บทที่ 182
หานเฟิงตะโกนขึ้นมา “ให้ตายเถอะ ทำไมลูกไม้ของฉันถึงได้รับความนิยมอย่างนี้ ศิษย์น้องลู่ฝาน ทักษะการแสดงของพวกเขาดีกว่านายเยอะเลย”
ลู่ฝานกลอกตามองบนไม่หยุด หลิงเหยาที่อยู่ข้างๆ หัวเราะอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์
ในขณะที่กำลังวุ่นวาย เสียงอันมีพลังดังขึ้นมา
“เงียบให้หมด”
เสียงเหมือนฟ้าผ่า สะเทือนจนทุกคนเงียบ มีเงาคนเดินมาจากไกลๆ เมื่อทุกคนเห็นคนคนนี้ ต่างพากันเรียกอย่างเคารพ “ครูซุนเฉิง”
ซุนเฉิงพูดเสียงดังว่า “ดูพฤติกรรมพวกนายสิ นี่มันอะไรกัน ตอนนี้เปลี่ยนกฎแล้ว จะเข้าหอคอยฝึกฝน ไม่เพียงแต่ต้องมีรายชื่อในอันดับบู๊ ผลการฝึกตนต้องผ่านระดับแดนปราณนอก ถ้าไม่ถึง ก็ไสหัวกลับไปฝึกให้หมด จะมายืนล้อมอยู่ตรงนี้ทำไม พวกแกสองตัวได้ยินชัดเจนหรือยัง”
ครูซุนเฉิงชี้หุ่นเชิดสองตัว แล้วแผดเสียงออกมา
หุ่นสองตัวรีบพูดอย่างนอบน้อมว่า “ครับ!”
พูดจบ พวกนักเรียนออกไปด้วยความสิ้นหวัง
หานเฟิงหัวเราะ แล้วพูดว่า “คนพวกนี้ซวยจริงๆ ลูกไม้ของฉัน อยากฝึกก็ฝึกได้งั้นเหรอ ฮ่าๆ ศิษย์น้องลู่ฝาน เราสองคนโชคดีแล้ว”
ลู่ฝานพยักหน้า “ดวงไม่เลวเลยจริงๆ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ลู่ฝานนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เอาเคล็ดวิชา ที่ได้จากในหอคอยฝึกฝนออกมา ยื่นให้หลิงเหยาแล้วพูดว่า “นี่ให้เธอ”
หลิงเหยาอึ้งไป เดิมทีเธอพูดเล่นกับลู่ฝาน คิดไม่ถึงว่าลู่ฝานจะเอาเคล็ดวิชาออกมาให้เธอจริงๆ
อีกทั้งแถบสีเขียวรางๆ ที่สามแถบด้านล่าง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเคล็ดวิชาบู๊ระดับทิพย์ขั้นสูง
หลิงเหยายืนอึ้งอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหน
ลู่ฝานถามอย่างแปลกใจ “เอาไปสิ เป็นเคล็ดวิชาบู๊ที่ไม่เลวเลยนะ วิชาพิณซึ้ง ฉันคิดว่าน่าจะเหมาะกับเธอมาก”
หลิงเหยากัดริมฝีปาก “นี่เป็นเคล็ดวิชาบู๊ระดับทิพย์ขั้นสูง นายแน่ใจเหรอ ว่าจะให้ฉัน”
ลู่ฝานขมวดคิ้ว “ก็จะให้เธออยู่แล้ว”
หลิงเหยายังไม่ยื่นมือออกมารับ แล้วถามต่อ “แล้วของนายล่ะ เคล็ดวิชาบู๊ระดับทิพย์ขั้นสูง อย่างน้อยต้องไปเอาที่ชั้น 5 อีกทั้งแต่ละชั้นเอาได้แค่เล่มเดียว”
ลู่ฝานพูดอย่างตกใจ “เธอรู้เยอะมากเลยนะ วางใจเถอะ ฉันได้ของดียิ่งกว่ามาแล้ว เล่มนี้เลยให้เธอ”
ลู่ฝานเอาเคล็ดวิชาบู๊ ยัดใส่มือหลิงเหยาทันที
หลิงเหยามองรอยยิ้มเบิกบานบนใบหน้าลู่ฝาน จู่ๆ เธอหยิบตุ๊กตาผ้าตัวเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า
มีรอยปะอยู่บนตัวตุ๊กตาผ้าเต็มไปหมด ตัวขนาดประมาณฝ่ามือ
หลิงเหยาก้มหน้าแดง ยัดตุ๊กตาผ้าใส่มือลู่ฝาน
“นี่ให้นาย”
เสียงหลิงเหยาเบาเหมือนยุง แต่คนที่หูดีอย่างลู่ฝานได้ยินชัดเจน ถ้าเป็นคนอื่น ต้องไม่ได้ยินอย่างแน่นอน
เมื่อเสร็จเรียบร้อย หลิงเหยากอดเคล็ดวิชาบู๊ แล้วหันหลังวิ่งไป หายไปจากสายตาลู่ฝาน อย่างรวดเร็ว
ลู่ฝานมองตุ๊กตาผ้าในมือ รู้สึกงุนงง
หานเฟิงใช้ศอกกระแทกหน้าอกลู่ฝานเบาๆ แล้วพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน เธอบอกว่าจะไปเจอเจ้าดำที่คณะหนึ่งเดียวกับเราไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ถึงวิ่งหนีไปล่ะ”
ลู่ฝานส่ายหน้า “ผมจะไปรู้ได้ไงล่ะ ตุ๊กตานี่ หมายความว่ายังไง”
หานเฟิงยิ้มแปลกๆ แล้วพูดว่า “ฉันว่า 80 เปอร์เซ็นต์ แม่นางหลิงเหยาชอบนาย ตุ๊กตาตัวนี้เป็นของแทนใจมั้ง ใช้ได้นี่ ศิษย์น้องลู่ฝาน เคล็ดวิชาบู๊เล่มเดียวแลกกับคนข้างกายที่สวยขนาดนี้ คุ้มค่าจริงๆ”
ลู่ฝานจิปากใส่หานเฟิง “ศิษย์พี่หานเฟิง พี่จะซวยเพราะปาก ไม่ช้าก็เร็ว”
หานเฟิงส่งเสียงไม่พอใจออกมา “ศิษย์น้องลู่ฝาน นายแช่งฉันแบบนี้ได้ไง ฉันเป็นศิษย์พี่แสนใจดีของนายนะ ช่างเถอะๆ ถ้านายไม่ต้องการตุ๊กตาตัวนี้ งั้นให้ฉันสิ ฉันจะเอาไปให้เจ้าดำเล่น”
ลู่ฝานเอาตุ๊กตาผ้าเก็บไว้ในแหวนจิ่วเซียวของตัวเอง ส่ายนิ้วไปมาแล้วพูดว่า “วางใจเถอะ ผมไม่ให้พี่หรอก”
ศิษย์พี่หานเฟิงเบะปาก “ไอ้ขี้เหนียว ฉันว่านายก็ชอบเธอเหมือนกัน”
ลู่ฝานเชิดหน้าขึ้น “ชอบแล้วยังไง”
ทั้งสองจ้องหน้ากัน แล้วเดินไปข้างหน้า
บนถนนอีกเส้นหนึ่ง หลิงเหยาชะงักฝีเท้าลง
เธอรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นตึกตัก ก้มมองเคล็ดวิชาบู๊ในมือ หลิงเหยาพึมพำว่า “ขอโทษนะอาจารย์ ฉันเอาตุ๊กตาที่อาจารย์ให้ ไปให้คนอื่นแล้ว แต่ลู่ฝานเป็นคนดีจริงๆ เขาเก็บตุ๊กตาเอาไว้ ได้ใช้ประโยชน์มากกว่าฉัน”
หลิงเหยาเอาเคล็ดวิชาบู๊ใส่ลงไปในกระเป๋า หลิงเหยาเอาตุ๊กตาอีกตัวออกมาจากกระเป๋า
ถ้าตอนนี้ลู่ฝานอยู่ ต้องมองออกว่าตุ๊กตาทั้งสองตัวเหมือนกันไม่มีผิด นอกจากสีรอยปะที่แตกต่างกัน อย่างอื่นเหมือนกันทุกอย่าง
หลิงเหยาส่ายตุ๊กตาไปมา 2-3 ครั้ง จู่ๆ มีแสงหม่นหมองส่องออกมาจากตาของตุ๊กตา
หลิงเหยาตบหัวตุ๊กตา เธอหัวเราะอย่างมีความสุข และเก็บมันลงในกระเป๋า แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
และในแหวนของลู่ฝาน ตุ๊กตาที่ดูธรรมดาๆ ตอนนี้ดวงตาที่เหมือนกระดุม มีแสงสว่างออกมาเบาๆ
ลวดลายซับซ้อน สลักไว้ในส่วนลึกของตาตุ๊กตา กะพริบเป็นระยะ
พลังอันแปลกประหลาด เกิดขึ้นบนตัวตุ๊กตา และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แสงสว่างนี้ เหมือนแสงของหินค่ายกลเป็นอย่างมาก และประโยชน์ของหินค่ายกลมีเพียงสองอย่างเท่านั้น
หนึ่งคือ เอาไว้วางค่ายกล
สองคือ สร้างและยกระดับหุ่นเชิด
ทันใดนั้น มุมปากของตุ๊กตาผ้ามีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นมา เหมือนมันมีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
บทที่ 181
C