ตอนที่ 856 คุณคือปาฏิหาริย์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“ดูเหมือนว่าเธอจะเรียนรู้จากถังหนิงมาเยอะเลยสินะ” เฉวียนจื่อเยี่ยก้าวเข้าไปในห้องของหลินเฉี่ยนและเริ่มมองสำรวจไปทั่ว “แต่อย่าไปเลียนแบบวิธีที่เธอปฏิบัติกับผู้คนนักเลย มีไม่กี่คนที่รับมือกับมันได้หรอกนะ”

 

 

“ประธานโม่ก็ดูไม่ได้มีปัญหากับมันนี่” เธอท้วงขึ้นพลางปรายตามองเขา

 

 

“เธอคิดว่าในโลกนี้จะมีคนอย่างประธานโม่อีกสักกี่คนกัน” เขาถามขณะที่หันมาเลิกคิ้วใส่

 

 

“ฉันยังมีงานที่ต้องไปทำวันพรุ่งนี้ ต้องรีบเข้านอน นายแน่ใจเหรอว่าจะไม่กลับบ้านน่ะ” หลินเฉี่ยนพูดเหมือนอยากจะไล่เขากลับไป แม้ว่าเธอจะไม่ได้ต่อต้านเขาเสียทีเดียว แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะยอมรับเขาได้อย่างเต็มที่

 

 

เฉวียนจื่อเยี่ยจ้องเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีจริงจังอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “ฉันจะไปจัดการเรื่องแม่ของฉัน โอเคไหม”

 

 

หลินเฉี่ยนก้มหน้าและหัวเราะขึ้นมา จากนั้นจึงเงยขึ้นมองอีกฝ่ายก่อนตอบกลับ “ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีกแล้วล่ะ นายเลี่ยงที่จะไม่เจอหน้าเธอไปได้ตลอดชีวิตหรือยังไง”

 

 

“ถ้าฉันบอกเธอว่าทำได้ล่ะ”

 

 

“นายกลับไปก่อนดีกว่านะ” เธอออกปากไล่อีกครั้งแทนที่จะให้คำตอบกับเขา

 

 

เฉวียนจื่อเยี่ยพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะหันหลังเดินออกไป

 

 

ทว่าเขาไม่ได้กลับบ้านในทันที แต่กลับเคาะประตูห้องข้างๆ หลินเฉี่ยน “บอกราคาผมมา ผมอยากซื้อห้องของคุณครับ…”

 

 

เขาทนทรมานที่เห็นเธอถูกทำร้ายไม่ไหวอีกต่อไป นับจากนี้เขาจะทุ่มเทให้กับผู้หญิงของเขา

 

 

ไม่นานวันประกวดรอบคัดเลือกสิบหกคนสุดท้ายจากสามสิบสองคนของซิงหลานก็มาถึง ในรอบนี้การประกวดถูกจัดที่สนามกีฬาปักกิ่งที่จุคนได้ถึงหมื่นคน

 

 

ด้วยชื่อเสียงและฐานแฟนที่มากขึ้น ซิงหลานรู้สึกว่าเธอต้องแบกรับความรับผิดชอบมากขึ้นตามไปด้วย ถึงอย่างไรเธอเองก็ต้องการแก้แค้นให้หลินเฉี่ยนและทำให้คนสำคัญรอบตัวเธอภาคภูมิใจให้ได้มากที่สุด

 

 

ในช่วงก่อนที่เธอจะเริ่มร้องเพลง เธอจึงมองไปยังฝูงชนและยกไมโครโฟนขึ้นพูด “อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าเมื่อไม่นานมานี้ฉันกับผู้จัดการของฉันถูกลอบทำร้าย เพื่อที่จะปกป้องฉันเอาไว้ เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสและเพิ่งได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไม่กี่วันก่อน

 

 

“ประสบการณ์ในครั้งนี้มีผลกับตัวฉันมาก ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันเข้าใจมากขึ้นแล้วว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่บนเวทีแห่งนี้และอะไรเป็นสิ่งที่ต้องการแล้วล่ะค่ะ

 

 

“เจ้านายของฉัน ถังหนิง ช่วยดึงฉันออกมาจากเงามืดและมอบโอกาสครั้งใหม่ในชีวิตกับฉัน ในขณะที่ผู้จัดการของฉันเป็นห่วงชีวิตฉันมากกว่าตัวเธอเอง พวกเธอทั้งสองคนมักจะปกป้องฉันจากพายุร้ายอยู่เสมอ ดังนั้นฉันคิดว่าทุกเพลงที่ฉันร้องต่อจากนี้ไปจะถือเป็นคำขอบคุณค่ะ เพราะนั่นคือสิ่งที่ฉันอยากบอกกับพวกเธอที่ได้เข้ามาความช่วยเหลือฉัน รวมถึงครอบครัวที่จู้ซิงมีเดียสำหรับความอบอุ่นที่มอบให้ด้วยค่ะ

 

 

“ตอนแรกที่หลินเฉี่ยนหลอกล่อให้ฉันเซ็นสัญญากับจู้ซิงมีเดีย ฉันไม่เชื่อว่าจะได้รับโอกาสครั้งที่สองเลย แต่พี่หนิงได้พิสูจน์ให้ฉันเห็นแล้วว่ามันทำได้จริง และเธอสามารถทำทุกอย่างให้เป็นไปได้

 

 

“ดังนั้นต่อจากนี้ไปฉันจะร้องเพลงที่ฉันแต่งเองให้ทุกคนได้ฟังกันค่ะ เพลงนี้ชื่อว่า รอดพ้นจากเงื้อมมือแห่งความตาย ค่ะ”

 

 

ซิงหลานเป็นนักร้องที่ดีมาโดยตลอด ทว่าในตอนนี้เธอยิ่งร้องเพลงด้วยอารมณ์ที่ลึกซึ้งมากขึ้น

 

 

เพลงของเธอพูดถึงความเข้าใจในการใช้ชีวิตและการดิ้นรนในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

 

 

หากแต่ในขณะที่ทั้งสนามกึกก้องไปด้วยเสียงชื่นชมซิงหลาน จู้ซิงมีเดียก็ได้ปล่อยแถลงการณ์ฉบับใหม่ออกมา

 

 

[พวกเราอยากขอบคุณซิงหลานสำหรับความเชื่อมั่นที่มีต่อจู้ซิงมีเดียมาตลอด อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าเธอสมควรได้รับการสนับสนุนที่เหนือกว่าที่เราสามารถทำให้เธอได้ เพราะฉะนั้นนับจากวันนี้ไปซิงหลานจะเป็นส่วนหนึ่งของไห่รุ่ยอย่างเป็นทางการ ซิงหลาน เราหวังว่าเส้นทางของเธอจะราบรื่นเช่นนี้ต่อไปและมีอนาคตที่สดใสรออยู่

 

 

[จู้ซิงมีเดียรู้สึกยินดีที่ได้ร่วมงานกับเธอ ก้าวต่อไปในเส้นทางของเธอจะต้องน่าติดตามยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน!]

 

 

หลังจากเห็นแถลงการณ์ของจู้ซิงมีเดีย หลายคนถึงกับตกตะลึงไป

 

 

มันแสดงให้เห็นบทบาทของจู้ซิงมีเดียได้อย่างชัดเจน ถังหนิงไม่ได้ตั้งใจจะสร้างเอเจนซี่ที่แยกตัวออกมาเป็นอิสระ ที่แท้เธอกำลังตามหาเพชร เฝ้ารอให้พวกเขาผ่านการเจียระไนและเงางามจนกระทั่งเปล่งประกาย ก่อนส่งต่อให้ไห่รุ่ยที่มีศักยภาพมากกว่า…

 

 

เธอถึงได้พูดก่อนหน้านี้ว่าเธอเพียงแค่ตามหาคนที่มีความสามารถ

 

 

ทุกคนต่างคาดเดาว่าอนาคตของซย่าหันโม่และลัวเซิงจะเป็นไปในทิศทางใดได้ทันที

 

 

ซิงหลานไม่ได้รู้ข่าวนี้จนกระทั่งการประกวดจบลง แต่เมื่อรู้เธอกลับไม่ได้มีความสุขแต่อย่างใด

 

 

เธอจึงต่อสายหาถังหนิง “พี่หนิงคะ… ทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้เลยล่ะคะ”

 

 

“อะไรกัน เธอไม่ดีใจที่ได้เข้าสังกัดไห่รุ่ยเหรอ”

 

 

“ฉันอยากอยู่ต่อนี่คะ คุณกับหลินเฉี่ยนเป็นคนที่ให้โอกาสครั้งที่สองกับฉัน”

 

 

“จู้ซิงมีเดียมีแค่เราสามคน ถ้าเธออยู่กับไห่รุ่ยเธอจะมีทั้งอาณาจักรความบันเทิงคอยสนับสนุนเธอ จู้ซิงมีเดียไม่สามารถออกอัลบั้มให้เธอได้ รวมถึงการที่เธอจะไปถึงจุดที่เธอหวังไว้ด้วย มีแค่ไห่รุ่ยที่ช่วยยกระดับให้เธอได้ และมีเพียงไห่รุ่ยที่สามารถปกป้องเธอบนเส้นทางสู่ดวงดาวได้” ถังหนิงค่อยๆ อธิบาย “หลินเฉี่ยนและฉันจะคอยสนับสนุนและเฟ้นหาคนที่มีความสามารถต่อไป แต่เราไม่ได้ต้องดูแลเธออีกแล้ว”

 

 

“พี่หนิง…”

 

 

“เอาน่า ฉันรู้ว่าเธอกังวล แต่เชื่อฉันเถอะ ไห่รุ่ยจะทำให้เธอพอใจอย่างคาดไม่ถึงเลยล่ะ เธอจะต้องชอบอาณาจักรที่สามีของฉันสร้างขึ้นมา จากนี้ไปเรื่องของเธอจะถูกจัดการจากทีมงานที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น”

 

 

ซิงหลานจากไปอย่างไม่เต็มใจ หากแต่เป็นอย่างที่ถังหนิงพูด จู้ซิงมีเดียมีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้เธอไม่ได้

 

 

ที่สำคัญที่สุด เธอเข้าใจว่าถังหนิงยังมีคนอีกมากมายในวงการที่ต้องช่วยเหลือ ในขณะที่เธอจำเป็นต้องก้าวไปบนเส้นทางที่ยิ่งใหญ่กว่า

 

 

มันเป็นวิธีที่เธอจะขอบคุณจู้ซิงมีเดียได้ดีที่สุด

 

 

“ฉันจะจำเอาไว้เสมอว่าฉันเริ่มต้นจากการเป็นส่วนหนึ่งของจู้ซิงมีเดียค่ะ”

 

 

“ดีแล้วล่ะที่เธอจำมันเอาไว้” ถังหนิงตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม

 

 

พูดจบถังหนิงก็วางสายและเบียดตัวเข้าในอ้อมกอดของโม่ถิง

 

 

“ฉันกำลังส่งศิลปินคนแรกของฉันให้ไห่รุ่ย ช่วยดูแลให้ดีด้วยนะคะ” ถังหนิงพูดพึมพำกับโม่ถิง

 

 

โม่ถิงกดจูบลงบนท้ายทอยของเธอก่อนกระชับอ้อมกอด “ศิลปินของคุณทุกคนมีความสามารถทุกคนอยู่แล้ว”

 

 

“แน่นอนสิคะ ให้รู้ซะบ้างว่าใครเป็นคนเลือกพวกเขามา” ถังหนิงคุยโวอย่างภาคภูมิใจ แต่ลึกๆ แล้วเธอเองก็ไม่ได้อยากแยกจากกับซิงหลาน

 

 

ขณะเดียวกันในสายตาของคนภายนอก ถังหนิงถูกมองว่าได้เสียสละครั้งใหญ่ ถึงอย่างไรการที่จะปั้นศิลปินที่ประสบความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอนัก แต่เธอยังยอมส่งศิลปินให้กับไห่รุ่ยอย่างง่ายดาย แม้ว่าถังหนิงและโม่ถิงจะเป็นสามีภรรยากัน แต่ผู้คนก็อดพูดไม่ได้ว่าเธอทุ่มเทอย่างหนักและส่งต่อความสำเร็จให้กับอีกคน

 

 

ตอนนี้สาธารณชนไม่อาจเข้าใจจุดประสงค์ในการก่อตั้งจู้ซิงมีเดียของถังหนิงได้

 

 

หากแต่เธอก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว

 

 

ในช่วงนี้เองที่ศิลปินหลายคนเริ่มเห็นผลประโยชน์ในการเซ็นสัญญากับถังหนิง พวกเขาจึงพยายามเรียกร้องความสนใจจากเธอ ทว่าถังหนิงไม่ใช่คนที่จะตกลงเซ็นสัญญากับศิลปินได้ง่ายๆ

 

 

“คุณได้เลือกศิลปินคนต่อไปหรือยังครับ” โม่ถิงถามขึ้นเบาๆ ก่อนจะถึงเวลาเข้านอน ด้วยเธอได้ช่วยศิลปินไว้สามคนแล้ว ขึ้นอยู่กับเวลาก่อนที่จะเซ็นสัญญาเพิ่มเท่านั้น

 

 

“ค่ะ ฉันเลือกไว้แล้ว แต่พวกเขาไม่ใช่ศิลปินค่ะ” เธอตอบกลับอย่างแผ่วเบา

 

 

“หือ”

 

 

“รอดูแล้วกันนะคะ ฉันกำลังจะสร้างปาฏิหาริย์ค่ะ” ถังหนิงเอ่ยอย่างเป็นความลับ

 

 

โม่ถิงอดหัวเราะไม่ได้ พลางดึงถังหนิงเข้ามาในอ้อมแขน ก่อนกระซิบเข้าที่ข้างหูเธอ “คุณคือปาฏิหาริย์ครับ”