บทที่ 183
เงียบตลอดทั้งคืน
วันต่อมา ลู่ฝานกับหานเฟิงเดินลงจากเขาวิพากษ์
“โอ้ว หลับสบายมาก ศิษย์น้องลู่ฝาน ต่อไปเรามาที่เขาวิพากษ์ทุกๆ สองสามวันดีกว่า หอเครื่องหอมเป็นสถานที่ที่ดี เตียงนั่น กลิ่นหอมนั่น……”
ศิษย์พี่หานเฟิงพูดไปพูดมา น้ำลายจะไหลออกมาอีกแล้ว
ลู่ฝานพูดตัดบทศิษย์พี่ “เหรียญทองก็ไหลออกไปอย่างรวดเร็ว แค่คืนเดียว ตั้งหลายร้อยเหรียญทอง ครั้งนี้มีเงินของพวกคณะหยินหยางที่ให้เราไม่น้อย แต่ครั้งหน้า และครั้งต่อๆไป ศิษย์พี่หานเฟิงแน่ใจเหรอว่าจะจ่ายไหว”
สีหน้าของศิษย์พี่หานเฟิงสลดทันที พูดขึ้นมา ลู่ฝานเป็นคนออกค่าที่พักเมื่อคืน เขาเสียดายเงินเล็กน้อยที่มีในตัว นั่นเป็นเงินส่วนตัวของเขาเชียวนะ
“เฮ้อ ถ้าคนในครอบครัวฉันสนับสนุนฉันสักหน่อย ฉันจะแคร์เงินเล็กน้อยพวกนี้เหรอ……”
ศิษย์พี่หานเฟิงส่งเสียงหึออกมา จากนั้นสบถพึมพำออกมาอีกสองสามประโยค
ลู่ฝานไม่รู้ว่าศิษย์พี่หานเฟิงกำลังพูดอะไร และไม่อยากสนใจ
ที่ตีนเขาเขาวิพากษ์ ศิษย์พี่ฉู่สิงกับฉู่เทียนรออยู่นานแล้ว
เห็นหานเฟิงกับลู่ฝานเดินมา ศิษย์พี่ฉู่สิงกับฉู่เทียนยิ้มอย่างสดใส
“ฮ่าๆ ศิษย์น้องทั้งสอง ในที่สุดก็มาสักที พวกนายคงคิดไม่ถึง เมื่อคืนพวกเราอยู่ที่ตึกพิณคืนละห้าสิบเหรียญทอง ดูอาวุธบนมือเราสิ เป็นอาวุธอย่างดีที่หลอมเป็นร้อยครั้ง ดาบกับกระบี่อย่างละเล่มรวมกันแล้วห้าร้อยกว่าเหรียญทองเชียวนะ”
ฉู่สิงกับฉู่เทียนยิ้มอย่างมีความสุขจนออกทางใบหน้า
หานเฟิงกระแอมเบาๆ หนึ่งที หันไปถามลู่ฝานว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน เราโจมตีเขากลับหน่อยไหม”
ลู่ฝานพยักหน้า ทำท่าผายมือเชิญให้หานเฟิง
หานเฟิงเอาป้ายออกมาจากมือ นั่นเป็นป้ายของหอเครื่องหอม หานเฟิงขโมยออกมาโดยเฉพาะ
“เฮ้อ ศิษย์พี่สาม ศิษย์พี่รอง รสนิยมของพวกพี่ ใช้ไม่ได้เอาเสียเลย ตึกพิณ คืนละห้าสิบเหรียญทอง พูดออกมาได้ เห็นไหม ป้ายห้องของหอเครื่องหอม เมื่อคืนผมกับศิษย์น้องลู่ฝาน เสียเงินแปดร้อยเหรียญทอง เพลิดเพลินทั้งคืน ของพวกพี่นับประสาอะไรกัน ยังเอามาอวดอีก”
ฉู่สิงกับฉู่เทียนเบิกตาโตทันที
จากนั้น ฉู่สิงเดินมาแย่งป้ายห้องหอเครื่องหอมในมือหานเฟิง หลังจากมองอย่างละเอียด ฉู่สิงหางตากระตุก “เป็นป้ายห้องของหอเครื่องหอมจริงๆ นายไม่ได้ขโมยออกมาใช่ไหม นายเอาเหรียญทองแปดสิบเหรียญมาจากไหน คนอย่างนาย ขนาดเหรียญสตางค์ยังเก็บไว้เลย”
หานเฟิงพูดด้วยสายตาล่องลอย “ขโมยออกมาน่ะใช่ แต่นี่ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือศิษย์น้องลู่ฝานจ่ายให้ เหอะๆ พวกพี่คงไม่รู้สินะ เมื่อวานผมกับศิษย์น้องลู่ฝานทำเรื่องใหญ่มากมายเลยล่ะ”
พูดพลาง หานเฟิงเล่าเรื่องที่เขากับลู่ฝานทำ ให้ฉู่สิงกับฉู่เทียนฟัง
ไม่พูดก็ไม่ได้ ความสามารถในการเล่าเรื่องของหานเฟิงเข้าขั้นดี โม้ได้สุดยอด คนที่รู้ ยังฟังออกว่าเขาพูดเกี่ยวกับตัวเองกับลู่ฝาน คนที่ไม่รู้คงนึกว่าเขากำลังพูดถึงการต่อสู้ระหว่างเทพมารในสมัยโบราณ
“เฮ้อ ถ้าคนในครอบครัวฉันสนับสนุนฉันสักหน่อย ฉันจะแคร์เงินเล็กน้อยพวกนี้เหรอ……”
เล่ามาหนึ่งชั่วยามเต็มๆ หานเฟิงจึงหยุดพูด
ฉู่สิงกับฉู่เทียนตัดการบรรยายที่ไร้สาระออกไป ถามเจาะจงออกมาว่า “หมายความว่า พวกนายรีดไถนักเรียนของคณะหยินหยางสามคน และนักเรียนคณะสงบใจหนึ่งคนเหรอ”
หานเฟิงพยักหน้า “ฟังดูประหลาด รีดไถอะไรกันล่ะ แต่ความจริงก็เป็นแบบนั้นแหละ”
ฉู่สิงกับฉู่เทียนยื่นมือมาตรงหน้าลู่ฝานกับหานเฟิง ฉู่สิงตะโกนออกมาอย่างน่าสงสาร “ศิษย์น้องทั้งสอง สงสารศิษย์พี่ดวงซวยคนนี้เถอะ”
ฉู่เทียนพูดเสียงก้องว่า “กฎของคณะหนึ่งเดียว มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน พวกนายได้มา อย่างน้อยก็แบ่งมาสักหน่อย”