้นบนท้องฟ้า “ใกล้จะสว่างแล้ว เราจะไปหาม้าทันที มิเช่นนั้นข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะไปถึงเมืองหยาดสายัณห์เมื่อใด…”

“เจ้าค่ะ!”

โชคดีที่ม้าของพวกเขาเตลิดไปไม่ไกล พวกมันเล็มหญ้าอยู่ใกล้บริเวณวัด อานบนหลังม้ายังคงอยู่ ส่วนกระโจมถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ทว่าหลินมู่อวี่ยังเก็บไว้ มันคงยังใช้การได้หากได้รับการซ่อมแซม

ทั้งสองทานอาหารเช้าอย่างเร่งรีบและออกเดินทางทันที หลินมู่อวี่สวมชุดเกราะและรองเท้าของวิหาร จึงทำให้เดินบนถนนหลักไม่ได้ ดังนั้นหลินมู่อวี่จึงเดินนำฉินอินเข้าป่าอีกครั้ง

เมื่อพระอาทิตย์ตกดินก็กางกระโจมที่ได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อย หลังทานอาหารเสร็จ ฉินอินก็เข้ากระโจมเพื่อพักฟื้นบาดแผล

หลินมู่อวี่กำกระบี่ในมือแน่นขณะที่ยืนอารักขาห่างจากกระโจมประมาณสามเมตร เขายืนนิ่งราวกับรูปปั้นหิน

‘พรึ่บ’

ประตูกระโจมถูกเปิดออกพร้อมฉินอินโผล่ศีรษะออกมา “อาอวี่ จะเข้ามาพักผ่อนหรือไม่?”

“ไม่ล่ะ”

หลินมู่อวี่ส่ายหัว “ข้าจะอยู่เฝ้าด้านนอกนี่ เสี่ยวอินไปนอนเถิด แล้วข้าจะงีบในตอนกลางวันขณะที่เสี่ยวอินนำทาง”

การปรากฏตัวของนักฆ่าทำให้หลินมู่อวี่หวาดระแวง แผ่นดินนี้ยังมีคนที่รอดพ้นจากทักษะชีพจรวิญญาณของเขาไปได้ การเชื่อมั่นเกินไปอาจเกิดภัยเข้ามาถึงตัว ดังนั้นหลินมู่อวี่จึงเลือกที่จะตื่นตัวในตอนกลางคืน

หลินมู่อวี่ท่าทางมุ่งมั่นมาก ฉินอินจึงไม่พูดสิ่งใด ก่อนจะกลับเข้าไปในกระโจมและเข้าสู่ห้วงนิทรา

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น มีเสียงขันของไก่ป่าดังขึ้น

ฉินอินลืมตาตื่นจากแสงแดดยามเช้าสาดส่องลงบนใบหน้าของเธอ นางลุกขึ้นและยืดตัว เมื่อเปิดกระโจมออกไปก็ต้องตกใจ หลินมู่อวี่นั่งอยู่บนก้อนหินอย่างสง่าผ่าเผยพร้อมกอดกระบี่วิญญาณมังกร เสื้อคลุมปลิวไสวอยู่ด้านหลัง ทว่าทั่วใบหน้าและไหล่มีน้ำค้างแข็งเกาะอยู่

หัวใจฉินอินกระตุกวูบก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปกอดหลินมู่อวี่ “อาอวี่…เจ้าเป็นอะไรไหม?”

หลินมู่อวี่เปิดเปลือกตาอย่างเชื่องช้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าสบายดี เสี่ยวอินมีอะไรหรือ?”

“เจ้าถูกปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็ง นั่นทำให้ข้าตกใจ…” ฉินอินตอบด้วยรอยยิ้ม

“ฮ่าๆ ข้าไม่เป็นอะไร วางใจเถิด”

“อื้ม!”

ไม่กี่วันหลังจากนั้น พวกเขาสังหารสัตว์วิญญาณที่พบระหว่างทางและให้หมาป่าวาโยสีทองกลืนกินศิลาวิญญาณ ทันใดนั้นมันก็เติบโตขึ้นห้าสิบปีโดยไม่คาดคิด! ดูเหมือนว่านี่จะเป็นวิธีเพิ่มระดับสัตว์เลี้ยง หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะวางแผนถึงการมีสัตว์เลี้ยงของตนเอง สัตว์ชนิดไหนจึงจะเหมาะสมกัน? ก่อนอื่นสายเลือดต้องดีกว่าหมาป่าวาโยสีทอง แม้มันจะเป็นจ่าฝูง ทว่าก็เป็นเพียงหมาป่าธรรมดาเท่านั้น แท้จริงแล้วมันค่อนข้างไร้ประโยชน์เมื่อเผชิญหน้ากับมังกรเกราะน้ำแข็งที่ทรงพลัง ช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอาย!

บางที…เขาควรเลี้ยงมังกร?

มังกรนภาระดับต่ำเกินไปสำหรับดินแดนมังกร

งูมังกร…แม้จะแข็งแกร่ง ทว่าก็ไม่ดีเท่ามังกร

ส่วนมังกรที่แท้จริงคงต้องลืมไปได้เลย แม้แต่ตามหาก็คงไม่มีทางเจอ หลินมู่อวี่ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี

วันที่สิบเอ็ดหลังจากเดินทางออกจากเมืองหลันเยี่ยน ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงเมืองหยาดสายัณห์ ไกลออกไปพวกเขามองเห็นหน่วยลาดตระเวนที่เดินอยู่บนถนนสายหลัก พวกเขามีสัญลักษณ์หอกบนไหล่ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นทหารของเมืองหยาดสายัณห์ อีกทั้งยังติดตราดอกจื่อยินแห่งกองทัพจักรวรรดิ

“เสี่ยวอิน เราพร้อมจะเข้าเมืองแล้ว” หลินมู่อวี่ยิ้มขณะที่กุมบังเหียน เขาสวมชุดเกราะวิหารซึ่งหนักเกินกว่าที่ม้าผอมตัวนี้จะรับไหว

ฉินอินขี่ม้าศึกเข้ามาใกล้และตอบว่า “เจ้าค่ะ!”

ทันใดนั้น! ก็มีกลุ่มทหารที่สวมชุดกองทัพจักรวรรดิปรากฏตัวขึ้นที่ป่าด้านหลังพวกเขาพร้อมง้างสายธนู หนึ่งในนั้นพลันตะโกนขึ้น “พวกเจ้าเป็นใคร!?”

…………………