ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 57
จื่ออานรู้สึกละอายใจเล็กน้อย “อันที่จริงแล้วข้าไม่รู้จักเวินอี้เลย และก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นคนสำคัญยังไง เดิมทีแค่คิดว่าไม่มีใครรู้จักนาง ข้าก็เลยอ้างชื่อขึ้นมาหลอกเฉย ๆ มันคือความผิดพลาดของข้าเอง”
“สิ้นคิด!” มู่หรงเจี๋ยถอนหายใจเสียงดัง แต่เขาก็รู้สึกสงสัยในทันที “เจ้าไม่รู้จักเวินอี้เลยสักนิดหรือ?”
“ข้ารู้ว่านางเป็นฮองเฮาของรัฐเหลียง และมีตำราที่มีชื่อเสียงชื่อว่า ตำราฝังเข็มทอง ซึ่งตำราเล่มนี้ตอนนี้อยู่ที่จวน”
มู่หรงเจี๋ยลุกขึ้นยืนในทันที “เจ้าว่าอย่างไรนะ? ตำราฝังเข็มทองอยู่ในจวนมหาเสนาบดีเหรอ?”
“ถูกต้อง มันอยู่กับท่านแม่ข้า” จื้ออานที่เห็นเขาตกใจแบบนั้นก็รู้สึกชั่งใจเล็กน้อย นางถามเพื่อหยั่งเชิงออกไป “ทักษะการฝังเข็มทองนี่มันเยี่ยมยอดมากเลยเหรอ?”
“เจ้าเรียนรู้ทักษะการฝังเข็มจากตำราเล่มนี้หรือไม่” มู่หรงเจี๋ยสบตานางแล้วถาม
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” จื่ออานตอบอย่างคลุมเครือ
มู่หรงเจี๋ยนั่งลง สีหน้าของเขาค่อย ๆ สดใสขึ้น “อืม!”
มู่หรงเจี๋ยไม่อาจควบคุมความตื่นเต้นจากก้นบึ้งของหัวใจได้ หากว่าทักษะทางการแพทย์ของนางในได้มาจากตำราฝังเข็มทองแล้วล่ะก็ เช่นนั้นแล้ว นางจะต้องสามารถรักษาอาซินได้อย่างแน่นอน
กี่คนแล้วที่พยายามตามหาทักษะการฝังเข็มทอง หลายสิบปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นโลกภายนอกหรือในโลกของวงการแพทย์ ต่างค้นหาว่าหนังสือเล่มนี้อยู่ที่ไหน แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะอยู่ในมือของหยวนซื่อ ใครจะไปคาดคิดกันเล่า?
“ต่อไปห้ามบอกกับใครทั้งสิ้นว่า เทคนิคการฝังเข็มทองอยู่ในมือของเจ้า” มู่หรงเจี๋ยกล่าวอย่างจริงจัง
จื่ออานไม่เข้าใจ “ทำไมกันเล่า?” ทักษะการฝังเข็มทองนั้นทรงพลังขนาดนั้นเลยเหรอ? ”
นางอ่านเพียงแค่สองหน้าแรกเท่านั้น และไม่ได้อ่านอย่างละเอียด ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าเนื้อหาที่บันทึกไว้ในตำราทักษะการฝังเข็มทองนั้นทรงพลังเพียงใด
“จดจำคำที่ข้าบอกไว้ก็พอ” มู่หรงเจี๋ยกล่าวเสียงแผ่วเบา
จื่ออานที่เห็นว่าเขาไม่ต้องการจะพูดอะไรอีก ก็ไม่ถามต่อ “เจ้าค่ะ!”
หลังเที่ยงคืนองค์จักรพรรดิเหลียงเริ่มมีไข้ และไข้สูงขึ้นเร็วมาก จื่ออานสั่งให้คนไปปรุงยาต้มสมุนไพรเพื่อใช้ลดไข้ จากนั้นก็นำเหล้าขาวดีกรีสูงมา ให้ขันทีใช้เช็ดร่างกายขององค์จักรพรรดิเหลียง เพื่อให้ตัวของพระองค์เย็นลง
องค์จักรพรรดิเหลียงไข้ขึ้นสูงจนไร้สติ จับมือจื่ออานไว้ ปากก็เอาแต่พูดชื่อ ๆ นึงออกมา จื่ออานได้ยินไม่ชัด เหมือนว่าจะเรียกชื่อหรูเอ๋อ หรือว่ายู่เอ๋ออะไรทำนองนี้
เขาดูเศร้ามาก กระทั่งในฝันเขายังร้องออกมาด้วยความกลัว ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
จื่ออานมองดูเขาด้วยความมึนงง ความฝันนี้คงจะโศกสลดมากแน่ ๆ
มู่หรงเจี๋ยถอนหายใจเบา ๆ จนแทบจะไม่ได้ยิน
จื่ออานหันหน้าไปมองเขา “ท่านอ๋อง?”
“เขาไม่เคยลืมมันได้เลย” มู่หรงเจี๋ยหันหลังกลับแล้วเดินลงจากศาลา เขานั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางที่ดูกลัดกลุ้มใจ
จื่ออานไม่กล้าถาม แต่ก็คาดเดาได้ว่า หรูเอ๋อ หรือ ยู่เอ๋อคนนี้ น่าจะเป็นคนรักขององค์จักรพรรดิเหลียง
คนรักของเขารังเกียจที่เขามีความพิการจึงจากเขาไปอย่างนั้นเหรอ? หรือเป็นเพราะนิสัยที่โหดร้ายของเขากันนะ?
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้จื่ออานได้จดจำตำนานจากอีกโลกมาบ้างแล้ว
ไข้ที่สูงค่อย ๆ ลดลงเมื่อใกล้ยามรุ่งสาง และองค์จักพรรดิเหลียงก็ผล็อยหลับไป
จื่ออานที่นั่งอยู่บนขอบเตียง มองดูใบหน้าที่หลับไหลขององค์จักรพรรดิเหลียง ที่จริงแล้วเขาดูหล่อเหลามาก มีส่วนที่คล้ายกับมู่หรงเจี๋ยอยู่ จำได้ว่าครั้งแรกที่เห็นเขา คือตอนที่เขาอยู่บนหลังม้าเขาแต่งชุดเจ้าบ่าวดูหยิ่งผยองเหมือนนกยูง ในตอนนั้นเพราะรู้สึกหมั่นไส้ จื่ออันจึงไม่อยากจะชายตาแล แต่ตอนนี้เขากำลังนอนป่วยอยู่บนเตียง ใบหน้าที่แลดูฮึกเหิมได้จางหายไป เป็นเพียงแค่คนไข้ธรรมดา ๆ คนนึง ลักษณะและอุปนิสัยของคนไข้ผู้นี้ดูเหมือนว่าจะโดดเด่นเสียจริง
ณ พระตำหนักโซ่วอันของหวงไท่โฮ่ว
หวงไท่โฮ่วไม่ได้นอนมาทั้งคืน ถือม้วนภาพวาดเอาไว้ในมือ เป็นภาพที่องค์จักรพรรดิเหลียงวาดให้พระนาง ในภาพวาด นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ ดูมีเมตตา รอยยิ้มช่างอ่อนโยน
“ตอนที่เขาวาดภาพนี้ให้ข้า เขาเพิ่งจะอายุสิบสามปี เขาบอกว่าในใจของเขา ข้านั้นดูใจดีเช่นในภาพวาดนี้ หวงไท่โฮ่วกล่าวกับกุ้ยไท่เฟย พลางก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาด้วย