ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 59
แม้ว่าหวงไท่โฮ่วได้วางแผนสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว แต่ว่าพระนางก็ยังมีความหวังเล็ก ๆ อยู่ภายในใจ แม้ว่าจะก็รู้สึกว่าความหวังนี้มันช่างริบหรี่มาก แต่องค์จักรพรรดิเหลียงเป็นหลานชายที่พระนางรักมากที่สุด เมื่อคิดว่าเขากำลังจะตาย ในใจก็รู้สึกเหมือนมีมีดกรีดเฉือนอยู่
ขณะที่กำลังรู้สึกเจ็บปวด ก็เห็นซุนกงกงรีบวิ่งเข้ามาและตะโกน: “ไทเฮา ไทเฮา องค์จักรพรรดิเหลียงดีขึ้นแล้ว พระอาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว”
หวงไท่โฮ่วยืนขึ้นอย่างกะทันหัน พระพักตร์ของพระนางแลดูเบิกบานในทันที “จริงหรือ?”
“จริง พ่ะย่ะค่ะ” ซุนกงกงคุกเข่าลง “บ่าวเห็นด้วยตาของบ่าวเอง สีหน้าของฝ่าบาทดีขึ้นมาก หายใจได้คล่องขึ้นจริง ๆ เหมือนแค่หลับไปยังไงยังงั้น”
หวงไท่โฮ่วรีบกล่าว: “เร็วเข้า เตรียมเกี้ยว ข้าจะไปดูสักหน่อย”
พูดพลาง แล้วก็กลับไปพูดกับกุ้ยไท่เฟย “เจ้าก็ไปกับข้าด้วยสิ ดูเหมือนว่าเซี่ยจื่ออานผู้นั้น จะมีความสามารถบางอย่างจริง ๆ”
ใบหน้าของกุ้ยไท่เฟยซีดเซียว เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมายังไง นางก็ไม่ยินดียินร้ายทั้งนั้น เพราะถ้าเซี่ยจื่ออานรักษาองค์จักรพรรดิเหลียงได้ ก็หมายความว่านางจะได้อภิเษกสมรสกับมู่หรงเจี๋ย
แต่ถ้าเซี่ยจื่ออานไม่สามารถรักษาองค์จักรพรรดิเหลียงได้ มันก็จะส่งผลร้ายต่อมู่หรงเจี๋ย
ดังนั้นอารมณ์ของกุ้ยไท่เฟยในตอนนี้จึงมีความขัดแย้งกันเป็นอย่างมาก นางหวังว่าลูกสะใภ้ที่นางต้องการนอกจากจะต้องเป็นเป็นทายาทของตระกูลที่ทรงอิทพลแล้ว ยังต้องเป็นสตรีที่มีความสามารถ และคุณธรรมอีกด้วย เพื่อให้มู่หรงเจี๋ยได้รับการสนับสนุนจากตระกูลของฝ่ายหญิง
อย่างไรก็ตาม เซี่ยจื่ออานไม่ได้มีครบทุกอย่าง ประการแรก นางเคยอภิเษกสมรสกับองค์จักรพรรดิเหลียงมาแล้ว ย่อมเสื่อมเสียชื่อเสียง ประการที่สอง นางไม่ได้รับความโปรดปรานจากจวนมหาเสนาบดี และท่านมหาเสนาบดีเห็นนางเป็นเพียงสิ่งของไร้ค่าที่พร้อมจะสละได้ทุกเมื่อ ดังนั้นแม้ว่านางจะอภิเษกสมรสกับอาเจี๋ย แต่นางก็จะไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงใจจากท่านมหาเสนาบดีอยู่ดี สุดท้ายแล้ว สิ่งที่สตรีนางหนึ่งพึงเรียนรู้ก็คือหลักคุณธรรมของหญิงที่ดี สตรีที่รู้ทักษะทางการแพทย์ถูกลิขิตให้มีชีวิตที่ยุ่งเหยิง
นางไม่อาจรับลูกสะใภ้เช่นนี้ได้
ดังนั้น เซี่ยจื่อออานจะต้องตาย นางตัดสินใจอย่างโหดร้าย
เกี้ยวถูกยกไปที่พระตำหนักฉางเชิง ยังไม่ทันจะเข้าไป หวงไท่โฮ่วก็กล่าวขึ้นมา “วางเกี้ยวลง ข้าจะเดินเข้าไปด้วยตนเอง”
ซุนกงกงช่วยพยุงนางลงมา ยังไม่ทันจะยืนทรงตัวให้ดีนางก็รีบเดินเข้าไปข้างใน
“เสด็จแม่ เหตุใดท่านถึงมาที่นี่ด้วยตนเองเล่า?” ฮองเฮารีบเข้าไปต้อนรับ
หวงไท่โฮ่วเพ่งมองไปที่ด้านใน ดูเหมือนว่าองค์จักรพรรดิเหลียงจะตื่นขึ้นหลังจากที่ซุนกงกงจากไป จื่ออานเพิ่งจะเช็ดหน้าให้เขาเสร็จ และนางยังได้โกนหนวดเคราให้เขาจนเกลี้ยงเกลา ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาดูเรียบร้อยและเป็นระเบียบมาก ชำระล้างใบหน้าที่แลดูเจ็บป่วยออกไปจนสิ้น
หวงไท่โฮ่วเห็นดังนั้นแล้ว หยาดน้ำตาแห่งความปิติก็ไหลพรั่งพรูออกมา “ดีมาก ช่างดีจริง ๆ”
นางโบกมือให้ซุนกงกง “เร็วเข้า พาข้าเข้าไปข้างใน”
ซุนกงกงยิ้มและกล่าว “ค่อย ๆ เดิน พ่ะย่ะค่ะ ระวังตรงบันไดหิน”
จื่ออานคุกเข่าลง “หม่อมฉันเซี่ยจื่ออานขอถวายบังคม หวงไท่โฮ่ว”
“เจ้าลุกขึ้นเถิด เจ้ามีความดีความชอบ ลุกขึ้นเร็วเข้า” หวงไท่โฮ่วมีความสุขมาก จนลืมไปว่าเมื่อคืนนี้พระนางได้ปฏิบัติกับจื่ออานเช่นไร
จื่ออานกล่าวขอบคุณ นางยืนขึ้นและรออยู่ข้าง ๆ
หวงไท่โฮ่วนั่งบนเตียงและจ้องไปที่องค์จักรพรรดิเหลียง เขาอยากจะเงยหน้าขึ้น แต่ก็ถูกจื่ออานหยุดไว้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เคลื่อนไหวตามอำเภอใจไม่ได้นะเพคะ”
องค์จักรพรรดิเหลียงกลอกตามอง “ไม่เป็นไรหรอกน่า มากเรื่องเสียจริง”
หวงไท่โฮ่วดุเขา: “อย่าพูดจาไร้สาระ ฟังคำพูดของหมอเถิด”
ทุกคนมองดูฮวงไทเฮาด้วยความประหลาดใจ เกือบจะคิดว่าพวกเขาได้ยินผิด
องค์จักรพรรดิเหลียงหัวเราะเริงร่า “เสด็จย่า อย่าคิดว่าหลานคนนี้จะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกท่านพูดกันเมื่อคืนนี้นะ”
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ องค์จักรพรรดิเหลียงได้ยินทุกคำพูดรุนแรงที่พระนางกล่าวกับจื่ออาน
เมื่อเห็นว่าเขากระฉับกระเฉงเช่นนี้ หวงไท่โฮ่วก็สุขใจยิ่งนัก และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก็ย่าไม่รู้นี่ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ก่อนหน้านี้ย่าไม่รู้ว่าทักษะทางการแพทย์ของจื่ออานนั้นเยี่ยมยอดถึงเพียงนี้ หากย่ารู้ ย่าจะไม่พูดอย่างนั้นแน่นอน งั้นย่าก็ขอโทษจื่ออานให้แล้วกัน”