ตอนที่ 10 ความกตัญญูของเย่ฉูฉู่

 

“แม่ครับ รีบทำกับข้าวเถอะ ยุ่งอยู่บนเขามาครึ่งค่อนวัน หิวจะตายอยู่แล้ว” ตอนที่ทุกคนกำลังตื่นเต้น จ้าวเหวินเทาพลันพูดด้วยท่าทางสงบ

“ได้สิ เดี๋ยวก็ได้กินแล้ว รอครู่หนึ่งนะ” คุณแม่จ้าวพูดกับลูกชายด้วยรอยยิ้มตาหยี

สายตาของคุณพ่อจ้าวที่มองลูกชายก็ประกายด้วยความอบอุ่นเช่นกัน ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือไม่ แต่เขามักจะรู้สึกว่าการเป็นลูกชายคนสุดท้องช่างโชคดีจริง ๆ

ก่อนหน้านี้ตอนที่ฐานะไม่ดีจนแทบจะกินแกลบ เขาเองก็จะได้ปลาตัวใหญ่ ไม่ก็ไก่ป่าอะไรทำนองนั้นกลับมาบ้านเป็นครั้งคราว นี่ก็เป็นเวลาพักใหญ่แล้วที่ไม่ได้ขึ้นเขา ครั้นได้ขึ้นเขาในวันนี้ก็จับกระต่ายกลับมาได้หนึ่งตัว

คนอื่น ๆ ขึ้นยอดเขาทั้งวันได้เห็ดส่วนหนึ่งและไข่นกอีกสองสามฟอง แต่ไม่ได้อะไรมากไปกว่านี้แล้ว

  

“อาเล็ก อาเก็บผลไม้ป่ามาด้วยใช่ไหมคะ?” ซานหยากะพริบตาปริบ ๆ ขณะมองไปยังตะกร้าใบเล็กที่อาเล็กของเธอกำลังกอดอยู่ที่หน้าอก

“ใช่แล้ว” จ้าวเหวินเทาพูด ก่อนจะหยิบราสเบอร์รี่จำนวนไม่น้อยออกมาแบ่งให้หลานชายและหลานสาว

ทั้งนี้เขายังแบ่งให้พ่อและแม่ของเขาส่วนหนึ่งด้วย ผลไม้นี้มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน แต่ไม่สามารถกินในปริมาณมาก ๆ ได้ หลังจากแบ่งเสร็จแล้วก็นำกลับไปที่ห้องของตัวเอง และแบ่งให้พวกพี่สะใภ้ด้วย

เย่ฉูฉู่ชื่นชมเป็นอย่างมาก เหวินเทาของเธอมีความสามารถมากจริง ๆ

เข้าไปในป่าครั้งเดียวไม่เพียงแต่จะได้ฟืนกลับมา ยังได้กระต่ายป่าและผลไม้ป่าติดไม้ติดมือกลับมาด้วย สามีบ้านไหนจะมีความสามารถเหมือนกับสามีของเธอบ้าง?

“ภรรยา ทำไมมองผมแบบนี้ล่ะครับ” จ้าวเหวินเทาปิดประตูห้องพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม

“สามีของฉันเก่งน่ะค่ะ” เย่ฉูฉู่แก้มแดงปลั่ง

 

“แค่นี้ก็เรียกว่าเก่งแล้วเหรอครับ? งั้นภรรยาดูสิว่าคืออะไร?” หลังจากจ้าวเหวินเทาหยิบราสเบอร์รี่ที่เหลืออยู่ออกมาจากตะกร้า เขาก็หยิบไข่ไก่ฟ้าอีก 8 ฟองออกมา มองหน้าภรรยาพร้อมยักคิ้วหลิ่วตาด้วยรอยยิ้ม

“นี่มัน…คุณได้มาจากที่ไหนคะ?” เย่ฉูฉู่ชะงักงัน เก็บไข่ไก่ฟ้ามาเยอะขนาดนี้เชียวเหรอ?

“ก็ต้องได้มาจากบนป่าสิครับ วันนี้โชคดีกว่าปกติเยอะเลย” จ้าวเหวินเทาพูดเจือรอยยิ้ม “ภายในใจผมก็เอาแต่คิดว่าภรรยาผมไม่มีอะไรให้กินเลย ตอนที่กำลังคิดอยู่ก็เห็นไข่ไก่ฟ้ารังนี้เข้าพอดี ภรรยา คุณคิดว่าคุณคือดาวนำโชคของผมหรือเปล่า? แค่คิดถึงคุณก็ได้เจอกับไข่ไก่มากมายขนาดนี้แล้ว”

เย่ฉูฉู่ใบหน้าแดงระเรื่อ “คุณ…คุณอย่าทำให้ฉันอายสิคะ”

“ไม่ได้ทำให้คุณอายสักหน่อย ผมคิดถึงคุณจริง ๆ นะ” จ้าวเหวินเทาพูด

 

ท้องฟ้ายังสว่างอยู่ เย่ฉูฉู่ไม่กล้าทำเรื่องไร้ยางอายกับเขา เธอจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “งั้นเราจะทำยังไงกับไข่นี้ล่ะ?”

“ก็เก็บไว้กินเองสิ เราก็แบ่งกระต่ายตัวใหญ่นั่นให้แล้วไง” จ้าวเหวินเทาพูดตามเหตุและผลที่ควรจะเป็น “ตอนบ่ายผมอยู่ที่บ้านไม่ได้ไปทำงาน ผมจะให้แม่ต้มไข่ไว้ให้ จะเก็บไว้ในห้องรอคุณกลับมากินนะ”

 

“ฉันไม่หิวหรอกค่ะ คุณให้คุณแม่ต้มให้ แล้วก็แบ่งให้คุณพ่อกับคุณแม่คนละครึ่งนะคะ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งคุณก็เก็บไว้กินเอง” เย่ฉูฉู่กล่าว

 

จ้าวเหวินเทามองภรรยาของตนเองด้วยความพึงพอใจ “ใครจะหิวก็หิวไปแต่ภรรยาของผมจะหิวไม่ได้ ผมจะรอคุณกลับมา ตอนค่ำค่อยมากินด้วยกันนะ”

สายตาที่เขามองเย่ฉูฉู่ทำให้เธอรู้สึกอาย “ฉันออกไปช่วยคุณแม่ก่อนนะคะ”

“ไม่ต้องหรอก ข้างนอกมีคนตั้งเยอะแยะ” จ้าวเหวินเทาพูด

“งั้นฉันจะไปล้างผลไม้มากินสักหน่อย” เย่ฉูฉู่พูด

จ้าวเหวินเทากอดเธอไว้ในอ้อมกอดด้วยรอยยิ้ม “ทำไมจู่ ๆ ถึงได้เขินอายแบบนี้ล่ะ?”

เย่ฉูฉู่ใบหน้าแดงก่ำ นางรีบมองไปยังประตูใหญ่ โชคดีที่ประตูถูกปิดแล้ว แต่หน้าต่างยังเปิดอยู่ เถี่ยต้านที่อยู่ด้านนอกชะโงกหน้าเข้ามา “อาเล็ก อาสะใภ้เล็ก คุณย่าให้มาเรียกไปกินข้าวครับ!”

  

“ไปแล้วจ้ะๆ” เย่ฉูฉู่ขานรับและรีบดีดตัวออกจากอ้อมกอดของเหวินเทาราวกับถูกไฟลนก้น

“หึหึ” เถี่ยต้านยิ้มก่อนจะวิ่งกลับไป

หลังจากที่ทั้งสองคนเดินมารับประทานอาหาร คนอื่น ๆ ก็มองสำรวจมาที่พวกเขาอยู่สองสามครั้ง

เย่ฉูฉู่รู้สึกอึดอัดมาก ทว่าจ้าวเหวินเทากลับใบหน้าเรียบเฉย

แม้ว่าภายในห้องครัวจะมีกระต่ายหนึ่งตัว แต่เป็นเพราะคุณแม่จ้าวคุ้นชินกับการประหยัดในแต่ละวัน จึงไม่มีเหตุผลที่จะกินมันทั้งหมด

ถึงตอนนี้จะเหน็ดเหนื่อยก็จริง แต่ยังมีฤดูเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงหลังจากนี้ที่เหนื่อยยิ่งกว่ารออยู่

 

แน่นอนว่าความสุขจะเกิดขึ้นหลังฤดูเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วง ในเมื่อเก็บผลผลิตของตลอดทั้งปีในช่วงนี้ได้จะไม่ให้มีความสุขได้อย่างไรกัน? แต่จะว่าไปมันก็เหนื่อยจริง ๆ นั่นแหละ

  

ดังนั้นคุณแม่จ้าวจึงได้วางแผนจัดการกับกระต่าย นั่นก็คือการนำมันไปหมักเพื่อทำเป็นเนื้อกระต่ายแห้ง คราวนี้ก็จะเหลือเนื้อให้ทุกคนได้รับประทานในยามที่ทำงานยุ่ง เพื่อให้ทุกคนได้บำรุงร่างกายไปในตัว

ดังนั้นทุกคนในบ้านจึงกินเนื้อหมูสามชั้นที่ตุ๋นจนงวดไปก่อน ซึ่งคุณแม่จ้าวตัดสินใจนำออกมาทำอาหารนิดหน่อยเพื่อให้รางวัลกับทุกคน

ช่วงเที่ยงมีผัดมะเขือเนื้อตุ๋น เช้าวันนี้ทุกคนรับประทานเนื้อส่วนติดมันไปแล้ว ตอนเที่ยงนางจึงทำอาหารจานเนื้ออีกครึ่งหนึ่ง

มะเขือตุ๋นช่างหอมน่ารับประทานเสียเหลือเกิน

คนข้างนอกนั่งรอจนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่

กลางวันมีแค่อาหารจานนี้ กินคู่กับหมั่นโถวแป้งข้าวโพด

หมั่นโถวแป้งข้าวโพดมีเนื้อสัมผัสที่หยาบมาก แต่มีธัญพืชหยาบแบบนี้ก็ไม่เลว ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปจะกินได้ ส่วนมากก็จะกินผักดองคู่กับโจ๊ก

หมั่นโถวแป้งข้าวโพดถูกใส่ไว้ในกระบุง ซึ่งมีจำนวนที่กำหนดไว้ ไม่สามารถกินตอนท้องว่างได้ มะเขือเนื้อตุ๋นก็เช่นกัน ต้องให้คุณแม่จ้าวเป็นคนแบ่ง

 

บ้านอื่นผู้ชายได้กินเยอะส่วนผู้หญิงได้กินน้อย แต่ตระกูลจ้าวไม่มีกฎแบบนั้น ผู้ชายทำงานผู้หญิงก็ทำงานเช่นกัน ดังนั้นทุกคนเท่าเทียมกัน ส่วนจะแบ่งให้สามีและลูกกินมากหน่อยหรือไม่ก็เป็นเรื่องของตนเอง คุณแม่จ้าวไม่เคยยุ่งเรื่องนี้

หลังจากแบ่งให้ผู้ใหญ่และเด็ก ๆ แล้ว ท้ายที่สุดก็เหลืออีกหนึ่งทัพพี คุณแม่จ้าวพูดว่า “เป็นเพราะเจ้าหกถูกทุบตีจึงทำให้มีคนนำมันมาเพื่อขอบคุณ ดังนั้นทัพพีสุดท้ายต้องแบ่งให้เจ้าหกกับลูกสะใภ้หก ไม่มีใครเห็นต่างใช่ไหม?”

“ควรให้น้องหกกินนั่นแหละครับ” พี่รองจ้าวพยักหน้า

 

ตอนนี้พี่สามจ้าวพี่สะใภ้สี่จ้าวต่างก็ไม่กล้าออกความเห็น เพราะวันนี้เจ้าหกก็เสียหยาดเหงื่อออกแรงทำงานจริง ๆ

  其他人也都是没意见,于是这最后一勺子茄子炖肉就由着赵老太分给赵文韬跟叶楚楚。

คนอื่น ๆ ก็ไม่มีความเห็นใด ๆ คุณแม่จ้าวจึงแบ่งมะเขือเนื้อตุ๋นทัพพีสุดท้ายให้จ้าวเหวินเทาและเย่ฉูฉู่

เย่ฉูฉู่เห็นว่าส่วนของเหวินเทาถูกแบ่งออกมาครึ่งหนึ่ง จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณแม่ ส่งทัพพีมาให้ฉันหน่อยค่ะ”

“เอาสิ” คุณแม่จ้าวไม่ได้พูดอะไร นางยื่นทัพพีที่เหลือเนื้ออีกครึ่งหนึ่งมาให้

เย่ฉูฉู่รับช้อนมา จากนั้นนำมะเขือเนื้อตุ๋นที่เหลืออยู่ตักใส่ถ้วยคุณพ่อจ้าว “คุณพ่อ กินเถอะนะคะ”

คุณพ่อจ้าวชะงักไปครู่หนึ่ง

คนอื่น ๆ ก็ชะงักเพราะสิ่งที่เย่ฉูฉู่ทำเช่นเดียวกัน คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะไม่รู้สึกเสียดาย ในนั้นยังเหลือเนื้อกับน้ำมันอีกตั้งเยอะเลยนะ!

 

“ฉูฉู่ เธอกินไปเถอะ” โดยไม่ต้องกล่าว คุณแม่จ้าวมองลูกสะใภ้คนเล็กทันที

“คุณพ่อทำงานหนัก ให้คุณพ่อกินเยอะ ๆ หน่อยเถอะค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เด็กคนนี้นี่นะ” คุณแม่จ้าวยิ้มให้เธอ จากนั้นก็พูดกับสามีว่า “ตาแก่ ลูกสะใภ้ของเรากตัญญูต่อคุณแล้ว คุณกินเถอะ”

 

“อือ” สายตาของคุณพ่อจ้าวดูอบอุ่น แม้จะไม่ได้แสดงออกมากมายอะไร แต่ทุกคนก็พอจะมองออกว่าในใจของผู้เป็นพ่อกำลังมีความสุข

จ้าวเหวินเทายิ้มให้ภรรยาตนเองจนตาหยี

เย่ฉูฉู่ถูกเขามองจนรู้สึกอาย จึงพูดว่า “รีบกินเถอะค่ะ กินเสร็จจะได้ไปพักผ่อน”

“ได้ครับ” จ้าวเหวินเทาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

สะใภ้หกเปลี่ยนไปจนทุกคนอึ้ง หลังจากนี้สถานการณ์ความสัมพันธ์ในบ้านจ้าวคงดีขึ้นแล้วสินะ

ไหหม่า(海馬)