บทที่ 250: การประมูลสมบัติของชาติ (1)

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 250: การประมูลสมบัติของชาติ (1)

“หวีผมให้เหมือนผู้ใหญ่แล้วก็ใส่สูทหล่อ ๆ…” ฉินเย่ฮัมท่วงทำนองที่แปลกหูออกมาขณะที่หวีผมของตัวเองอยู่หน้ากระจก นอกจากนี้มันยังมีโลชั่น มาสก์ ครีม และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอื่น ๆ วางอยู่ตรงหน้าของเขาอีกด้วย

หมิงชีหยินที่เห็นเช่นนั้นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป “เหตุใดเจ้าต้องทำตัวราวกับผู้หญิงเช่นนั้นด้วย ? ข้าไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดอาร์ทิสจึงบอกว่าเจ้าเป็นพวกบอบบาง”

“ข้าแค่เป็นคนเรียบร้อย” ฉินเย่ปรับเนคไทและจ้องมองตัวเองในกระจก หืม ? ไอ้หน้าหล่อนี่เป็นใครกัน ?

“เจ้ายังอยู่ในอารมณ์ที่จะมาทำอะไรแบบนี้ด้วยหรือ ?” หมิงชีหยินพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นว่าที่จ้าวนรกองค์ต่อไปกำลังยืนอยู่หน้ากระจกและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอีกมากมาย “หรือต่อให้เจ้ามีเวลามากพอ เจ้าก็ควรจะใช้มันไปกับการคิดถึงวิธีที่จะแย่งถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีมาจากฝูงหมาป่าที่หิวโหยพวกนั้นไม่ใช่หรือ ?”

ฉินเย่ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะทาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอีกตัวหนึ่งลงไปบนหน้า “ในเมื่อมีกติกา เราก็แค่เล่นไปตามกติกา ตอนนี้ในบัญชีของข้ามีเงินอยู่ 3,000 ล้าน มีสิ่งใดให้ต้องรีบกัน ?”

และขณะที่หมิงชีหยินกำลังจ้องหน้าเด็กหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ฉินเย่ก็เอื้อมมือไปหยิบกระจกโบราณและเริ่มมองเงาสะท้อนของตัวเองบนผิวกระจก… นี่มันบ้าอะไรเนี่ย ?!

เอาใหม่… มันมีบางอย่างที่ไม่สอดคล้องกันเท่าไหร่….

“อย่ามาทำให้กระจกที่บริสุทธิ์บานนี้ต้องแปดเปื้อนด้วยใบหน้าที่น่ารังเกียจของเจ้านะ !” หมิงชีหยินสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของฉินเย่และถอยห่างออกไปทันที จากนั้นไม่นานมันก็โน้มตัวเข้ามาและถาม “นี่ ข้าถามเจ้าจริง ๆ นะ เจ้าไม่รู้สึกอยากฆ่าเจ้าสารเลวชูนั่นบ้างเลยหรือ ?”

“นี่คือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงบอกว่าท่านไม่มีทางเป็นอะไรไปมากกว่าเครื่องประดับบนเสื้อผ้าของท่านเปา พูดกันตามตรงนะ หลังจากที่ได้ติดตามท่านเปามาเป็นเวลาหลายร้อยหลายพันปี อย่างน้อยที่สุด ท่านควรจะได้ตำแหน่งผู้ว่าราชการผู้ยิ่งใหญ่หรือข้าราชการชั้นผู้เยาว์แล้วไม่ใช่หรือ ! เหตใดท่านถึงไม่ลองคิดหาเหตุผลด้วยตัวเองดูเล่า ?” ฉินเย่ไล่นิ้วไปตามจอนของตัวเอง พึงพอใจเป็นอย่างมากกับรูปลักษณ์ของตัวเอง “หากไม่พูดถึงปากเหม็น ๆ ของท่าน ท่านเคยหยุดสังเกตและพิจารณามนุษย์ในฐานะของเผ่าพันธุ์หนึ่งบ้างหรือไม่ ?”

โดยไม่แม้แต่จะเว้นจังหวะ ฉินเย่เอ่ยต่อ “มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด แต่พวกเขาก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจและน่าหลงใหลเป็นอย่างมากเช่นกัน ทุกคนต่างมีมุมมองของตัวเอง และการกระทำและปฏิกิริยาของพวกเขาก็ย่อมไหลไปตามมุมมองพวกนี้ พวกเราไม่ได้ทำทุกอย่างเต็มที่อยู่ตลอดเวลา อย่างกรณีของข้า ข้าไม่มีทางเสียเวลาและแรงไปกับการเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณของหัวหน้าใหญ่ชู จดมันไว้ด้วย ข้าจะทดสอบท่านในภายหลัง”

ทดสอบบ้านเจ้าน่ะสิ !

เจ้ายังไม่ได้เป็นจ้าวนรกด้วยซ้ำ แต่กลับทำตัวเหมือนได้เป็นแล้วน่ะหรือ ?

แต่ก่อนที่หมิงชีหยินจะได้อ้าปากบ่นฉินเย่ เสียงประกาศก็ดังขึ้นผ่านระบบของเรือ “แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน การประมูลจะเริ่มขึ้นในอีก 30 นาที สำหรับผู้ที่สนใจกรุณาไปรวมกันที่ชั้นสาม ขอบคุณครับ”

ถึงเวลาแสดงแล้ว

รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเย่จางหายไป เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ และเดินไปที่ชั้นสามของเรือสำราญ ตลอดทางเดินไปที่ชั้นสามถูกปูด้วยพรมสีแดงหรูหราที่แสนนุ่ม ผู้ที่ยืนเฝ้าประตูทางเข้าของโถงจัดประมูลมีใบหน้าหล่อเหลาราวกับนักแสดง ความสูงของเขาประมาณ 1.8 เมตร และเขาก็สุภาพต่อแขกทุกคนอย่างไม่น่าเชื่อ

“คุณฉิน นี่คือป้ายหมายเลขของคุณครับ” ผู้เฝ้าประตูอีกคนหนึ่งยื่นป้ายหมายเลข 21 ให้กับฉินเย่

ประตูไม้ที่ใหญ่และหนักเปิดออกช้า ๆ สถานที่ประมูลนั้นดูน่าเหลือเชื่อมาก นอกเหนือจากเสียงดนตรีอันไพเราะที่ดังเป็นฉากหลังแล้ว ทั่วทั้งพื้นที่ก็ถือได้ว่าเงียบสนิท

เด็กหนุ่มมองไปรอบ ๆ มันสามารถพูดได้เลยว่าทางโรงประมูลเจียเต๋อเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการจัดงานประมูลอย่างแท้จริง ที่นั่งสำหรับผู้ร่วมประมูลนั้นตั้งอยู่ห่างจากกันพอสมควร ในขณะที่แต่ละที่มีที่นั่งอยู่มากกว่าหนึ่งที่

ทั่วทั้งสถานการณ์ถูกสร้างราวกับโถงระเบียงขนาดใหญ่ ในขณะที่ที่นั่งทั้งหมดถูกจัดอยู่ในรูปแบบเดียวกัน เก้าอี้หรูที่เหมาะกับประธานถูกวางอยู่ตรงกลางและถูกล้อมรอบโดยโต๊ะตัว U และเก้าอี้อีกสี่ตัวที่วางเสริมอยู่ทั้งสองฝั่งของโต๊ะ

พวกนี้คือที่นั่งสำหรับคณะทำงาน

สำหรับการประมูลที่มีมูลค่าสูงเป็นพิเศษ การเพิ่มเงินประมูลแต่ละครั้งถือเป็นเรื่องที่จริงจังเป็นอย่างมาก และมันก็อาจจะเกี่ยวข้องกับการขายหรือเก็บทรัพย์สินในมือของพวกเขาทั้งสิ้น เพราะอย่างไรแล้ว ผู้เข้าร่วมประมูลทุกคนต่างก็เป็นมหาเศรษฐีผู้ซึ่งมีทรัพย์สินซ่อนอยู่ทั่วทุกมุมของโลก และมันก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะมีผู้ช่วยซึ่งช่วยประเมินมูลค่าเกี่ยวกับจำนวนเงินที่พวกเขาสามารถใช้ประมูลได้แบบเรียลไทม์

สถานที่จัดประมูลนั้นกว้างมาก และมันก็มีที่นั่งแบบนั้นอีกมากกว่า 40 ที่ นอกจากนี้ มันยังมีเวทีสีแดงที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของโถงอีกด้วย

เวทีถูกตกแต่งด้วยมนต์เสน่ห์ของแผ่นดินจีนโบราณ รวมถึงลายสลักที่ประณีตซึ่งอยู่ทางทั้งสองฝั่งของเวทีอีกด้วย โต๊ะและเก้าอี้บนเวทีทั้งหมดต่างเป็นของตกแต่งโบราณ ในขณะที่หน้าจอ LED ขนาดใหญ่ฉายภาพของสิ่งประดิษฐ์มีค่าซึ่งถูกขายไปในงานประมูลครั้งก่อน กลุ่มทหารรับจ้างพร้อมอาวุธครบมือแต่งตัวด้วยเครื่องแบบลายพรางยืนคุมอยู่รอบ ๆ จุดสำคัญภายในงาน

ฉินเย่หาที่นั่งของตนเองและนั่งลง เขาไม่ได้มีผู้ช่วยมาด้วยแม้แต่คนเดียว เด็กหนุ่มหันไปคุยกับผู้ช่วยในการประมูลของเขาบ้างเล็กน้อย และเขาก็ได้รู้มาว่ามีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้มีผู้ติดตามมาด้วย

ไม่สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นของผู้คนที่อยู่โดยรอบ เขายกถ้วยน้ำชาของตนขึ้นมาจิบ ด้านหน้าของเขายังมีขนมทานเล่นถูกตัดวางอยู่ตรงหน้าอย่างเป็นระเบียบอีกด้วย

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงเวลา 18.30 น. ดนตรีที่เล่นอยู่ก็หยุดลง และประตูทางเข้าของโรงประมูลก็ปิดลงเบา ๆ แสงไฟสลัวสว่างขึ้นและทั่วทั้งเรือสำราญก็แผ่บรรยากาศที่เหมือนกับเมืองที่ลอยอยู่ในทะเลออกมา

“สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน” ไป๋อี้ชานแต่งกายได้ชุดสูทจีนโบราณสีแดงสด เขาเดินขึ้นมาบนเวลาและโค้งคำนับคนทั้งหมด “ทางเราขอขอบคุณทุกท่านที่ยอมจัดตารางเวลาอันมีค่าของพวกท่านเพื่อให้เกียรติมา ในโอกาสนี้ โปรดรับคำขอโทษสำหรับการเปลี่ยนตารางเวลาในวินาทีสุดท้ายอีกครั้ง ทางโรงประมูลได้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงที่เกิดขึ้นที่ห้องเก็บสินค้า และนี่ก็ส่งผลให้ผู้ถือบัญชี VIP ระดับสูงของเราบางท่านไม่สามารถเข้ามาร่วมงานได้ทัน พวกเราต้องอภัยเป็นอย่างสูง และในเวลาเดียวกัน พวกเราของสาบานด้วยเกียรติของโรงประมูลเจียเต๋อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อรักษาความปลอดภัยของแขกทุกท่านของเรา”

ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับจากผู้ชม เว้นแต่เสียงกระซิบเบา ๆ ที่ดังขึ้นไปทั่ว ไป๋อี้ชานไม่ได้สนใจอะไรนัก เขาเชี่ยวชาญในงานประมูลพวกนี้อยู่แล้ว เหล่าผู้ชมควรจะทำอะไรอีก ปรบมือให้เขาสักนิด ?

“อย่างที่ทุกท่านได้ทราบ ในงานประมูลใหญ่ประจำฤดูร้อนของโรงประมูลเจียเต๋อของเราครั้งนี้จะมีการประมูลสมบัติที่ถือได้ว่าเป็นสมบัติระดับชาติ ของชิ้นนี้สมควรที่จะไปอยู่ในบ้านที่ดีกว่าโรงประมูลเจียเต๋อ ดังนั้นเราจึงต้องการจะหาเจ้าของที่เหมาะสมที่สุดให้กับมัน เชิญดู”

เขาหันหลังกลับไป และแสงไฟภายในห้องก็หม่นลงกว่าเดิม หน้าจอ LED เริ่มฉายภาพของลวดลายมากมายซึ่งค่อย ๆ บรรจบกันจนเป็นภาพของถ้วยโบราณที่มีรอยแตกใบหนึ่ง

มีบางอย่างผิดปกติ !

ฉินเย่หรี่ตาและสังเกตภาพอย่างละเอียด หูของเขาเปิดกว้างและไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงพูดคุยจากรอบข้าง

“เกิดอะไรขึ้น ?” หมิงชีหยินที่ถูกผูกไว้กับอกของฉินเย่ถามขึ้นอย่างสงสัย

ฉินเย่ส่ายศีรษะและมองไปยังไป๋อี้ชานด้วยแววตาประหลาดใจ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยออกมาว่า “พวกเขาต้องการประมูลถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีออกไปทันที ผู้เข้าร่วมประมูลคนอื่น ๆ เลยสังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้”

“เป็นไปได้อย่างไร ?!” หมิงชีหยินตกตะลึง “การเริ่มต้นการประมูลด้วยของแบบนี้ มันไม่เป็นไปตามวิถีของการประมูลเลยสักนิด !”

ฉินเย่ส่ายศีรษะ ในที่สุดเขาก็เข้าใจทุกอย่าง หัวหน้าใหญ่ชูเองก็หวาดกลัวเช่นกัน เพราะเขาเองก็ตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่าตัวเองได้สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มที่มีอำนาจและอิทธิพลบางกลุ่มเป็นอย่างดี ดังนั้นแทนที่จะเก็บถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีไว้เป็นของประมูลสุดท้ายเพื่อกระตุ้นความกระหายของคนทั้งหมด เขาเลือกที่จะเปิดการประมูลด้วยฉากอันยิ่งใหญ่และเสิร์ฟอาหารจานหลังเลยมากกว่า !

โง่ชะมัด… มุมปากของฉินเย่กระตุก คุณได้ก้าวล้ำเส้นของพวกเราไปแล้ว หากคุณกลัว คุณก็ควรจะถอยไปตั้งแต่ตอนนั้น หรือไม่ก็เสแสร้งและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติจนจบ ตอนนี้มันเห็นชัดแล้วว่าคุณกำลังพยายามทำให้ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจ แต่การกระทำของคุณมีแต่จะสร้างความขุ่นเคืองให้พวกเราเท่านั้น !

เพราะอย่างไรแล้วฉินเย่ก็ไม่มีทางหลงเชื่อ ‘ท่าทางจริงใจ’ ของอีกฝ่ายโดยเด็ดขาด ทาดายูกิ อิวาซากิ หรือยมทูตขาวดำทั้งสองจากภูเขาโคยะเองก็เช่นกัน

จากประสบการณ์ชีวิตอันมากมายของฉินเย่ มันย่อมหมายความว่าเขามีความเข้าใจในจิตใจของมนุษย์เป็นอย่างดี และเขาก็เข้าใจสิ่งที่ทำให้มนุษย์ขับเคลื่อนตัวเองไปข้างหน้าเป็นอย่างดีเช่นกัน

“ถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสี” เสียงของไป๋อี้ชานสั่นเทาเล็กน้อยขณะที่เขาเอ่ยชื่อของสินค้าประมูลออกไป เขาเอ่ยต่อด้วยเสียงที่แหบพร่า “มรดกตกทอดจากราชวงศ์ซ่งที่มีเพียงแค่สองชิ้นเท่านั้น ชิ้นหนึ่งตกอยู่ในมือของโทกูงาวะ อิเอยาซุ หนึ่งในชื่อที่ยิ่งใหญ่ในยุคสงครามระหว่างแคว้นของญี่ปุ่น ในขณะที่อีกชิ้นหนึ่งในภาพ ได้ถูกครอบครองโดยราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 โอด โนบูนางะและได้หายไปในเหตุการณ์ที่วัดฮนโนในเวลาต่อมา”

“ทุกคนต่างคิดว่ามันได้ถูกเผาไปแล้วในเหตุการณ์ครั้งนั้น แต่ด้วยความพยายามอย่างไม่ลดละของโรงประมูลเจียเต๋อ เราสามารถนำมันกลับเปิดเผยสู่สายตาของสังคมสมัยใหม่ได้อีกครั้ง !”

“ใช่ครับ มันอาจจะได้รับความเสียหาย แต่ร่องรอยความเสียหายนี้เองที่แบกรับประวัติศาสตร์อันมากมายเอาไว้ มันทำให้เราได้นึกถึงเหตุไฟไหม้ขนาดใหญ่ที่วัดฮนโนซึ่งเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ร่องรอยความเสียหายไม่ได้ทำให้มันดูน่ากลัวแต่อย่างใด แต่มันคือบาดแผลทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้มันพิเศษ ล้ำค่ายิ่งกว่าชิ้นที่ถูกจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ !”

แสงไฟสว่างขึ้น และน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาของไป๋อี้ชานก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ตอนนี้ ผมขอเชิญให้หัวหน้าใหญ่ของโรงประมูลเจียเต๋อของเรา หัวหน้าใหญ่ชูขึ้นมาแสดงสมบัติอันล้ำค่าเพียงชิ้นเดียวและชิ้นสุดท้ายของราชวงศ์ซ่ง สมบัติประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น รวมถึงสินค้าประมูลรายการแรกของเรา ถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสี !!”

ฮือฮา…

ถึงแม้ว่ามันจะพอเดาได้ แต่การเปิดตัวที่เร่าร้อนของไป๋อี้ชายก็สามารถทำให้ทั่วทั้งโถงประมูลตกอยู่ในความบ้าคลั่งได้สำเร็จ

มันเป็นเครื่องจริง ! พวกเขาเริ่มต้นด้วยของรายการสุดท้าย ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับโรงประมูลเจียเต๋อกัน ?!

และนั่นยังไม่ใช่จุดสำคัญ การเปิดการประมูลด้วยสมบัติระดับชาติหมายความว่าทุกคนที่เข้าร่วมงานประมูลยังมีเงินทุนอยู่อย่างเต็มที่ นี่จะต้องเป็นศึกประชันความรวยที่นองเลือดอย่างแน่นอน !

เสียงลมหายใจที่ติดขัดดังขึ้นให้ได้ยินไปทั่ว ชายที่นั่งอยู่ที่แถวหน้าสุดและแต่งกายด้วยชุดสีขาวนั่งตัวตรง เช่นเดียวกันกับหญิงชาวญี่ปุ่นที่นั่งอยู่ถัดจากเขา หากพูดกันตามจริง เวลานี้คนทั้งหมดต่างนั่งตัวตรง แม้แต่ผู้ที่นั่งอยู่ที่แถวที่สองหรือสามเองก็วางถ้วยชาของตนลงและตั้งใจฟังทันที

เหตุใดมันจึงถูกนำมาประมูลเร็วแบบนี้ ?

คำตอบนั้นถูกซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าพันแผลที่พันอยู่รองมือของหัวหน้าใหญ่ชูอย่างแน่นหนา ชายสูงวัยเดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับกล่องเวทมนตร์ เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บ คนทั้งหมดเลิ่กคิ้วขึ้นอย่างสงสัยทันที และพวกเขาก็เริ่มที่จะสามารถเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ห้องเก็บสินค้า

เขาไม่สามารถเก็บมันไว้กับตัวได้อีกต่อไป… เขาคงจะไปทำให้ใครบางคนไม่พอใจ… หรืออาจจะมีคนตามล่าเขา… เพราะสุดท้ายแล้ว มันก็เห็นได้ชัดว่าโรงประมูลเจียเต๋อจะไม่มีทางเปลี่ยนแผนการของตัวเองเช่นนี้หากพวกเขามีตัวเลือก !

“เขาตั้งใจที่จะซื้อความปลอดภัยของตัวเองด้วยสิ่งนี้” กลับมายังที่นั่งบริเวณแถวแรก อิวาซากิ เคียวยะหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยาม จิบชาของตัวเองและพึมพำเสียงเบา “แต่คุณแน่ใจหรือว่าความปลอดภัยที่คุณกำลังถามหานั้นมีค่าเพียงไม่กี่พันล้านหยวน ?”

“หนี้บุญคุณนั้นยากจะทดแทน แต่หนี้ความแค้นและความเกลียดชังนั้นกลับยากยิ่งกว่าที่จะลบเลือน” เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน “เป็นชาที่ดีจริง ๆ”

หัวหน้าใหญ่ชูไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขาเพียงเดินขึ้นมาบนเวทีและวางกล่องเวทมนตร์ลงบนโต๊ะเบา ๆ จากนั้นเขาก็กระแอมเบา ๆ และเอ่ยว่า “แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน กรุณารับคำขอโทษของผม มันเป็นเหตุที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องเก็บถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีไว้ภายในมาตรการป้องกันที่หนาแน่นที่สุดจนกว่าจะจบการประมูล เมื่อระบุตัวผู้ประมูลที่แน่นอนได้แล้ว ทางเราจะเปิดกล่องให้ยืนยันสินค้าทันที ผู้เปิดกล่องทั้งสามคนเองก็อยู่ที่นี่แล้วเช่นกัน”

ถ้วยปีศาจ… ความทรงจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่เขาได้ถ้วยใบนี้มาฉายขึ้นมาในความทรงจำอย่างรวดเร็ว พวกเขาเดินทางมาไกลมาก จากเมืองเยียนจิงมายังตงไห่ จากนั้นก็ขึ้นเรือมาจนถึงจุดนี้ และพวกเขาก็สูญเสียไปมากเช่นกัน… ทันใดนั้นเอง เสียงของเขาก็ติดขัดเล็กน้อย แต่ชายสูงวัยก็สามารถข่มความรู้สึกของตัวได้อย่างรวดเร็ว

มาไกลขนาดนี้แล้ว เขาจะยอมถอยกลับง่าย ๆ ได้อย่างไร ?!

ทุกอย่างที่เขาทำมาจนถึงตอนนี้ล้วนเพื่อโรงประมูลเจียเต๋อ นี่คือกระสุนปืนใหญ่ลูกสุดท้ายที่จะขับเคลื่อนให้โรงประมูลเจียเต๋ออยู่เหนือคู่แข่งทั้งหมด

เขาหันไปหาไป๋อี้ชาน สบตากับอีกฝ่าย หัวหน้าใหญ่ชูสูดหายใจเข้าช้า ๆ จากนั้นเขาก็เดินไปที่ด้านข้างของโต๊ะประมูล “ตอนนี้ มันถึงเวลาแล้วที่ผมจะประกาศว่า…”

“การประมูลใหญ่ประจำฤดูร้อนได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ !”

“ของรายการแรกของเราจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสี ราคาประมูลเริ่มต้นอยู่ที่ 1 พันล้านหยวน และการเพิ่มขึ้นแต่ละครั้งจะต้องไปต่ำกว่า 20 ล้านหยวน ขอเชิญผู้ที่สินใจทุกท่านร่วมเสนอราคาได้เลยครับ !”