บทที่ 249: การเปลี่ยนแปลงของงานประมูล (2)

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 249: การเปลี่ยนแปลงของงานประมูล (2)

“อวดดี !!!” หมิงชีหยินตะโกนออกมาเสียงดังทันทีที่พวกเขากลับมาถึงห้องพักของตัวเอง “ไร้ยางอย่างที่สุด ! นี่เขารู้อะไรเกี่ยวกับราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 บ้างหรือเปล่า ? เขาเองก็เป็นผู้ฝึกตนเช่นกัน ! เขาไม่รู้เลยหรือว่าการฟื้นคืนชีพของโอดะโนบูนางะหมายความว่าอย่างไร ?!”

“การมาว่าเขาลับหลังไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากสำหรับเขาเองเช่นกัน” ฉินเย่ล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างขี้เกียจและเริ่มเล่นเกมในโทรศัพท์ของตัวเอง

“หืม ? เจ้าดูเหมือนจะเข้าใจเจ้านั่นดีทีเดียวนี่ ? มา เรามาพูดถึงเรื่องการปลดปล่อยศักยภาพอย่างเต็มพลังของกระจกบานนี้กัน….”

“ไม่” ฉินเย่วางโทรศัพท์ลง และประกายเย็นยะเยือกก็วาววาบขึ้นในแววตาของเขา “ข้าเข้าใจกระบวนการคิดของเขา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าเห็นด้วยกับวิธีการของเขา และต่อให้ข้าเห็นด้วยกับวิธีการของเขา มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยเขาไป เขาได้เสียโอกาสเดียวที่จะได้รับชีวิตหลังความตายที่รุ่งโรจน์และมีเกียรติไปแล้ว นอกจากนี้ สิ่งเดียวที่เขาประสบความสำเร็จก็คือการกระตุ้นความโกรธแค้นและความเกลียดชังของว่าที่จ้าวนรกองค์ใหม่ ข้าไม่ได้เป็นคนใจกว้าง เส้นทางแห่งการฟื้นคืนของยมโลกจำเป็นต้องการการเสียสละของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน ความใจกว้างนั้นมีได้ แต่ไม่ใช่สำหรับการปฏิบัติ”

หมิงชีหยินเงียบไปชั่วขณะ “ข้ารู้สึกว่าเจ้ามักแผ่บรรยากาศที่แตกต่างไปจากปกติเมื่อเจ้าจริงจังกับบางอย่าง แต่ข้าก็ดีใจที่เจ้าตระหนักถึงเรื่องนี้”

“เด็กน้อย จงรักษาความคิดนี้ไว้ ในอนาคต เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เจ้าต้องเสียสละบางอย่างเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม หากเจ้าคือผู้ที่พยายามที่จะเข้าใจและเห็นอกเห็นใจทุกคน เช่นนั้นเจ้าก็ไม่เหมาะสมกับบัลลังก์ที่รอเจ้าอยู่”

ทันใดนั้นเอง เรือสำราญก็สั่นไหวเล็กน้อย หลังจากนั้นฉินเย่ก็สัมผัสได้ว่าแรงสั่นสะเทือนดังกล่างนั้นลดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งหยุดลงในที่สุด

“นี่คือ…. ?” เขาขมวดคิ้วยุ่งขณะที่เดินไปที่หน้าต่างและมองไปด้านนอก

มันเป็นเวลา 07.30 น. กระแสน้ำด้านนอกเงียบสงบ และดวงอาทิตย์ก็เพิ่งโผล่พ้นขึ้นมาจากขอบฟ้า แต่งแต้มผิวน้ำทะเลทั้งหมดให้เป็นสีแดงอมทองที่ส่องระยิบระยับ

มันไม่ได้มีกระแสน้ำที่มักจะเกิดขึ้นขณะเรือแล่นเลยสักนิด อันที่จริง มันไม่มีร่องรอยของการเคลื่อนไหวเลยด้วยซ้ำ

เรือได้หยุดนิ่งลง…

“สวัสดีครับ แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน” เสียงที่ดังและสดใสดังขึ้นตัดผ่านความเงียบสงัดบนเรือสำราญ “ทางเราต้องขออภัยที่ขัดจังหวะการพักผ่อนของทุกท่านตั้งแต่ช่วงเช้าของวัน ด้วยเหตุไม่คาดคิดบางอย่าง ทางโรงประมูลเจียเต๋อของเราจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงแผนการที่เตรียมเอาไว้ในนาทีสุดท้าย ขอความกรุณาทุกท่านโปรดเข้าใจ”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นที่ห้องเก็บสินค้าก่อนหน้านี้ ทางเราจำไม่มีทางเลือกนอกจากเลื่อนการประมูลเข้ามาเร็วขึ้น… การประมูลจะถูกจัดขึ้นในเวลา 6 โมงเย็นของวันมะรืนนี้แทนครับ แขก VIP ทุกท่านที่ไม่อยู่ในเวลานั้นจะถือว่าสละสิทธิ์ในการเข้าร่วมการประมูล และอีกครั้ง ทางเราต้องขออภัยสำหรับการเปลี่ยนแปลงย่างกะทันหันในครั้งนี้ด้วยจริง ๆ ครับ”

เสียงประกาศดังขึ้นทั่วทุกที่บนเรือ

ห้อง A221 ห้องพักของหนึ่งใน 20 ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในจีน ประธานเทียนเชิงถัง ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีน

ชายร่างสูงหมุนแหวนแต่งงานของตนและขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย “เลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้น ? แถมพวกเขาไม่แม้แต่จะรอแขก VIP คนอื่น ๆ ให้มาถึงเรือก่อน ? นั่นไม่เหมือนกันโรงประมูลเจียเต๋อเลยสักนิด มันจะต้องมีเรื่องใหญ่บางอย่างเกิดขึ้นแน่ อาจารย์ฮุ่ยเอี้ยน เกิดอะไรขึ้นหรือครับ ?”

คำถามพุ่งตรงไปที่ชายวัยกลางคนหัวโล้นที่แต่งกายในชุดสูทที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ตน บนศีรษะของเขามีรอยแผลเป็นเต็มไปหมด และร่างทั้งร่างของเขาก็นั่งอยู่กลางอากาศโดยการสนับสนุนของนิ้วเพียงนิ้วเดียว เขาตอบเสียงเรียบ “ผมสัมผัสได้ถึงการแปรปรวนที่รุนแรงของทั้งพลังปราณและพลังหยินในอากาศ จะต้องมีเรื่องเกิดขึ้นที่ห้องเก็บสินค้าเป็นแน่ เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่คนที่โง่เขลาก็พอจะสามารถเดาได้ว่าโรงประมูลเจียเต๋อจะเลือกตรวจสอบสินค้าในห้องเก็บสินค้าของพวกเขาเมื่อใด”

ชายร่างสูงพยักหน้าและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ดีดนิ้ว และชายในชุดสูทสีดำอีกคนหนึ่งก็เดินออกมา “คุณกู่”

“เตรียมการทุกอย่างที่จำเป็น และตรวจสอบสถานะการโอนเงิน” ชายร่างสูงเอนหลังพิงพนักตามเดิม “สุดท้ายแล้ว ผมก็ไม่สามารถพูดได้จริง ๆ ว่าตัวเองไม่สนใจถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสี”

ห้อง B111 ห้องพักของหนึ่งใน 50 ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในจีน หยุนเทียนฝาง ประธานของประธานกลุ่มบริษัทสุราและสินค้ามีระดับ

“อีกแค่สองวันเท่านั้น” หญิงสูงวัยที่มีใบหน้างดงามหยิบท่อยาสูบขึ้นมา สูดควันเบาๆและพ่นมันออกมาขณะที่เอ่ยต่อ “คุณจู ไปตรวจดูให้แน่ใจว่าเงินที่โอนมาถึงแล้วหรือยัง หากยังบอกให้พวกเขารีบทำการทันที หากเงินมาไม่ถึงก่อนที่งานประมูลจะเริ่มขึ้น คุณสามารถไล่คนของทั้งแผนกการเงินออกไปให้หมดได้เลย”

A172, B322, A117, B451… คำพูดที่คล้ายกันแน่ดังไปทั่วทั้งเรือโดยไม่มีข้อแม้ และเหล่าเศรษฐีผู้ร่ำรวยทั้งหมดที่พักอยู่ภายในห้องเหล่านี้ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

เพราะอย่างไรแล้ว งานประมูลก็คือสนามรบสำหรับพวกเขา ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับผู้ที่ใช้จ่ายเงินมากที่สุด !

แต็ก แต็ก แต็ก แต็ก …เสียงกดแป้นพิมพ์อย่างดุเดือดดังขึ้นทั่วทุกห้อง ทุกคนต่างรีบตรวจสอบสภาพคล่องของเงินของพวกตนที่จะใช้ในการประมูลที่จะถึง

ฉินเย่เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นสำหรับเรื่องนี้

“สุดท้ายเขาก็ทำมัน” ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ “เขาเริ่มนึกกลัวขึ้นมาแล้วอย่างนั้นหรือ ? หรือว่าเขาตระหนักได้แล้วว่าโอดะโนบูนางะมาจากยุคสมัยไหน ? ข้าหมายถึง เขารู้หรือเปล่าว่าผีอายุ 400 ปีมันเป็นอย่างไร ?”

“เขาต้องการประมูลถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีออกไปให้ได้เร็วที่สุดเพื่อที่จะนำตัวเองออกจากการตัดสินใจก่อนหน้า ข้าต้องขอบอกเลยว่าเขาไม่ใช่คนโง่เลยสักนิด”

“แล้วเราจะทำอย่างไร ?” หมิงชีหยินถาม

ฉินเย่เลียริมฝีปากอย่างละโมบ “แน่นอน พวกเราจะก็สู้แบบซึ่ง ๆ หน้า”

“ไม่คิดเลยว่าจะต้องใช้วิธีนี้จริง ๆ แต่ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี” เขาลุกขึ้นยืนและมองไปยังสุดขอบฟ้าที่ห่างออกไป “ข้าเริ่มจะได้กลิ่นเหม็นมาจากทางช่อบแคบสึชิมะแล้ว มันคือกลิ่นของอะซะอิ นะงะมะซะที่ผู้ฝักมานานหลายร้อยปี”

ฉินเย่หยิบแล็ปท็อปของตนขึ้นมาและเข้าไปดูบัญชีของตน ก่อนที่เขาจะพบว่าเงินที่เพิ่งโอนจากทางกลุ่มบริษัทเครื่องเรือนจักรพรรดิเพิ่งมาถึงเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว เวลาเดียวกันกับการต่อสู้ที่ห้องเก็บสินค้าพอดี

เงิน 3,000 ล้านนั้นเป็นจำนวนเงินมหาศาล แม้แต่ฉินเย่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มีเงินมากขนาดนี้

3,000 ล้านหยวน ! โรงประมูลเจียเต๋อประเมินราคาของถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีไว้ที่ 1.5 ล้านหยวน แต่นี่เรากำลังพูดถึงสมบัติระดับชาติ ! มันไม่มีจุดสิ้นสุดของราคา ! เพราะอย่างไรแล้ว มหาเศรษฐีทุกคนที่เข้าร่วมงานประมูลนี้ต่างก็เป็นผู้นำอุตสาหกรรมของตัวเองทั้งสิ้น เงิน 3,000 ล้านหยวนอาจจะเป็นจำนวนเงินที่มาก แต่ฉินเย่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้

ในขณะเดียวกัน เงินที่โอนมานั้นมาพร้อมกับข้อความจากเกาโย่วเหลียง โดยระบุไว้ว่ารายการของที่เขาขอ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุก่อสร้าง ของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน หรือสายการผลิตต่าง ๆ ทั้งหมดถูกเตรียมไว้ให้หมดแล้ว และมันก็ถูกเก็บไว้ที่โกดังแห่งหนึ่งในตงไห่ ฉินเย่สามารถไปรับของได้ตลอดเวลา นอกจากนี้อีกฝ่ายยังเป็นคนจ่ายค่าเช่าโกดังจำนวน 200,000 หยวนให้เขาอีกด้วย

ฉินเย่พึงพอใจกับประสิทธิภาพในการจัดการของอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก

การเสร็จสมบูรณ์ของการทำธุรกรรมกับทางเกาโย่วเหลียงทำให้การเดินทางมาที่ตงไห่ในครั้งนี้ของเขาคุ้มค่า ความคืบหน้าในการสร้างยมโลกขึ้นมาใหม่จะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้า

ทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบหากเขาสามารถกลับไปพร้อมกับถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสี

“มาถึงขนาดนี้แล้ว เราไม่สามารถปล่อยให้ถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีตกไปอยู่ในมือของคนอื่น” ฉินเย่ปิดแล็ปท็อปของตนและจุดบุหรี่ขึ้นสูบ

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

ฉินเย่เปิดประตูและเขาก็พบว่าไป๋อี้ชานยืนอยู่หน้าห้องพร้อมกับสีหน้าขอโทษ เขาถูมือของตัวเองเบา ๆ และถามว่า “คุณฉิน ผมขอคุยอะไรเป็นการส่วนตัวหน่อยได้หรือเปล่าครับ ?”

ฉินเย่เลิ่กคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ แต่เขาก็อนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามาในห้อง เมื่อทั้งคู่นั่งลง ไป๋อี้ชานก็ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและอธิบาย “คุณฉิน ผมรู้นะครับว่าสิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อจากนี้อาจจะทำให้คุณไม่พอใจ แต่ผมก็อยากให้คุณเข้าใจ ผมไม่ได้พูดด้วยความต้องการของผมเอง ทุกอย่างที่ผมกำลังจะพูดล้วนเป็นคำสั่งของหัวหน้าใหญ่ชูทั้งสิ้น ผมไม่สามารถขัดเขาได้”

“คุณพูดมาตามตรงได้เลย” ฉินเย่พ่นควันบุหรี่ออกมาและเอ่ยตอบเสียงเรียบ “ผมรู้ถึงสถานการณ์ของคุณตอนนี้ดี”

ทว่าประโยคต่อมาของอีกฝ่ายกลับทำให้ไป๋อี้ชานรู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก “แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องเข้าใจหรือยอมผ่อนปรนให้คุณแต่อย่างใด”

“หัวหน้าใหญ่ชูได้สร้างความไม่พอใจให้เหล่าผู้มีอิทธิพลบางกลุ่ม นี่คือคำแนะนำจากผม รีบลาออกทันทีที่งานประมูลจบลง ปิดฉากเกี่ยวกับโรงประมูลเจียเต๋อ และไปอยู่ให้ห่างจากพวกเขาที่สุดเท่าที่จะทำได้ โรงประมูลเจียเต๋อเหลือเวลาอีกไม่นานเท่าไหร่แล้ว”

ไป๋อี้ชานพยักหน้าโดยไม่ลังเล และอาศัยจังหวะนี้เอ่ยขึ้น “คุณฉินครับ… หัวหน้าใหญ่ชู… เขาหวังว่าแขกที่รู้เรื่อง… รู้ความจริงเกี่ยวกับถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่เช่นนั้น…”

ด้วยท่าทีของอีกฝ่าย ฉินเย่ก็เข้าใจทันทีว่าคนตรงหน้าต้องการจะสืออะไร “ผมเข้าใจแล้ว เชิญคุณออกไปได้”

“คุณฉิน เชื่อผมนะครับ ผมแค่มาที่นี่ในฐานะกระบอกเสียงเท่านั้น และผมไม่ได้มีเจตนาอะไรพวกนี้เลยสักนิดเดียว”

ฉินเย่โบกอย่างไม่สนใจและเชิญให้อีกฝ่ายออกจากห้อง เขาไม่ได้โมโหจนต้องระบายความโกรธลงกับผู้ส่งสารคนหนึ่ง

ทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบอีกครั้ง

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ฉินเย่ก็เอ่ยออกมาว่า “ผู้ที่เบียดเบียนผู้อื่นย่อมประสบแต่ความทุกข์ยากอย่างใหญ่หลวง”

“แต่ช่างมันเถอะ”

“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผล การเล่นไปตามพวกเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะเราก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าตัวเองจะไม่สามารถประมูลถ้วยมาได้ด้วยเงิน 3,000 ล้านหยวน !”

……

เรือสำราญยังคงอยู่ภายในเขตน่านน้ำของจีน

มันทอดสมออยู่ในจุดซึ่งล้อมรอบไปด้วยผืนน้ำกว้าง ดวงอาทิตย์ในยามเช้าตรู่แต่งแต้มพื้นผิวของเรือสำราญด้วยประกายสีทอง และทำให้น้ำทะเลสีฟ้าระยิบระยับราวกับคริสตัล ทุกอย่างดูราวกับความฝันและอยู่เหนือความเป็นจริง

พรึ่บ พรึ่บ …ไม่มีผู้ใดสังเกตเลยว่านกทะเลจำนวนหนึ่งที่เกาะอยู่บริเวณดาดฟ้าของเรือได้กระพือปีกอย่างสง่างามและบินไปยังปลายสุดของขอบฟ้า

ความเร็วเริ่มต้นของมันไม่ได้เร็วมากนัก ทว่ายิ่งพวกมันบินออกห่างจากเรือมากเท่าไหร่ ความเร็วของพวกมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ! ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นจนขนของมันเริ่มหลุดออกจากร่าง จนกระทั่งเผยให้เห็นร่างจริงของนกโครงกระดูกที่ห่อหุ้มด้วยพลังหยิน มันส่งเสียงร้องดังลั่นขณะบินไปหาเป้าหมาย

หลังจากผ่านไปประมาณสองสามชั่วโมง นกโครงกระดูกก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบนเกาะแห่งหนึ่ง

เกาะแห่งนี้ค่อนข้างแปลกประหลาดจากเกาะทั่วไป มันเหมือนกับว่าแสงของดวงอาทิตย์นั้นฉายมาไม่ถึง แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า แต่เกาะทั้งเกาะกลับถูกปกคลุมไปด้วยความมืด แทบจะเหมือนกับว่ามีหมอกดำหนาปกคลุมทั้งเกาะอยู่ ผู้ที่เข้าใกล้เกาะในระยะหลายร้อยเมตรจะสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่ไม่ปกติที่เล็ดลอดออกมาจากเกาะ

พรึ่บ พรึ่บ …นกโครงกระดูกตรงเข้าไปในหมอกดำที่ห้อมล้อมเกาะ หมอกดังกล่าวได้ปกคลุมช่องแคบที่ตัดผ่านเกาะ ซึ่งมีเรือหลายลำจอดทอดสมออยู่

เรือรบหุ้มเกราะ

นี่คือเรือที่มักจะเห็นในการต่อสู้ทางเรือในยุค 1800 แต่ล้าสมัยมากแล้วสำหรับสงครามทางทะเลสมัยใหม่ นอกจากนี้ เรือรบหุ้มเกราะพวกนี้ยังเป็นกองเรือหลักของญี่ปุ่นในช่วงสงครามญี่ปุ่น-ชิงอีกด้วย และขณะนี้มันก็มีเรือชนิดนี้ทั้งสิ้นสองลำทอดสมออยู่ข้าง ๆ กัน

ไม่มีร่องรอยของผู้มีชีวิตให้เห็นบนดาดฟ้าของเรือทั้งสอง แต่แสงของพวกมันกลับถูกเปิดอยู่ ราวกับว่าพวกมันคือเรือผีสิงที่กำลังรอบางสิ่งบางอย่างอยู่ภายในหมอกที่มืดมิดไม่มีผิด

นกโครงกระดูกลงจอดในที่สุด พวกมันโฉบลงไปบนเรือและบินผ่านทางเดินที่ว่างเปล่า ชุดเกราะและเสื้อผ้ามากมายปรากฏให้เห็น และขณะที่มันบินเข้าไปใกล้ประตูของห้องที่อยู่ปลายสุดของทางเดิน บานประตูก็พลันเปิดออกด้วยตัวเองราวกับจะเชื้อเชิญมันให้เข้าไป ทำให้นกโครงกระดูกบินไปเกาะอยู่ที่มือซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยชุดเกราะสีขาว

“เช่นนั้นหรือ ?” เสียงของชายคนหนึ่งดังก้องไปทั่วทุกมุมของห้อง ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็เอ่ยเสริม “พวกมันเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้น ? และยังไม่แม้แต่จะเดินทางมาที่ช่องแคบสึชิมะ ? ‘เหตุไม่คาดคิด’ ที่พวกมันว่านั้นคืออะไร ? เจ้าไม่รู้ ? เช่นนั้น… การเก็บเจ้าไว้จะมีประโยชน์อะไรกัน ?”

ฟึ่บ !

มือสวมเกราะกำเข้าหากันแน่นอย่างไร้ความปราณี ทำให้นกโครงกระดูกกลายเป็นเพียงกลุ่มก้อนพลังหยินที่กระจายหายไปทันที

ชายเจ้าของเสียงลุกขึ้นยืนและมองออกไปนอกหน้าต่าง จากมุมมองของเขา ดาดฟ้าเรือทั้งหมดนั้นเต็มไปด้วยทหารราบไร้หัว พลธนูและทหารม้าเกราะแดงที่กำลังเข้าแถวรอรับคำสั่งจากเขาอยู่

จำนวนของพวกเขานั้นมีมากมาย นอกจากนี้มันยังมีเครื่องบินกระดาษอีกเกือบพันลำที่บินไปมาอยู่บนท้องฟ้า ทั้งกองกำลังปกคลุมไปด้วยพลังหยินอันไร้ขอบเขต หนาแน่นดั่งน้ำหมึกและม้วนไปมาราวกับกระแสน้ำ

สายลมเย็นยามเช้าพัดผ่าน แต่มันกลับไม่สามารถสลายกลุ่มพลังหยินที่หนาแน่นในพื้นที่บริเวณนี้ได้เลยสักนิด ธงมากมายหลายผืนถูกชูสูง ไม่ว่าจะเป็นธงพระอาทิตย์ของตระกูลริวโซจิ[1] ธงดำของตระกูลคุโรดะ[2] สัญลักษณ์ไม้กางเขนของตระกูลชิมาซุ[3] สัญลักษณ์ของตระกูลร็อคคาคุ[4] และธงเหรียญหกเหรียญของตระกูลซานาดะ[5] กลุ่มแทบทุกกลุ่มที่มีชื่อเสียงในยุคสงครามระหว่างแคว้นล้วนมารวมตัวกัน ณ ที่นี่ตอนนี้ !

“ในเมื่อพวกมันไม่ยอมมาหาเรา เราก็จะเป็นฝ่ายไปหามันแทน” ดวงตาสีแดงสองดวงวาวโรจน์ขึ้นภายใต้หมวกนักรบโบราณ “มันคือโอกาสที่หาได้ยากยิ่งที่กองกำลังทั้งหมดในสมัยนั้นจะมารวมตัวกันที่นี่ พวกเราจะยอมพลาดการปรากฏตัวของราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 อันเป็นที่รักของเราไปได้อย่างไร ?”

“โจรสลัดฮาจิมัง รีบระดมกองกำลังกัปปะทันที ! ข้า อะซะอิ นะงะมะซะ อดทนรอมาเป็นเวลากว่า 400 ปีเพื่อวินาทีแห่งการแก้แค้นนี้… ทั้งสำหรับความตายของข้า… ลูกชายของข้า… ข้าไม่สามารถรอนานกว่านี้ได้อีกแล้ว…”

“รับทราบ” เสียงที่น่าขนลุกดังตอบกลับมาจากในความมืดมิด และทันใดนั้นผิวน้ำที่อยู่โดยรอบเรือรบหุ้มเกราะผันผวนอย่างแปลกประหลาด ร่างสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนแหวกว่ายลงไปในน้ำลึกราวกับฝูงปลาปิรันย่าทันที

[1] กลุ่มเครือญาติชาวญี่ปุ่นที่สืบเชื้อสายมาจากจังหวัดฮิเซ็นบนเกาะคิวชู

[2] ตระกูลซามูไรญี่ปุ่น ซึ่งมีความโดดเด่นในช่วงช่วงเซ็งโงกุ โดยมีต้นกำเนิดในจังหวัดโทโทมิ

[3] ตระกูลไดเมียวที่ปกครองแคว้นซัตสึมะตั้งแต่ปี ค.ศ. 1601-1871

[4] ตระกูลซามูไรญี่ปุ่นที่พ่ายแพ้ให้กับโอดะโนบูนางะในปี ค.ศ. 1568

[5] ตระกูลที่มีอิทธิพลมาตั้งแต่ดั้งเดิม มีฐานที่มั่นอยู่ในพื้นที่เมืองซานาดะมาจิ

[6] ในความเชื่อของญี่ปุ่น ฮาจิมังโนคามิคือเทพแห่งการยิงธนูและสงคราม ผสมผสานความเชื่อจากทั้งศาสนาชินโตและศาสนาพุทธ เขามักจะได้รับการบูชาโดยเหล่าซามูไร สำหรับในนิยายเรื่องนี้ นี่คือชื่อของแม่ทัพผู้หนึ่งซึ่งจะถูกเปิดเผยชื่อในภายหลัง