ตอนที่ 855 ถังหนิง คุณนี่ช่างหยิ่งเสียเหลือเกิน

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

เฉวียนจื่อเยี่ยรู้ว่าหลินเฉี่ยนนั้นใจแข็งเพียงใด…

 

 

หากเธอตัดสินใจบางอย่างลงไปแล้วจะไม่มีทางที่จะเปลี่ยนใจเธอได้

 

 

ทว่าในคืนนั้น ระหว่างที่หลินเฉี่ยนพักผ่อนอยู่ในห้องคนไข้และเฉวียนจื่อเยี่ยนอนหลับอยู่ด้านนอก ทั้งปักกิ่งก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย

 

 

แรกเริ่มวิดีโอที่ซิงหลานถูกลอบทำร้ายและร้องขอความช่วยเหลือถูกโพสต์บนโลกออนไลน์ ตามมาด้วยข่าวที่เฉวียนจื่อเยี่ยขับรถเร็วเกิดกำหนดและถูกตำรวจจับซึ่งถูกปล่อยและแพร่สะพัดไปทั่ว อย่างไรก็ตามทุกคนต่างเข้าใจการกระทำของเขา เพราะผู้จัดการของซิงหลานคือหลินเฉี่ยนซึ่งเป็นน้องสาวของเขา

 

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ยากที่จะปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน ทั้งเรื่องที่ซิงหลานและหลินเฉี่ยนถูกดักทำร้าย การที่ซิงหลานหนีออกมาขอความช่วยเหลือ และเฉวียนจื่อเยี่ยที่ถูกจับในข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนด

 

 

ว่าแต่ใครเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังกันล่ะ พวกเขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่ คำถามเหล่านี้ได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่ผู้คนต่างถกเถียงกัน

 

 

เช้าวันถัดมาจู้ซิงมีเดียจึงออกแถลงการณ์ว่าพวกเขาจะร่วมมือกับทางตำรวจเพื่อสืบหาความจริงและรับปากว่าจะทำให้เรื่องนี้กระจ่างเพื่อศิลปินของพวกเขา

 

 

จู้ซิงมีเดียกล่าวว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับการประกวดร้องเพลงเจอร์นีย์ ทั้งยังเผยว่าซิงหลานปลอดภัยดีในขณะที่ผู้จัดการของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

 

เพื่อชัยชนะในการประกวด คนบางคนถึงขั้นพยายามโจมตีผู้เข้าแข่งขันคนอื่น เรื่องนี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกับทุกคน และทำให้ถังหนิงจำเป็นต้องออกมาตอบโต้ด้วยความหนักแน่น

 

 

“ไม่ว่าจะเป็นคนที่ลงมือหรือผู้ที่บงการ จู้ซิงมีเดียจะไม่ปล่อยให้พวกเขาลอยนวลไปได้อย่างแน่นอน”

 

 

อันที่จริงไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะสืบเรื่องนี้โดยละเอียด ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เล่นไม่ซื่อในวงการ สิ่งที่ต้องทำมีเพียงการตามหาเบาะแสแล้วความจริงก็จะปรากฏขึ้นมาอย่างง่ายดาย

 

 

หลังจากหลินเฉี่ยนเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ถังหนิงก็นั่งอยู่เงียบๆ ที่จู้ซิงมีเดีย เฝ้ารอการแข่งขันในรอบคัดเลือกสิบหกคนสุดท้ายอย่างใจเย็น ในเวลาเดียวกันทางตำรวจได้เริ่มสืบคดี พร้อมกับถังหนิงที่คอยดูว่าคนร้ายวางแผนจะทำอย่างไรต่อไป

 

 

เธอต้องการบอกให้ทุกคนในวงการรู้ว่าไม่เพียงแต่ศิลปินสังกัดไห่รุ่ยที่แตะต้องไม่ได้ หากแต่ศิลปินของเธอก็เช่นกัน

 

 

“หลงเจี่ย ติดต่อฟังอวี้ที บอกให้เขาเตรียมสัญญาให้ซิงหลานด้วย”

 

 

เดิมทีถังหนิงต้องการรอจนกระทั่งซิงหลานชนะการประกวดก่อนที่จะให้เธอเซ็นสัญญากับไห่รุ่ย แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าจำเป็นต้องแสดงให้ทุกคนเห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างจู้ซิงมีเดียกับไห่รุ่ย

 

 

“คุณวางแผนจะส่งเธอไปตอนนี้เลยหรือคะ” หลงเจี่ยถามด้วยความเป็นห่วง

 

 

“เธอพร้อมมาตั้งนานแล้วล่ะ” ถังหนิงตอบ

 

 

ไม่นานหลังจากนั้น ถังหนิงก็ได้รับสายจากบุคคลนิรนาม คนปลายสายต้องการพบเธอแต่เธอก็ปฏิเสธพวกเขาในทันที “ฉันไม่มีเหตุผลอะไรต้องไปพบกับคนป่าเถื่อน คุณอาจจะอยากพบฉันแต่ฉันจะไม่พาตัวเองไปเสี่ยงหรอกนะ จะเป็นการดีที่สุดถ้าคุณจะพูดกับฉันมาตามตรง เพราะฉันเกลียดคนที่ไม่จริงใจค่ะ”

 

 

อีกฝ่ายเย้ยหยันและหัวเราะออกมา “ถังหนิง คุณนี่ช่างหยิ่งเสียเหลือเกิน”

 

 

“ฉันมีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้นค่ะ อย่างน้อยฉันก็ไม่โง่จนถึงขนาดพยายามลักพาตัวคนอื่น ยิ่งไม่ได้อยู่ในย่านชานเมืองด้วย”

 

 

“ก็ได้ บอกข้อเสนอของคุณมาสิ ก็แค่เรื่องล้อเล่นเล็กๆ น้อยๆ ไม่เห็นจำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย”

 

 

“ข้อเสนอเหรอ” ถังหนิงเหยียดยิ้ม “ฉันมีทุกอย่างที่ฉันต้องการได้ คุณคิดว่าฉันจะต้องการอะไรจากคุณอีกคะ พูดง่ายๆ เลยนะ มีทางเดียวที่คุณจะทำได้คือให้ผู้เข้าแข่งขันของคุณถอนตัวออกจากการประกวดซะ ไม่อย่างนั้นตอนที่ตำรวจตามสืบจนรู้ความจริง คุณก็จะลงเอยด้วยการต้องถอนตัวอยู่ดี และมันคงจะดูไม่ดีนักหรอกค่ะ”

 

 

“ถ้าคุณอยากจะแก้แค้นก็มาลงที่ฉัน ลูกสาวของฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้”

 

 

“ถูกของคุณค่ะ ฉันต้องเอาคืนกับคุณแน่ และจุดอ่อนของคุณก็คงจะเป็นลูกสาวสินะคะ ฉันอยากจะให้คุณยอมรับว่าตัวเองต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เกิดจากการกระทำของคุณเอง ถ้ากล้ามาแตะต้องคนของฉันคุณจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต” ถังหนิงกล่าวเสียงหนัก “ตอนที่ยังเป็นนักแสดงอยู่ ฉันอาจจะยอมให้คุณกดขี่รังแก แต่ตอนนี้ในฐานะผู้จัดการ ฉันจะยอมรับความพ่ายแพ้ก็ต่อเมื่อคุณล้มฉันได้เท่านั้นแหละ”

 

 

“ฉันขอร้องคุณล่ะ ได้โปรดเถอะ”

 

 

“คนที่ยอมกราบเท้าคนอื่นหลังจากที่พวกเขาทำพลาด เป็นพวกที่แทบจะไม่สมควรที่จะได้รับความเห็นใจค่ะ” ถังหนิงเอ่ยก่อนกดวางสาย

 

 

หากผู้หญิงคนนี้ฉลาด เธอจะหาเหตุผลที่เหมาะสมให้ลูกสาวของเธอถอนตัวจากการประกวด ไม่อย่างนั้นเธอจะพาให้ตัวเองไปอับอายต่อหน้าคนทั้งประเทศในท้ายที่สุด

 

 

สองวันถัดมาถังหนิงได้ข่าวว่ามีบางคนถอนตัวออกจากการประกวด ด้วยเหตุที่ผู้เข้าแข่งขันคนนั้นขาหัก

 

 

ทุกคนต่างรู้ความจริงกันดี แต่พวกเขาก็รู้ว่ามันคือราคาที่พวกเขาสมควรต้องชดใช้เช่นกัน!

 

 

แม้ว่าความแค้นเรื่องซิงหลานอาจจะได้รับการชำระแล้ว…

 

 

…แต่มันยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้นสำหรับเรื่องของหลินเฉี่ยน

 

 

เฉวียนจื่อเยี่ยสั่งให้คนของตระกูลจ้างนักสืบส่วนตัวเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้โดยละเอียด ในที่สุดก็พบว่าเป็นกลุ่มนักเลงกระจอกที่ทำร้ายหญิงสาวทั้งสองคนในคืนนั้น

 

 

พวกมันถูกทำร้ายจนกระทั่งหัวแตกโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้นให้สาสมกับความแค้นของเขา

 

 

เฉวียนจื่อเยี่ยไม่ใช่คนที่จะทำตามกฎ ถังหนิงต้องวางแผนทุกย่างก้าวเพื่อให้ใครมาทำร้ายเธอ แต่ทว่าไม่ใช่สำหรับเขา

 

 

หากมีใครกล้ามาแตะต้องคนของเขา เขาจะทำให้พวกมันชดใช้ให้สมกับสิ่งที่ทำลงไป

 

 

ทั้งถังหนิงและเฉวียนจื่อเยี่ยต่างกรุ่นโกรธกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ และหลายคนในวงการก็รับรู้เรื่องนี้ แต่แน่นอนว่าถังหนิงไม่ได้เปิดเผยว่าซิงหลานได้เซ็นสัญญากับไห่รุ่ยแล้ว มันยังไม่ถึงเวลา

 

 

ซิงหลานเข้าร่วมการถ่ายทำเพื่อประชาสัมพันธ์การประกวดในเวลาถัดมา เมื่อถูกถามถึงเรื่องที่ถูกลอบทำร้าย ซิงหลานก็กล่าวขอบคุณคนที่เข้ามาช่วยโทรแจ้งตำรวจในคืนนั้นก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นออกไปอย่างหนักแน่น

 

 

“ฉันยืนยันว่าจะเข้าประกวดต่อไปจนกว่ารายการจะจบค่ะ…

 

 

“ฉันอยากจะบอกทุกคนว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะไม่ลืมความตั้งใจเดิมของตัวเอง ผู้ที่ไม่หวังดีจะไปไม่ได้ไกลนักหรอกค่ะ”

 

 

ในตอนนี้เองที่มีบางคนตั้งข้อสงสัยเรื่องการถอนตัวจากการประกวดของผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่ง และพบว่าเธอเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยอาการขาหักจริง

 

 

แต่กลับมีนักข่าวจับภาพที่เธอกำลังเดินออกจากบ้านและขับรถเอาไว้ได้

 

 

ดังนั้นจึงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าการขาหักเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น

 

 

ส่วนเรื่องที่ว่าที่อยู่ของผู้เข้าแข่งขันคนนี้หลุดไปได้อย่างไรนั้น มันคงจะเป็นปริศนาไปตลอดกาล

 

 

 

 

เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลินเฉี่ยนต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลากว่าหนึ่งอาทิตย์

 

 

ในช่วงที่เธอนอนรักษาตัวอยู่ เรื่องทั้งหมดก็ได้ถูกสะสางและคนที่เกี่ยวข้องก็ได้รับโทษในสิ่งที่ก่อขึ้น

 

 

ในที่สุดเธอก็กลับมาทำหน้าที่เพราะซิงหลานกำลังจะเข้าแข่งขันอีกครั้ง ทว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้จัดการของเฉวียนจื่อเยี่ยได้ส่งซุปไก่และสมุนไพรบำรุงร่างกายมาให้เธออยู่ตลอด

 

 

จนหลินเฉี่ยนเริ่มจะเอียนเต็มที

 

 

“เฉี่ยนเฉี่ยน คุณก็รู้นิสัยพี่ชายตัวเองนี่ ถ้าคุณไม่ดื่มมันให้หมดฉันก็กลับไปรายงานเขาไม่ได้นะ”

 

 

“งั้นคุณก็ดื่มสิคะ” หลินเฉี่ยนตอบ

 

 

“ถ้าคุณไม่ดื่ม พรุ่งนี้เขาอาจจะส่งตัวเองมาหาคุณแทนก็ได้”

 

 

เธอไม่อาจทนกับคำขู่นั้นได้จึงกระดกชามซุปไก่ดื่มในทันที

 

 

อันที่จริงการที่หลินเฉี่ยนยอมรับการดูแลจากเฉวียนจื่อเยี่ยนับว่าเป็นสัญญาณของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาที่กำลังกลับมาเข้าใกล้กันมากขึ้น อย่างน้อยเธอก็ไม่ปฏิเสธความหวังดีของเขาแล้ว

 

 

คืนนั้นซิงหลานยืนกรานว่าจะไปส่งหลินเฉี่ยนที่บ้าน ทว่าเมื่อพวกเธอกลับมาถึงก็พบเฉวียนจื่อเยี่ยกำลังยืนพิงประตูบ้านอยู่

 

 

ซิงหลานระบายยิ้มและแยกตัวออกไป ในขณะที่หลินเฉี่ยนเอ่ยถาม “มีดาราดังมารออยู่หน้าประตูบ้านของผู้จัดการ คนอื่นเขาจะคิดกันยังไง”

 

 

“ทุกคนก็คิดว่าเธอเป็นแค่น้องสาวฉันไงล่ะ” เขายืนกอดอกตอบอย่างเอื่อยเฉื่อย

 

 

เธออดรำคาญที่จะต่อปากต่อคำกับเขาไม่ได้พลางเปิดประตูเข้าไปในห้อง หากแต่เฉวียนจื่อเยี่ย

 

 

กลับจับมือขวาเพื่อรั้งเธอไว้

 

 

ทั้งสองสบตากันและกันอยู่ชั่วครู่ก่อนหลินเฉี่ยนจะถอนหายใจออกมา “เข้ามาสิ”