ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 58
กุ้ยไท่เฟยอยู่เป็นเพื่อนพระนางทั้งคืน และไม่ได้นอนเช่นกัน นางส่งคนหลายกลุ่มออกไป แต่มู่หรงเจี๋ยอยู่ข้างกายเซี่ยจื่ออานตลอดเวลา หมดหนทางต้องยอมแพ้ไปโดยปริยาย ดังนั้นคืนนี้ หวงไท่โฮ่วจึงรู้สึกโศกเศร้า และเป็นกังวลมาก
โดยเฉพาะตอนนี้ที่ฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว ตามที่หมอหลวงกล่าว องค์จักรพรรดิเหลียงไม่อาจอยู่รอดจนถึงเช้าได้ แม้ว่ายังไม่มีรายงานการสิ้นพระชนม์ของเขาออกมา แต่ก็คงจะอีกไม่นาน
“ท่านพี่อย่าเศร้าไปเลย อาซินมีที่ของเขาที่จะต้องไป” กุ้ยไท่เฟยกล่าวปลอบประโลมอย่างไม่จริงใจ
หวงไท่โฮ่วถอนหายใจ “ข้าอยู่ในวังหลังนี้มาทั้งชีวิต จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าความเป็นตายขึ้นอยู่กับสวรรค์ลิขิตหาใช่คนไม่? กำหนดอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น เพียงแต่ถ้าข่าวแพร่ออกไปมันก็จะไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงของอาซิน เขาเรียกตัวผู้หญิงคนหนึ่งมาเพื่อส่งเขาจากไป มีหมอหลวงแต่กลับไม่ใช้ คนนอกจะพูดเช่นไร?”
กุ้ยไท่เฟยเหมือนนั่งอยู่บนเตียงตะปู เมื่อองค์จักรพรรดิเหลียงสิ้นพระชนม์ หัวหอกจะพุ่งตรงไปที่อาเจี๋ย
หวงไท่โฮ่วรู้ว่าใจนางคิดอะไรอยู่ และกล่าวเบา ๆ “น้องพี่ พี่สาวคนนี้ไม่โทษอาเจี๋ย ที่จริงเขารักอาซินมาก ถ้าต้องโทษใครสักคนก็คงต้องโทษเซี่ยจื่ออานที่หลอกลวงเขา”
กุ้ยไท่เฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เมื่อท่านพี่กล่าวเช่นนี้ น้องเองก็สุขใจยิ่ง”
“ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริง ๆ ข้าก็จะไม่ตำหนิอาเจี๋ย เขาเรียกข้าว่าเสด็จแม่ เจ้าคลอดเขาก็จริง แต่เขาก็ยังเป็นลูกของข้า และก็เป็นหลานของข้าด้วยเช่นกัน”
“ขอบคุณท่านพี่ที่เห็นอกเห็นใจ อาเจี๋ยมีท่านพี่ที่คอยดูแลเอาใจใส่เช่นนี้ ช่างเป็นบุญของเขาเสียจริง” กุ้ยไท่เฟยกล่าว
ฮวงไท่เฮาม้วนภาพกลับไป มองไปที่อีกด้านหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างเฉียบขาด “มานี่ซิ!”
ซุนกงกงเดินจากนอกประตูเข้ามา “ไทเฮาบ่าวมาแล้ว”
หวงไท่โฮ่วเช็ดน้ำตาออกจากหางตาของนาง และออกคำสั่งอย่างแน่วแน่ “เจ้าให้คนไปตรวจสอบสถานการณ์ขององค์จักรพรรดิเหลียง หากเขาสิ้นแล้วให้รีบนำตัวเซี่ยจื่ออานออกไปทันที ประทานเหล้าพิษแก่นาง ให้นางมีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ แล้วไปที่กรมราชทัณฑ์ประกาศพระราชกฤษฎีกาของข้า ดำเนินเรื่องขององค์จักรพรรดิเหลียงที่สิ้นพระชนม์ ให้กรมพิธีกรรมร่างชื่อมรณะกรรมและตำแหน่ง“
คำพูดประโยคสุดท้ายของนาง พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ ดูเหมือนว่าในชั่วข้ามคืนนางจะแก่ขึ้นมาก
กงกงรับคำสั่งอย่างสลดใจ “พ่ะย่ะค่ะ!”
“นำคนไปให้เยอะ ๆ ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิอาจไม่ยินยอมให้เจ้าพาตัวเซี่ยจื่ออานไป แต่ว่าเจ้าต้องพาตัวนางออกไปให้ได้” หวงไท่โฮ่วสั่งเสียงดัง
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ซุนกงกงพาคนไปที่พระตำหนังฉางเชิง เป็นองครักษ์ในวังยี่สิบนาย เดินไปอย่างองอาจน่าเกรงขาม
เมื่อมาถึงพระตำหนักฉางเชิง หนี่หรงก็เดินขึ้นไป “กงกงพาคนมาที่นี่มากมาย มีเรื่องอันใดหรือท่าน?”
ซุนกงกงกล่าว “ท่านหนี่หรง หวงไท่โฮ่ขอให้บ่าวเข้ามาดูพระอาการของฝ่าบาท”
มู่หรงเจี๋ยลืมตาขึ้นช้า ๆ “เจ้าเข้ามาดูคนเดียวก็พอส่วนคนอื่น ๆ ให้รออยู่ด้านนอก ไม่อนุญาตให้เข้ามา”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ซุนกงกงที่เข้ามาน้อมทักทายฮองเฮาก่อน จากนั้นก็ตามด้วยผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ
ฮองเฮาตื่นขึ้นในยามรุ่งสาง และอยู่เคียงข้างองค์จักรพรรดิเหลียงตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าพระอาการขององค์จักรพรรดิดีขึ้น นางก็วางใจลง
เห็นซุนกงกงมาถึง นางก็เรียกเขาเข้ามา “กลับไปรายงานเสด็จแม่ บอกว่าพระอาการขององค์จักรพรรดิเหลียงดีขึ้นมากแล้ว หายใจก็คล่องขึ้นมากเช่นกัน”
ซุนกงกงก้าวไปข้างหน้าอย่างประหลาดใจ มององค์จักรพรรดิเหลียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาหลับอยู่ แต่สีหน้าดีขึ้นมากจริง ๆ และการหายใจของเขาก็ดูจะไม่ลำบากเหมือนเมื่อคืน
ซุนกงกงหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจ “ฝ่าบาทดีขึ้นแล้วจริง ๆ ใช่ไหม พ่ะย่ะค่ะ?”
“ดีขึ้นมากแล้ว” ฮองเฮากล่าวปลอบโยน
ซุนกงกงกล่าวต่อ “ไทเฮานอนไม่หลับเลยทั้งคืน และยังคงร้องไห้กับภาพวาดที่องค์จักรพรรดิเหลียงวาดให้พระนาง หากตอนนี้พระอาการของฝ่าบาทดีขึ้นแล้ว พระนางจะต้องมีความสุขมากเป็นแน่”
มู่หรงเจี๋ยที่ยังคงดูเฉยเมยเช่นเดิมกล่าวขึ้นมา “ซุนกงกง ท่านกลับไปหาหวงไท่โฮ่วก่อนเถิด บอกกับพระนางว่าองค์จักรพรรดิเหลียงดีขึ้นมากแล้ว”
ซุนกงกงปาดน้ำตาและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว: “ใช่ ใช่พ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะไปรายงานข่าวดีนี้ก่อน”