“จางเฮ่อ 10 คะแนน!”
“หลี่เซิง 15 คะแนน!”
“เปาเหล่ย 23 คะแนน!”
“วังดง 0 คะแนน!”
อาจารย์ที่ประกาศคะแนนมองไปยังวังดงที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เขาสามารถคาดเดาได้ว่าวังดงจะต้องถูกทุบตีอย่างรุนแรงและแย่งวัตถุดิบไปจึงเป็นเหตุให้ไม่ได้รับคะแนนเลยแม้แต่คะแนนเดียว
แต่สําหรับเรื่องแบบนี้ มันเป็นเรื่องปกติ หากไม่แข็งแกร่งมากพอจะถูกช่วงชิงไปก็สมควรแล้ว
“หลี่หยุนซิง 195 คะแนน!”
เมื่อคะแนนของหลี่หยุนซิงถูกประกาศออกมา เหล่าศิษจากสถาบันที่ 2 ก็แสดงสีหน้าภาคภูมิใจ เนื่องจากหลี่หยุนซิงเป็นคนของสถาบันกองทัพที่ 2 เช่นเดียวกับพวกเขา นี่เป็นหน้าเป็นตาของสถาบันอย่างแท้จริง
“ชิ!! แค่ 195 คะแนน แกยังกล้าที่จะท้าประลองกับฉันอีก?”
โม่เฉ่าเป่ยเดินออกมาจากเขตป่าและมองไปที่หลี่หยุนซิงด้วยสีหน้าเย็นชา
จากนั้นเขาก็หยิบชิ้นส่วนของสัตว์ร้ายที่เขาได้รับออกมาทีละชิ้น
อาจารย์ผู้ตรวจคะแนนเริ่มตรวจสอบสิ่งที่โม่เส้าเป่ยได้รับมาอย่างละเอียดและประกาศออกมาด้วยสีหน้าตกตะลึง “โม่เฉ่าเป่ย 427 คะแนน!”
“เยอะขนาดนั้นเลย?”
สีหน้าของหลี่หยุนซิงเปลี่ยนไปและกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
“แกจะต้องแย่งคนอื่นมาแน่!”
“นั่นก็เป็นความสามารถของฉัน!”
โม่เฉ่าเป่ยยิ้มเยาะ
ใบหน้าของหลี่หยุนซิงพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงและไม่รู้ว่าจะกล่าวโต้แย้งอย่างไรดี
“ว้าว 427 คะแนน ในบรรดาอัจฉริยะของสถาบันกองทัพที่ 1 โม่เฉ่าเป่ยเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แม้แต่พูดถึงศิษย์ทั้งหมดของทุกสถาบันในฐานหลินไห่เขาก็ยังคงเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่ดีคงไม่มีใครที่ได้คะแนนมากกว่าเขาหรอก!”
“พวกนายยังไม่รู้ใช่ไหมว่าอสูรงูหลามใบไม้เขียวตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในเขตป่า มันถูกผู้ฝึกยุทธจำนวนมากโจมตีจนบาดเจ็บสาหัสและหลบหนีไป แต่สุดท้ายก็มีคนผู้หนึ่งชุบมือเปิบผลประโยชน์ทั้งหมดจากอสูรตัวนั้น เพียงแค่คะแนนอย่างเดียวมันก็มีมูลค่ามากถึง 1,000 แต้มแล้ว!”
“ใครกันที่ทำเช่นนั้น? ดวงตาของสัตว์อสูรก็เพียงพอที่จะได้อันดับหนึ่งแล้ว โชคช่างเข้าข้างเขาจริงๆ! ”
“แม้ว่าเขาจะโชคดี แต่การแย่งชิงของจากมือผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมาก มันทำให้โม่เฉ่าเป่ยและคนอื่นๆโกรธจนแทบบ้า หากคนๆนั้นกล้าเอาลูกตาของสัตว์อสูรงูหลามใบไม้เขียวมาแลกเป็นคะแนนจริง ๆ ตัวตนของเขาก็จะถูกเปิดเผย มันไม่เท่ากับว่ากำลังดูหมิ่นล่วงเกินโม่เส้าเป่ยและคนอื่นๆซึ่งหน้าหรอกหรือ?”
“หึ! รางวัลของอันดับหนึ่งคือเลือดสัตว์อสูรระดับกลาง 3 ชุด และเงินอีก 100,000 หยวน ถึงจะล่วงเกินโม่เฉ่าเป่ยมันก็คุ้มค่า โม่เฉ่าเป่ยคงไม่กล้าลงมือในฐานหลินไห่หรอกมั้ง”
“นายไม่รู้หรอ? โม่เฉ่าเป่ยเป็นคนของตระกูลโม่ที่ของฐานหลินไห่ การล่วงเกินคุมอำนาจที่แข็งแกร่งเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องดีเลย”
โม่เฉ่าเป่ยไม่สนใจบทสนทนาของคนอื่น ๆ สายตาของเขาจับจ้องไปที่ทางเข้าป่า
“ฮึ่ม!! ฉันไม่เชื่อว่าเจ้านั้นจะยอมทิ้งตำแหน่งอันดับหนึ่ง หากฉันว่ามันเป็นใคร ฉันจะทำให้มันเสียใจกับความกล้าหาญของมัน!” ดวงตาของโม่เฉ่าเป่ยฉายแววดุร้ายและคิดกับตัวเอง
เมื่อเวลาที่กําหนดใกล้จะสิ้นสุดลง เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกมาจากเขตป่า เขาสะพายกระเป๋าใบใหญ่และกระเป๋าใบเล็กไว้บนหลัง
เด็กหนุ่มคนนี้คือเย่เทียน
“อาจารย์ นี่คือสิ่งที่ผมได้รับ โปรดคํานวณดู!”
เย่เทียนส่งถุงใบใหญ่ให้อาจารย์ที่คํานวณคะแนนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
อาจารย์ได้เปิดกระเป๋าและพิจารณาอย่างรอบคอบและกล่าวว่า
“ทั้งหมด 163 คะแนน!”
คะแนนขนาดนี้ก็ไม่น้อยแล้ว อีกนิดเดียวก็จะติดสิบอันดับแรกได้
เย่เทียนพยักหน้า
“อาจารย์ ผมยังมีชิ้นส่วนสัตว์อสูรอีกชิ้นหนึ่ง!”
เย่เทียนหยิบลูกตาของงูหลามใบไม้เขียวออกมาจากเป้และวางบนโต๊ะ
เมื่อดวงตาของสัตว์อสูรปรากฏขึ้น พลังลึกลับก็แผ่ออกมาจากดวงตานั้น
“คุณได้ลูกตาของอสูรงูหลาม!” อาจารย์ผู้ตรวจคะแนนมองเย่เทียนด้วยความประหลาดใจ
“ชิ้นนี้มีมูลค่า 1,000 คะแนน คะแนนรวมของคุณคือ 1,163 คะแนน! ”
หืม!!!!
เมื่อได้ยินคำประกาศสายตาทุกคู่ของผู้คนโดยรอบต่างมองมายังเย่เทียน
“แกเป็นใครกัน? กล้าดียังไงมาแย่งลูกตาอสูรงูของพวกเรา?”
โม่เฉ่าเป่ยถามออกมาอย่างเย็นชา
ลูกน้องของโม่เฉ่าเป่ยขยับเข้าไปใกล้พลางกล่าวกระซิบ
“ลูกพี่ ดูเหมือนว่าเจ้าหมอนี่จะเป็นศิษย์จากสถามบันที่ห้า! ”
สถาบันกองทัพที่ 5 ?
เมื่อโม่เฉ่าเป่ยได้ยินดังนั้นเขาก็โกรธมาก
ศิษย์สถาบันกองทัพที่ 5 เป็นเพียงเศษสวะในสายตาของเขาเท่านั้น กล้าดียังไงถึงขโมยลูกตาของงูหลามใบไม้เขียวและเลือดของมันจากมือเขา การกระทำเช่นนี้เท่ากับว่าตบหน้าเขา และตบหน้าสถาบันกองทัพที่ 1 อีกด้วย!
แม้ว่าด้วยสถานะของเขาไม่จําเป็นต้องใช้เลือดของสัตว์อสูรระดับกลาง เนื่องจากเขาสามารถก้าวเข้าสู่ระดับนักรบได้ตลอดเวลา เมื่อถึงเวลานั้นสถานะของเขาในตระกูลจะสูงขึ้น และมีวิธีมากมายที่จะได้รับเลือดสัตว์อสูร
แต่การต้องเสียหน้าเช่นนี้ เขาทนไม่ได้เช่นกัน
“ที่คุณพูดหมายความว่าอย่างไร ฉันขโมยอะไรของคุณไป? น่าขัน!! สัตว์ร้ายในป่าล้วนไม่มีเจ้าของ ในเมื่อฉันเป็นคนฆ่ามัน แน่นอนชิ้นส่วนของมันก็ต้องเป็นของฉัน” เย่เทียนพูดพลางหัวเราะ
เย่เทียนไม่ได้กลัวที่จะล่วงเกินโม่เฉ่าเป่ย ตราบใดที่เขาได้รับเลือดสัตว์อสูรระดับกลาง ด้วยพรสวรรค์ของเขา เขาจะสามารถเลื่อนระดับเป็นนักรบได้ในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนี้เขายังสามารถคัดลอกพรสวรรค์ได้อย่างต่อเนื่อง ความสําเร็จในอนาคตของเขาโม่เฉ่าเป่ยไม่มีทางเทียบได้
นอกจากนี้ในฐานหลินไห่นอกจากวิธีสกปรกแล้ว โม่เฉาเป่ยไม่สามารถทำอะไรเย่เทียนอย่างโจ่งแจ้งได้ เพราะเขารู้ดีว่าโทษของมันจะเป็นเช่นไร
โม่เฉ่าเป่ยรู้ว่าการพูดมากไปนั้นไม่มีประโยชน์ เขาถลึงตาใส่เย่เทียนและกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า
“เจ้าเด็กน้อย คอยดูเถอะ!”
คนอื่นๆก็มองเย่เทียนด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะพวกเขารู้ว่าโม่เฉ่าเป่ยจะต้องไม่ปล่อยเย่เทียนแน่นอน พวกเขาเพียงรออย่างเงียบ ๆ เท่านั้น
การทดสอบสิ้นสุดลงแล้ว
เย่เทียนได้รับเลือดสัตว์อสูรระดับกลางมาสามชุด และเงินอีกหนึ่งแสนหยวน
……
ตอนนี้เวลาล่วงเลยมา 3 วันแล้วตั้งแต่การทดสอบสิ้นสุดลง
ในช่วงสามวันที่ผ่านมา เย่เทียนยังไม่ได้ดื่มเลือดสัตว์อสูรระดับกลาง แต่เขาฝึกฝนเสริมสร้างรากฐานและหลอมกลั่นเลือดสัตว์อสูรระดับต่ําที่ตกค้างอยู่ในร่างกายเขา
เลือดของสัตว์อสูรงูหลามใบไม้เขียวได้หมดลงแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
จากการทดสอบคร่าวๆ เขาสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งของตนในตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 420 จิน พลังเช่นนี้นับว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นกลางแล้ว
แต่นั่นยังไม่พอ!
“อยากรู้จริงๆว่า เลือดของสัตว์อสูรระดับกลางจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของเราขึ้นกี่เท่า?”
เย่เทียนมองไปยังเลือดของสัตว์อสูรระดับกลางในขวดและพึมพําด้วยความคาดหวัง
เขาไม่กล้ารีบกลืนเลือดของสัตว์อสูรในอึกเดียว เพียงแต่จิบมันทีละน้อย
ตูม!!!!
เลือดของสัตว์อสูรระดับกลางนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก มันน่ากลัวยิ่งกว่าเลือดสัตว์อสูรระดับต่ําหลายเท่า แต่ประโยชน์ของมันก็ดีกว่าเลือดของสัตว์อสูรระดับต่ํามากเช่นกัน
เย่เทียนอดทนต่อความเจ็บปวดและเคลื่อนไหวกระบวนท่าวิชาหลอมกายยาอย่างต่อเนื่อง ในสมองของเขาสูญเสียสัมผัสสิ่งแวดล้อมรอบตัวไปโดยสิ้นเชิง ในขณะนี้ทางร่างกายและความคิดของเขาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับวิชาหลอมกายา
ในที่สุด…
ทันใดนั้น เย่เทียนรู้สึกว่าเลือดของสัตว์อสูรระดับกลางใกล้จะหมดลงแล้ว เขาจึงค่อยๆหยุดกระบวนท่า
“เมื่อครู่เราฝึกวิชาหลอมกายาถึงแปดรอบ?”
เย่เทียนรู้สึกประหลาดใจมาก
การฝึกวิชาหลอมกายารวดเดียวแปดรอบ เป็นสิ่งที่เขาเคยไม่กล้าลองมาก่อน มิเช่นนั้นร่างกายจะต้องถูกทําลายอย่างแน่นอน ทว่าด้วยความช่วยเหลือของโลหิตสัตว์อสูรระดับกลางกลับสําเร็จได้ อีกทั้งยังพลังงานในร่างยังคงเต็มเปี่ยม
เย่เทียนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังจึงเริ่มครุ่นคิดคำนวณผลของเลือดสัตว์อสูรระดับกลาง
“เพิ่มขึ้น 8 เท่าของก่อนหน้านี้!”
เย่เทียนตัดสิน
ถ้าเขาสามารถฝึกด้วยเลือดสัตว์อสูรระดับกลางได้อย่างต่อเนื่อง เขามั่นใจว่าเขาสามารถจะเลื่อนขั้นเป็นนักรบได้ภายในหนึ่งเดือน
โลหิตของสัตว์ร้ายระดับกลางนี่น่ากลัวจริงๆ!