ตอนที่ 307 เรื่องประหลาดใจในงานแต่ง

แม่สาวเข็มเงิน

วันงาน เสียงประทัดดังกระหึ่มไปทั่วทั้งหมู่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ผู้คนในหมู่บ้านต่างก็ตื่นกันเร็วมากด้วยเพราะตื่นเต้นกับงานแต่งงานที่จะจัดขึ้นในหมู่บ้านวันนี้ สาวน้อยเจียงฉิงเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้ใคร นางรีบตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดใหม่พิเศษฝีมือเย็บของเจียงป่าวชิง

‘วันนี้แหละ ข้าจะไปดูเรื่องสนุกกับหูจื่อเพื่อนของข้าอย่างมีความสุข’ เจียงฉิงคิดอย่างสุขใจ

ส่วนเจียงป่าวชิงน่ะเหรอ วันนี้นางมีเรื่องอื่นให้ต้องไปทำ

หลายคนได้รับบาดเจ็บเพราะคนในหมู่บ้านเพิ่งออกไปร่วมปล้นครั้งใหญ่มาเมื่อสองวันก่อน แต่พวกเขาไม่เต็มใจหากต้องอยู่บ้านในช่วงเวลาที่คนทั้งหมู่บ้านกำลังสนุกกันเช่นนี้ พวกเขาขอไปร่วมงานทั้งที่ยังบาดเจ็บอย่างนั้น

กู่ฟู่กุ้ยคิดว่าในหมู่บ้านไม่ได้มีเรื่องมงคลเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว และเขาก็ไม่อยากจะจำกัดอิสระของพวกพี่น้องจึงขอให้เจียงป่าวชิงเตรียมการเพิ่มเติมในงานเลี้ยงแต่งงานและดูแลพี่น้องที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านี้ด้วย

เวลานี้หัวหน้าใหญ่พูดคุยกับหลู่เว่ยต้งอยู่ในงาน

“เว่ยต้ง ในบรรดาพวกพี่น้องของเรา ตอนนี้เจ้าถือเป็นคนที่มีครอบครัวและอาชีพการงานแล้ว ออกไปทำงานในครั้งต่อไปก็ต้องกังวลเกี่ยวกับคนในครอบครัวของเจ้าด้วย”

หลู่เว่ยต้งในชุดเจ้าบ่าวได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน เขาอาจคิดว่ากู่ฟู่กุ้ยกำลังเห็นอกเห็นใจและเป็นห่วงเขา แต่หลังจากที่ถูก ‘หลี่อันหรูเป่าหู’ เขากลับคิดว่ากู่ฟู่กุ้ยกำลังปูทางเพื่อยึดอำนาจของเขา

หลู่เว่ยต้งรีบพูดขึ้นทันที “ดูหัวหน้าใหญ่พูดสิ ต่อให้ข้าแต่งงานแล้ว ข้าก็ยังเป็นคนในหมู่บ้านเหมือนเดิม ยังไงก็ต้องออกแรงเพื่อช่วยงานหมู่บ้านเป็นธรรมดา ถ้าหลังจากที่แต่งงานแล้วข้าไม่ทำงานแล้วใครจะทำ ท่านลองคิดดูสิ ถ้าพี่น้องในหมู่บ้านแต่งงานกันหมดไม่เหลือคนทำงาน หมู่บ้านเราก็ต้องจบเห่อย่างนั้นสิ”

เขาพูดอย่างใส่อารมณ์แต่กู่ฟู่กุ้ยกลับพยักหน้ายิ้ม ๆ “ได้ เจ้าพูดได้มีเหตุผลมาก เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้า ยังไงซะตอนออกไปครั้งหน้าเจ้าก็อย่าบุ่มบ่ามพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่เสียดายชีวิตอย่างน้องสามแล้วกัน เจ้ายังมีคนข้างหลังให้ต้องเป็นห่วงและดูแล จงอย่าลืม”

จิ้นเทียนหยู่ที่ถูกอ้างชื่ออย่างกะทันหันเงยหน้าขึ้นมาทันที เขานั่งดื่มชาอย่างเงียบ ๆ อยู่ด้านข้างแต่พวกเขากลับดึงเขาเข้าไปเกี่ยวได้เสียนี่

หลู่เว่ยต้งแสยะยิ้ม “ทำไม ? หัวหน้าจิ้นกล้าหาญแบบนี้ดีออกจะตาย”

‘ถุย! เสแสร้งสิ้นดี’ จิ้นเทียนหยู่ด่าหลู่เว่ยต้งในใจ

“อ้อใช่แล้ว” กู่ฟู่กุ้ยพูดขึ้น “หากพูดตามหลักแล้วข้าไม่ควรพูดถึงเรื่องนี้ในวันงานมงคล แต่ถึงยังไงปัญหานี้ก็ต้องมีขึ้นอยู่วันยังค่ำ และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาใด ๆ ในภายหลัง…”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลู่เว่ยต้งชะงักไป เขาโพล่งแทรกขึ้นมา “อะไรล่ะ เหอะ! หัวหน้าใหญ่พูดมาเถอะ”

กู่ฟู่กุ้ยไตร่ตรองสักครู่ “เจ้ายังจำเรื่องของซุนโก๋จื่อกับฉินหัวได้หรือไม่ ?”

พูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าหลู่เว่ยต้งไม่ค่อยสู้ดีนัก ในความเห็นของเขา สองคนนี้อยากได้อยากครอบครองหรูเอ๋อร์โดยไม่เจียมตัวเอง ถึงแม้ทั้งสองคนจะตายอย่างน่าอนาถไปแล้ว แต่ก็สมน้ำหน้าพวกเขาแล้วแหละ หากพวกเขาทำตัวดีไม่คิดถึงสิ่งที่ไม่ใช่ของพวกเขา เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น

“ข้าจำได้” หลู่เว่ยต้งตอบรับ

กู่ฟู่กุ้ยสังเกตสีหน้าของหลู่เว่ยต้งและพูดขึ้นอย่างพิจารณา “เจ้าก็รู้ว่าซุนโก๋จื่อกับฉินหัวเคยชิงรักหักสวาทกันมาก่อนจนทำให้ต้องมาตายกันทั้งคู่ ตอนนั้นเราตั้งใจจะกักตัวหลี่อันหรูเป็นการลงโทษ และให้นางไถ่โทษอยู่ในหมู่บ้านของเรา”

สีหน้าหลู่เว่ยต้งย่ำแย่ลงเล็กน้อย “หัวหน้าใหญ่ อันที่จริงหลี่อันหรูเองก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนั้นนะขอรับ…”

กู่ฟู่กุ้ยขัดจังหวะ “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถกกันว่าเกี่ยวอะไรกับหลี่อันหรู ที่สำคัญคือเจ้าต้องรู้ว่าตอนนั้นในหมู่บ้านตัดสินใจให้นางเลือกใครสักคนจากพวกเจ้าเพื่อแต่งงาน และเด็กที่เกิดออกมาในภายหลังต้องใช้แซ่ซุนคนหนึ่ง ส่วนอีกคนต้องใช้แซ่ฉิน แม้โจรอย่างเราจะทำการค้าที่ไม่มีต้นทุนอะไรและเปรียบเสมือนเอาหัวหนีบไว้ที่สายรัดเอวเพื่อดำรงชีวิต แต่การที่ต้องมาตายเพราะผู้หญิงคนหนึ่งที่จับมาจากนอกหมู่บ้าน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าซุนโก๋จื่อกับฉินหัวต่างก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถึงยังไงก็ต้องเหลือทายาทไว้ให้พวกเขา จะได้ให้พวกเขามีเครื่องหอมบูชาในอีกร้อยปีให้หลัง เหล่าหลู่ เจ้าคิดเหมือนกับที่ข้าพูดไหม ?”

เรื่องพวกนี้หลู่เว่ยต้งรู้ตั้งนานแล้ว แต่กู่ฟู่กุ้ยกลับพูดย้ำอีกครั้งต่อหน้าทุกคนในตอนนี้ เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ต้องพยักหน้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก่อนจะพูดขึ้นเสียงอู้อี้ “หัวหน้าใหญ่ ท่านไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ข้าไม่เบี้ยวหรอก”

กู่ฟู่กุ้ยเองก็พยักหน้า “ดี ข้าแค่ยืนยันกับเจ้าสักหน่อยก็เท่านั้น ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนเบี้ยวอะไร”

เขาไม่สนใจว่าอารมณ์ของหลู่เว่ยต้งจะเป็นเช่นไร แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับงานศพของซุนโก๋จื่อกับฉินหัวจริง ๆ หลู่เว่ยต้งไม่พูดถึงเรื่องนี้มาตลอด แล้วยังมีท่าทีต้องการให้เรื่องมันผ่านไปทั้งอย่างนั้นด้วย กู่ฟู่กุ้ยคร้านจะใช้เล่ห์เหลี่ยมกับหลู่เว่ยต้งจึงถามให้แล้วเสร็จต่อหน้าพี่น้องจำนวนมากที่อยู่ในงานซะเลย

บรรยากาศในงานค่อนข้างตึงเครียดไปพักใหญ่

โชคดีที่มีคนออกมาแก้บรรยากาศอึดอัด หญิงสาวที่ร่วมรับผิดชอบดูแลการจัดงานมงคลครั้งนี้รีบออกมาพูดอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ ๆ ได้เวลาอันเป็นมงคลแล้ว เราควรไปรับเจ้าสาวได้แล้วจ้ะ”

ชายสองคนก้าวออกมาพร้อมเกี้ยวเจ้าสาวที่โอ่อ่า ทั้งยังเป่าแตรและตีกลองไปด้วยสร้างบรรยากาศรื่นเริงครื้นเครงมาก

หลายคนพากันมาร่วมสนุก หลู่เว่ยต้งผู้เป็นเจ้าบ่าวในงานนี้ถึงจะมีสีหน้าที่ดีขึ้นเล็กน้อย

ไม่นานนัก คนกลุ่มหนึ่งยกขบวนกันไปรับเจ้าสาวที่บ้านของหัวหน้าซู คงเป็นเพราะเพื่อทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาขึ้น หลายคนจึงช่วยกันพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่น่าสนใจตลอดทาง และสามารถกอบกู้บรรยากาศดี ๆ กลับมาได้ในที่สุด

หัวหน้าซูเดินตามอยู่ในขบวนรับเจ้าสาวด้วยท่าทางที่ดูเกียจคร้านเช่นเคย หลายคนพูดคุยกับนางแต่นางกลับไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ อย่างมากเพียงแค่ยิ้มตอบเท่านั้น

จวบจนขบวนเคลื่อนมาถึงที่บ้านของหัวหน้าซู ภาพลานบ้านประดับประดาด้วยไฟและพู่ห้อยสวยงามปรากฏแก่สายตา นี่เป็นผลงานของหลู่เว่ยต้งและชาวบ้านอีกหลายคนที่มาช่วยกันจัดแต่งเมื่อคืนนี้ตลอดทั้งคืน

เนื่องจากหลี่อันหรูเป็นสตรีถูกลักพาตัวมา นางจึงไม่มีญาติทางฝ่ายหญิง เมื่อเทียบกับขบวนรับเจ้าสาวที่ผู้คนแออัดแล้ว ในลานบ้านออกจะเงียบเหงาไปสักหน่อย แต่พวกโจรไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ชายหนุ่มสองคนถือราวที่ทำจากไม้ไผ่ไปจุดประทัด เพิ่มกลิ่นอายบรรยากาศงานมงคลที่มีการจุดดอกไม้ไฟได้มากเลยทีเดียว

จุดเสร็จ ขบวนรับเจ้าสาวก็เหยียบกองกระดาษสีแดงบนพื้นพร้อมผิวปากตะโกนว่า “เชิญเจ้าสาวออกมาได้”

ทว่าตะโกนเรียกอยู่สักพัก ประตูห้องที่แขวนคำขวัญอันเป็นสิริมงคลกลับยังคงปิดสนิทอยู่อย่างนั้น ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ แม้แต่น้อย

ทุกคนหันมองหน้ากัน หญิงสาวแม่สื่อออกมาพูดแก้สถานการณ์กระอักกระอ่วนนี้ “เอ่อ… ข้าคิดว่าเจ้าสาวคงเขินอายนิดหน่อย เอาเช่นนี้แล้วกัน ประเดี๋ยวข้ากับเจ้าบ่าวจะเข้าไปดูนาง”

หลู่เว่ยต้งอยากเห็นหรูเอ๋อร์ของเขาในชุดเจ้าสาวสีแดงใจจะขาด เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนใจ รีบตอบรับและเดินไปข้างหน้ากับหญิงสาวแม่สื่อทันที มือหนาเอื้อมไปเปิดประตู แต่ภายในห้องกลับเงียบเชียบไร้สัญญาณว่ามีคน ทว่าครู่ต่อมาก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้เบา ๆ

สีหน้าหลู่เว่ยต้งเปลี่ยนไปทันที ใบหน้าแดงก่ำราวกับสัตว์ร้ายรีบพุ่งกายเข้าไปในห้อง

ภาพที่ปรากฏแก่สายตานั้น…

! ! !

ชุดเจ้าสาวถูกฉีกขาดกระจัดกระจายอยู่บนพื้น เจ้าสาวที่เดิมทีควรสวมผ้าคลุมศีรษะกลับใช้ผ้าห่มห่อร่างและขดตัวอยู่ข้างเตียง ส่งเสียงสะอื้นไห้น่าเวทนา

ที่สำคัญ มีใครบางคนนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง!

หลี่อันหรูเห็นว่าหลู่เว่ยต้งพุ่งเข้ามาในห้องนางก็กรีดร้องทันที “พี่เว่ยอย่าเข้ามา! อย่าเข้ามานะ!” ท่าทางของนางดูหวาดกลัวมาก

หลู่เว่ยต้งโมโหจนตาแทบถลนออกมานอกเบ้าแต่เขาไม่กล้าขัดคำพูดนางและบุ่มบามเข้าไป “เจ้า นี่เจ้าเป็นอะไร เจ้าเป็นอะไรบอกข้า ?!”

หลี่อันหรูพูดเสียงสะอื้น “เขา… เขาเข้ามาฉีกชุดข้าคิดจะลวนลามข้า แต่ตอนนี้ข้าตีเขาจนสลบแล้ว พี่ต้ง พี่ปล่อยให้ข้าตายเลยเถอะ!”

หลู่เว่ยต้งโมโหเลือดขึ้นหน้าราวกับจะกินคนได้ เขาเดินเข้าไปพลิกตัวคนที่นอนไม่ได้สติด้วยท่าทางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ สุดท้ายเรียกชื่อของคนคนนั้นออกมาทีละคำ “เจียง ป่าว ชิง!”