ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 60
พูดพลาง ก็หันไปพูดกับจื่ออานจริง ๆ “จื่ออาน ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย เมื่อคืนที่ข้าสงสัยในคำพูดของเจ้า อย่าได้เก็บเอาไปใส่ใจเลย ให้อภัยข้าได้หรือไม่?”
จื่ออานตะลึงงัน การปฏิบัติก่อนหน้านี้กับตอนหลังช่างแตกต่างกันมาก ตามไม่ทันกันเลยทีเดียว
จื่ออานเพิ่งจะคิดว่า หวงไท่โฮ่วเป็นคนที่เอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ เผด็จการ ดื้อรั้น และรักศักดิ์ศรี จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นหญิงชราที่รู้ความผิดพลาดของตนเองแล้วรู้จักแก้ไขแถมนางยังดูเป็นคนที่ตลกอีกด้วย
“ทำไมล่ะ? เจ้าไม่ยกโทษข้าเช่นนั้นหรือ” หวงไท่โฮ่วขึ้นเสียงเมื่อเห็นว่าจื่ออาน มึนงง
จื่ออันรีบแสร้งทำเป็นตกใจ “หม่อมฉันมิกล้า หม่อมฉันหาได้โกรธหวงไท่โฮ่วไม่”
นางอยากจะโกรธอยู่แล้ว แต่จะกล้าโกรธได้อย่างไร? จะโกรธใครก็ต้องดูสถานะด้วย
นางมองไปยังมู่หรงเจี๋ยโดยไม่รู้ตัว และเห็นว่าเขาส่งสายตาเย้าแหย่มาที่นาง ราวกับว่าเขารู้ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นล่วงหน้า
เมื่อจื่ออานละสายตาออกมา สายตาของนางก็ไปปะทะเข้ากับกุ้ยไท่เฟยเข้าพอดี นางสะดุ้ง สายตาคู่นั้นดูเลวร้ายไม่น้อยไปกว่าสายตาของหลิงหลงฟูเหรินเลย
ยิ่งกว่านั้น นางไม่ได้หลบสายตาและไม่กะพริบตาสักนิด ราวกับว่านางกำลังเตือนจื่ออานอยู่ หรือไม่ก็เป็นการข่มขู่
จื่ออานถอนหายใจเบา ๆ กุ้ยไท่เฟย ท่านไม่อยากมีลูกสะใภ้เช่นข้า แล้วทำไมข้าถึงต้องอยากมีแม่สามีเช่นท่านด้วย? เราทุกคนล้วนไม่มีอิสระ
พระอาการของค์จักรพรรดิเหลียงที่ดีขึ้น ทำให้หวงไท่โฮ่วเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และการเปลี่ยนแปลงของพระนางยิ่งทำให้สถานการณ์ทั้งหมดผ่อนคลายลง
จื่ออานไม่ได้คาดคิดว่าสถานการณ์จะพลิกผันอย่างกะทันหันเช่นนี้ เดิมทีนางคิดว่าหลังจากที่องค์จักรพรรดิเหลียงพระอาการดีขึ้น หวงไท่โฮ่วก็จะไม่เชื่อว่าเป็นผลงานของนางอยู่ดี แต่หลังจากมาถึง ก็ไม่ได้ถามไถ่อะไร กลับเชื่อมั่นในตัวจื่ออานทันที
ดังนั้นการรักษาในครั้งต่อไปก็จะค่อนข้างราบรื่นแล้ว
หมอหลวงก็ไม่กล้าพูดอะไรเกี่ยวกับจื่ออานอีก ให้ความร่วมมืออย่างดีที่สุด หยวนพ่านได้พูดคุยกับจื่ออานเป็นการส่วนตัว กล่าวขอโทษกับนางแล้วถามว่านางเป็นผู้สืบทอดของเวินอี้จริง ๆ หรือไม่
จื่ออานตอบเขาอย่างคลุมเครือ แต่หยวนพ่านก็เชื่อว่าเธอเป็นผู้สืบทอดของเวินอี้ และให้ความเคารพเธอเป็นอย่างมาก
ในระหว่างที่จื่ออานถวายการรักษาองค์จักรพรรดิเหลียง หนี่หรงก็มาหามู่หรงเจี๋ย “ท่านอ๋อง เมื่อสักครู่นี้บ่าวได้ยินพวกข้าหลวงที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่คุยกันว่า คนจากจวนมหาเสนาบดีได้มาสืบถึงสาเหตุที่คุณหนูใหญ่ต้องอยู่ในวัง”
มู่หรงเจี๋ยเพิ่งกลับมาจากราชสำนัก และวันนี้มหาเสนาบดีเซี่ยก็ขอลาหยุดไม่เข้าราชสำนักในช่วงเช้า เขารู้ดีว่าชายผู้นี้เป็นวัวสันหลังหวะ
นัยน์ตาเขาเป็นประกาย “ส่งคนไปบอกพวกเขาว่า หวงไท่โฮ่วกับฮองเฮา ต้องการสอบสวนจวนมหาเสนาบดีเรื่องที่เซี่ยจื่ออานถอนหมั้น สำหรับเซี่ยจื่ออาน ได้ถูกทุบตีและถูกขังเอาไว้ในห้องลงทัณฑ์แล้ว”
หนี่หรงตกใจ “ทำไมถึงทำเช่นนั้น?”
“ชมการแสดงกัน!” ท่าทางของมู่หรงเจี๋ยไม่สามารถคาดเดาได้ ดังนั้นหนี่หรงจึงมองไม่ออกว่าแท้จริงแล้วเขาวางอุบายอะไรเอาไว้กันแน่
“แต่ว่า ทางฝั่งของพระสนมเหมย เกรงว่าข่าวจะหลุดลอดออกไปได้” หนี่หรงกล่าว
มู่หรงเจี๋ยกล่าวอย่างไม่แยแส: “ตั้งแต่เซี่ยจื่ออานเข้าวังมา และได้มาอยู่ที่พระตำหนักฉางเชิง ที่นี่ถูกปิดกั้นเอาไว้ คนอื่นไม่สามารถเข้ามาได้ ส่วนข้าหลวงรับใช้ในวังนั้นก็ถูกสั่งอย่างเด็ดขาดว่าไม่ให้ใครล่วงรู้ว่าเซี่ยจื่ออานเป็นผู้ถวายการรักษาองค์จักรพรรดิเหลียง ทางฝั่งพระสนมเหมยไม่มีทางรู้ข่าวทางนี้แน่นอน”
“อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างหมอหลวงหลิวกับพระสนมเหมยนั้นดีมาก เกรงว่าพระสนมเหมยจะได้รับข่าวจากหมอหลวงหลิว”
“งั้นก็ทำให้หมอหลวงหลิวคิดว่าเซี่ยจื่ออานถูกคุมขังในห้องลงทัณฑ์ก็แล้วกัน” มู่หรงเจี๋ยกล่าวอย่างไร้อารมณ์
แม้ว่าหนี่หรงไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร แต่ฟังดูแล้วน่าสนุก เขาตอบรับ: “พ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้”
มู่หรงเจี๋ยยกริมฝีปากขึ้น ร้อยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมา
จื่ออ่านที่เพิ่งจะหันหน้ากลับมาก็เห็นรอยยิ้มนั้นของเขา อดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อย ในใจก็ไม่อยากจะเชื่อ ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้มีสีหน้าที่เข้มงวดและเย็นชาเสมอไป เขาดูเป็นมิตรมากกว่า
ในขณะที่จื่ออานงุนงงอยู่ มู่หรงเจี๋ยก็มองมายังนางด้วยเช่นกัน และโบกมือให้ไปหาเขา
จื่ออานถอนสายตาจากเขา และเดินไปหาด้วยท่าทางที่ไม่เป็นปกติดีนัก “ท่านอ๋อง”