ตอนที่ 306 จะเอาหรือไม่เอาก็แล้วแต่

แม่สาวเข็มเงิน

เจียงป่าวชิงอุทานในลำคอ เมื่อครู่นางจงใจทรมานจิ้นเทียนหยู่ซะขนาดนั้น ไม่คิดว่าเขาจะยังคงใจกว้าง เอ่ยปากบอกเปิดโรงเก็บของอนุญาตให้นางเข้าไปหาเครื่องปรุงยาในนั้นได้

จิตใจจิ้นเทียนหยู่ในตอนนี้ ช่างกว้างใหญ่ไพศาลดีแท้

จิ้นเทียนหยู่เห็นเจียงป่าวชิงมองเขาด้วยสีหน้าดีใจเช่นนั้น ใบหน้าเขาแดงเรื่อลามไปถึงหูแล้ว เขาทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งว่า “เจ้าจะเอาหรือไม่เอาก็แล้วแต่” แล้วเขาก็เดินหนีไปทันที

“แปลกคนจริง ๆ” เจียงป่าวชิงพึมพำกับตัวเอง

……

อีกสองวันก็จะถึงงานแต่งงานของหลู่เว่ยต้งกับหลี่อันหรูแล้ว หลังจากในหมู่บ้านแบ่งเงินทองที่ปล้นมาได้ในครั้งนี้เสร็จเรียบร้อย หลายคนมอบผ้าไหมให้หลู่เว่ยต้งเป็นของขวัญแต่งงาน เขามองผ้าไหมแพรวพราวที่กองอยู่ตรงมุมห้อง อารมณ์มืดมนขุ่นมัวตลอดหลายวันของเขาค่อย ๆ ผ่อนคลายลง

“พี่หลู่ เกี้ยวเจ้าสาวอะไรต่างเตรียมเสร็จแล้ว พี่จะไปดูอีกสักครั้งไหม ?” ลูกน้องข้างกายของหลู่เว่ยต้งพูดขึ้นอย่างนึกสนุก

“ไปสิ ไปดูกัน” หลู่เว่ยต้งคิดว่าหลี่อันหรูเป็นคุณหนู เขาเป็นโจร ที่นางแต่งงานกับเขาถือเป็นการลดตัวลงมาแต่งงาน เขาไม่อาจคู่ควรกับนางในเรื่องสถานะได้ แต่อย่างน้อยเขาก็จะทำเรื่องอื่นให้ดี ๆ แม่นางหลี่อันหรูคนงามของเขาจะได้รู้ว่าเขาจริงใจกับนางมากแค่ไหน

ด้วยเหตุนี้ สำหรับอะไรหลาย ๆ อย่างในงานแต่งงานครั้งนี้หลู่เว่ยต้งจึงเลือกลงมือทำด้วยตัวเอง แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นการจัดเกี้ยวเจ้าสาว เขาก็อยากไปดูด้วยตัวเองถึงจะรู้สึกโล่งใจ

เกี้ยวเจ้าสาวเป็นเกี้ยวขนาดเล็กสำหรับสี่คน ถึงแม้จะเล็ก แต่ก็ได้รับการตกแต่งอย่างประณีตมาก โจรเหล่านี้มีของมีค่าที่ปล้นมาได้อยู่ในมือ ยามปกติก็ไม่ได้ใช้อะไร ตอนนี้พวกเขาจึงนำออกมาตกแต่งจนทำให้เกี้ยวเจ้าสาวโอ่อ่าราวกับพระคลังเคลื่อนที่ก็มิปาน

แต่หลู่เว่ยต้งกลับรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก เขาชมไม่ขาดปาก “ดีมาก ไม่เลวเลย โอ่อ่ามากจริง ๆ นี่สิถึงจะคู่ควรกับสถานะหรูเอ๋อร์ของข้า”

ลูกน้องของเขาพูดประจบประแจงเขาอยู่ข้าง ๆ “ผิดแล้วพี่หลู่ การตกแต่งที่โอ่อ่านี่หลัก ๆ คือเพื่อให้คู่ควรกับสถานะของพี่หลู่ต่างหาก ต่อให้พี่สะใภ้จะล้ำค่าแค่ไหน ยังไงนางก็ต้องแต่งงานกับพี่หลู่”

หลู่เว่ยต้งหัวเราะชอบใจ

แม้กู่ฟู่กุ้ยจะไม่ชอบหน้าหลี่อันหรู แต่ถึงอย่างไรหลู่เว่ยต้งก็เป็นบุคคลสำคัญของหมู่บ้าน เขาจึงต้องให้หน้าหลู่เว่ยต้งอย่างเต็มที่สำหรับงานแต่งงานครั้งนี้ ก่อนวันงานหนึ่งวัน กู่ฟู่กุ้ยให้คนนำกล่องใหญ่ไปส่งถึงที่พักของหลู่เว่ยต้ง โดยบอกว่าสิ่งนี้มอบให้เป็นของขวัญแต่งงาน

หลู่เว่ยต้งเปิดกล่องต่อหน้าทุกคน ในกล่องเต็มไปด้วยเพชรพลอย ทอง และเงินมากมายที่ส่องสะท้อนล้อแสงจนทำให้ใบหน้าคนสว่างไสวได้เลยทีเดียว

หลายคนเริ่มประจบหลู่เว่ยต้งอย่างไม่หยุดหย่อนทันทีว่าเขาสำคัญกับหัวหน้าใหญ่มากจริง ๆ

หลู่เว่ยต้งมองกล่องเพชรพลอยนั้นด้วยดวงตาเป็นประกาย ในที่สุดความไม่สบายใจที่ถูกกู่ฟู่กุ้ยด่าเมื่อวานก็จางหายไปจนหมดสิ้น เขาหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดขึ้นว่า “เอาอะไรมาพูด เป็นเพราะข้าเป็นโสดมานานมากแล้วและสู่ขอภรรยาที่ถูกใจได้สักที หัวหน้าใหญ่เพียงแค่ให้หน้าข้าเท่านั้นเอง ถ้าหากว่าเหล่าจิ้นสู่ขอภรรยา หัวหน้าใหญ่ของเราคงให้เขาเยอะกว่านี้อีก” คำพูดนี้เจือความอิจฉาเล็กน้อย

เพียงไม่นานคำพูดนี้ก็ไปถึงหูของกู่ฟู่กุ้ย เขายิ้มเหี้ยม “ฮืม… เหล่าหลู่ช่างขี้ใจน้อยเสียจริง ช่างเถอะ เห็นแก่ที่เขาแต่งงานในวันพรุ่ง ข้าจะไม่เอาพิมเสนไปแลกกับคนอย่างเขาก็ได้” เขาชะงักไปเล็กน้อย มองซูรุ่ยเอ๋อร์ที่เล่นหมากรุกกับเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความสงสัย “รุ่ยเอ๋อร์ ช่วงนี้ไม่ใช่ว่าเจ้าหลงใหลไอ้หน้าขาวแซ่มู่คนนั้นหรอกรึ ? ทำไมวันนี้ถึงมีเวลามาเล่นหมากรุกกับข้าได้ ?”

ซูรุ่ยเอ๋อพิงบนที่จับเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน นางคีบหมากพลางพูดขึ้นอย่างเอ้อระเหย “ช่วงนี้ไม่รู้ทำไมหนังตาข้าถึงได้กระตุกบ่อย ๆ ข้ารู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ กลัวว่าจะเผลอใจจริง ๆ ถึงได้มาบ้านของพี่ใหญ่เพื่อหลบหลีกและคิดเรื่องต่าง ๆ ยังไงล่ะ”

กู่ฟู่กุ้ยตกตะลึง เขาอุทาน “โอ้น้องพี่! ครั้งนี้เจ้าเล่นจริงแล้วรึ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เจ้ายังพูดกับข้าว่าเจ้าแค่ต้องการลองเชิงไอ้หนุ่มแซ่มู่คนนั้น นี่เจ้าแพ้แล้วหรือไง ?”

พวงแก้มขาวสวยแดงเรื่อขึ้นสีเลือดฝาดเล็กน้อย ทำให้นางดูไร้เดียงสายิ่งนัก

“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงแพ้เหมือนกัน” ซูรุ่ยเอ๋อส่ายหน้าอย่างไร้เดียงสา “ข้าคิดว่าถ้าพรุ่งนี้งานแต่งงานของเหล่าหลู่เป็นไปด้วยดี ผ่านไปสักหน่อยก็คงเป็นงานของข้าบ้างแล้วล่ะ”

กู่ฟู่กุ้ยตกตะลึงอ้าปากค้าง เขาถึงกับพูดไม่ออก

……

ยังไม่ทันถึงวันแต่งงาน ตกกลางคืนวันนั้นหลี่อันหรูก็มีความคิดไม่ดีอีกแล้ว เนื่องจากอาการกระดูกหักของนางยังไม่หายดี นางจึงต้องพักฟื้นอยู่ที่บ้านเดิมของจิ้นเทียนหยู่ อยู่มาได้ตั้งนานไม่เห็นจะพูดอะไร แต่คืนก่อนวันแต่งงานนางกลับเริ่มก่อกวนและบอกว่าไม่อยากออกเรือนจากที่บ้านของจิ้นเทียนหยู่ซะอย่างนั้น เท่านั้นไม่พอ คุณหนูเจ้ากรรมยังทำลายข้าวของเสียหายไปหลายอย่าง

จิ้นเทียนหยู่นั้น ทันทีที่ทราบข่าวว่าบ้านของตนถูกทำเสียหายก็รู้สึกเจ็บใจ เขาถูกคนมาเรียกกลับไปที่บ้านหลังที่ไม่ได้กลับไปนานในตอนกลางดึก พร้อมทั้งบอกว่าข้าวของถูกทำลายและให้เขาไปจัดการสักหน่อยเพราะไม่มีใครอยากเจ็บตัว

จิ้นเทียนหยู่ยืนเงียบอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าคร่ำครึ เขาเอาแต่มองหลี่อันหรูด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม แม้เขาจะถูกเจียงป่าวชิงแอบพยายามฝึกให้สงบสติอารมณ์ รู้จักระงับความโกรธมาก็ตาม แต่หลี่อันหรูทำแย่ขนาดนี้ เกรงว่าเขาคงเหลือวิธีจัดการเพียงวิธีเดียวแล้วนั่นก็คือต้องถอดแขนนางออกซะถึงจะเป็นการจบเรื่องนี้

แต่หลู่เว่ยต้ง เขาได้ยินข่าวก็มาที่นี่ด้วยเช่นกัน สายตาระแวดระวังมองจิ้นเทียนหยู่ขณะที่พูดโอ๋หลี่อันหรูไปด้วย

หลี่อันหรูขดตัวอยู่ตรงมุมเตียง พูดกับหลู่เว่ยต้งด้วยเสียงปนสะอื้นว่าการแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ นางไม่อยากออกเรือนจากในบ้านของจิ้นเทียนหยู่

หลู่เว่ยต้งยอมนางในทันที เขาตัดสินใจเดี๋ยวนั้น “ได้ ข้าจะพาเจ้าไปเตรียมตัวออกเรือนที่อื่น”

แต่ถึงอย่างไร วันพรุ่งพวกเขาก็จะแต่งงานกันแล้ว การหาที่อยู่กะทันหันเช่นนี้ไม่ง่ายอย่างที่ปากว่าสักเท่าไหร่นัก

หลี่อันหรูสะอื้นไห้ “ฮือ ฮึก ฮือ… ตอนนี้ถึงแม้ว่าข้าเป็นนักโทษของพวกเจ้า แต่ถึงยังไงข้าก็เคยเป็นคุณหนูที่มีห้องส่วนตัวมาก่อน ข้าฝันเห็นแม่ข้า แม่ด่าข้ายกใหญ่ว่าการออกเรือนจากในบ้านของผู้ชายเป็นการลดคุณค่าในตัวเองและผิดต่อกฎระเบียบที่ปฏิบัติกันมา ฮือ ๆ ๆ… พี่ต้งจ๊ะ ข้าขอโทษนะ แต่ข้าไม่ได้ตั้งใจจะสร้างปัญหาจริง ๆ”

สตรีในดวงใจร้องไห้อย่างน่าสงสารเช่นนี้ มีหรือหลู่เว่ยต้งจะดุด่าว่านางได้ลงคอ เขาเอาแต่โทษตัวเองในใจที่คิดไม่รอบคอบเอง

เขาขบคิดว่าจะไปหาที่พักหรือห้องที่เหมาะสมให้นางได้จากที่ใดกัน ไม่นานเขาตบศีรษะตัวเองราวกับคนได้โชคใหญ่

“ใช่! ใช่แล้ว ข้าจะไปที่บ้านของหัวหน้าสอง นางเป็นผู้หญิง พื้นที่ในบ้านนางก็กว้างขวางมาก ต้องมีห้องว่างให้เจ้ายืมอยู่พักสักคืนเป็นแน่”

ข่าวนี้ไปถึงหูของเจียงป่าวชิง นางถึงกับหัวเราะเยาะออกมา เหอะ! หลี่อันรูนะหลี่อันหรู กลางดึกเช่นนี้ยังจะมีความคิดไม่ดีได้ นี่ไม่ใช่ว่าต้องการทำให้คนอื่นไม่มีทางเลือก ต้องส่งนางไปออกเรือนจากในบ้านของหัวหน้าซูหรอกรึ

แล้วบ้านของหัวหน้าซูมีอะไรต่างจากบ้านของคนอื่นกัน

ก็แน่นอนว่าเพราะในบ้านของหัวหน้าซู มีมู่จิ้งอี๋… น่ะสิ

……

ตอนที่ซูรุ่ยเอ๋อร์ได้ฟังหลู่เว่ยต้งลดศักดิ์ศรีเพื่อขอร้องนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจอะไร เพียงยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น

“อืม ถ้าข้าให้นางพักที่นี่ก่อนออกเหย้าออกเรือน ก็ดูเหมือนว่าตัวข้าเองจะแต่งออกไปไม่ได้แล้วสิ” ซูรุ่ยเอ๋อร์พูดขึ้นเสียงเบา

หลู่เว่ยต้งรีบพูดทันที “หัวหน้าสองขอรับ นั่นล้วนเป็นข่าวลือทั้งนั้น คำพูดประมาณว่าให้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานมาพักที่บ้านก่อนออกเหย้าเรือน จะส่งผลต่อการแต่งงานของเจ้าของบ้านอะไรเทือกนั้น… ท่านคงไม่เชื่อหรอกใช่ไหมขอรับ ?”

ซูรุ่ยเอ๋อร์บิดขี้เกียจ “ข้าไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น แต่ช่างเถอะ ไม่เป็นไรหรอก เจ้าให้หลี่อันหรูมาพักที่นี่อย่างสบายใจเถอะ”

หลู่เว่ยต้งไม่คิดว่าซูรุ่ยเอ๋อร์จะตกลงยินยอมง่ายเช่นนี้ ทุกคนในหมู่บ้านโจรต่างรู้กันดีว่าถึงแม้หัวหน้าสองจะเป็นสตรี แต่กลับไม่มีใครในหมู่บ้านกล้าบุ่มบ่ามเข้าไปเอาเปรียบนาง

ซูรุ่ยเอ๋อร์ถึงได้นั่งบนตำแหน่งหัวหน้าสองได้อย่างมั่นคงเป็นเวลาหลายปีอย่างที่เห็น

“งั้น… งั้นข้าขอขอบคุณหัวหน้าสองมากขอรับ”

ตอนนี้หลู่เว่ยต้งไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เพราะถึงอย่างไรงานแต่งงานก็จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ คืนนี้มีการเปลี่ยนแปลงเพราะหลี่อันหรู เขาไม่รู้ว่าจะต่อจากนี้จะมีเรื่องยุ่งมากแค่ไหน เขาเอ่ยขอบคุณซูรุ่ยเอ๋อร์เพียงเท่านั้นและรีบไปจัดการเรื่องต่าง ๆ ต่ออย่างเร่งรีบทันที