“เธอมานี่”

หลิ่วอวี่เจ๋อลากผู้หญิงคนที่คล้ายคลึงกับฉินหงเหยียนให้มาหา

หญิงสาวเดินมาหาอย่างว่าง่ายเพื่อให้หลิ่วอวี่เจ๋อได้พิจารณาใบหน้าของเจ้าหล่อน

“ดวงตาเหมือนมาก เสียดายดั้งแบนไปหน่อย ปากก็ไม่ค่อยเหมือน คางน่าเกลียดเชียว”

ผู้หญิงคนนี้หน้าเหลี่ยม แต่ใบหน้าของฉินหงเหยียนนั้นเล็กนิดเดียว เหมือนดาราขึ้นกล้องมากทีเดียว

“ฉันให้เงินเธอหนึ่งล้านไปศัลยกรรมดีไหม?” หลิ่วอวี่เจ๋อถามหญิงสาว

หญิงสาวคนนั้นลังเลเล็กน้อยก่อนจะถาม “ให้ศัลยกรรมเป็นอะไร?”

หลิ่วอวี่เจ๋อเปิดรูปภาพฉินหงเหยียนจากในโทรศัพท์มือถือ “แบบผู้หญิงคนนี้”

หญิงสาวคนนั้นเห็นใบหน้าสะสวยของฉินหงเหยียนก็รีบพยักหน้า “ฉันยินดีค่ะ!”

หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะ “อืม แล้วก็เปลี่ยนชื่อเสียหน่อย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอชื่อฉินหงเหยียน!”

ฉินหงเหยียนตัวจริง หลิ่วอวี่เจ๋อจัดการไม่ได้ อย่างไรเสียก็เป็นผู้หญิงที่สวี่ฉู่หมิงอาของเขาชอบ

แต่ว่าเขาสามารถทำฉบับเลียนแบบเพื่อให้เหอเหวินเจี้ยนพอใจ ยังไงเสียเหอเหวินเจี้ยนชีวิตนี้ไม่มีทางได้ครอบครองฉินหงเหยียนอยู่แล้ว เขาก็อาจจะไม่รังเกียจคนหน้าเหมือนก็ได้

何文建从KTV里出来,就给王二车打了电话,刚接通就是一顿训斥!

เหอเหิวเจี้ยนเดินออกมาจากคาราโอเกะ แล้วโทรหาหลานชาย ทันทีที่อีกฝ่ายรับสายก็สบถด่าทันที!

“หวังเอ้อร์เชอแกโง่หรือเปล่า! หูประสาอะไรเนี่ย! ในตู้นั้นมีความลับทางธุรกิจบ้าบอคอแตกอะไรกัน! ทำเอาฉันตอนนี้ต้องมาซวยเพราะไปรู้ความลับบ้าบอของเด็กพวกนั้น พวกเขาก็ยังกลัวฉันเอาความลับไปบอกคนอื่นเรื่องความลับปัญญาอ่อนพวกนั้นของพวกเขาฉันก็ขี้เกียจจะสนใจจะตาย!”

เหอเหวินเจี้ยนหัวเสีย

ส่วนหวังเอ้อร์เชอตอนนี้ยังคงอยู่บนรถกับเย่เฉิน เขาเอ่ยปากถามในทันที “ลุงครับ รูปที่ลุงถ่ายให้ผมดู ไม่ใช่ความลับทางธุรกิจเหรอครับ?”

เหอเหวินเจี้ยนระเบิดอารมณ์ “ความลับทางธุรกิจบบ้าบออะไรล่ะ! เป็นกำแพงเกียรติยศของพวกเขา เป็นรูปผู้หญิงที่เด็กห้าคนนั่นตามจีบ ดูว่าใครจะจีบติดต่างหาก”

หวังเอ้อร์เชอรีบร้อนถามอีกฝ่ายตามที่เย่เฉินบอก “ผมเห็นผู้หญิงที่อยู่ฝั่งซ้ายสุดหน้าตาสวยดี แถมยังมีเครื่องหมายกากบาทสองอัน วงกลมสีแเดงอ่อนอันหนึ่ง สีแดงเข้มอันหนึ่ง แปลว่าอะไรเหรอครับ? แปลว่าโดนพวกหลิ่วอวี่เจ๋อสอยไปแล้วหรือเปล่า

ตอนนี้เหอเหวินเจี้ยนกำลังเดือดปุดๆ เขาคร้านจะอธิบาย “แกถามเรื่องนี้ทำไม เกี่ยวอะไรกับแกด้วย””

หวังเอ้อร์เชอยังเซ้าซี้ “ลุงบอกผมเถอะครับ ผมน่ะชอบผู้หญิงคนซ้ายสุดตั้งแต่แรกเห็น ตกหลุมรักหล่อนแล้ว! ผมอยากจะตามจีบหล่อน ลุงบอกผมเถอะครับว่าหล่อนโดนหลิ่วอวี่เจ๋อจัดการไปแล้วหรือยัง!”

เหอเหวินเจี้ยนแค่นเสียง “แกเนี่ยนะ? ขนาดลูกคนรวยพวกนั้นยังล้มเหลวไปตั้งสี่คนแกยังอยากจะตามจีบหล่อนอีก? อย่าฝันหวานเลยน่า”

“ล้มเหลวสี่คนเลยเหรอ? วงกลมสีแดงสองอันไม่ได้แปลว่าสำเร็จแล้วเหรอ?” หวังเอ้อร์เชอถาม

เหอเหวินเจี้ยนเห็นหวังเอ้อร์เชออยากจะรู้ให้ได้ว่าเครื่องหมายนั้นแปลว่าอะไร รู้ว่าเด็กนี่คงไม่เลิกราแน่ถ้าไม่รู้ความจริง และคงจะเซ้าซี้ถามเขาไม่จบไม่สิ้น

ดังนั้นเหอเหวินเจี้ยนถึงได้อธิบาย “ไม่ใช่ ต้องเครื่องหมายถูกต่างหาก วงกลมสีแดงอ่อนแปลว่าคุยกันถูกคอดี ส่วนวงกลมสีแดงเข้มคือได้จับไม้จับมือแล้ว แต่ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่โดนพวกนั้นฟัน แต่ว่าสองวันหลังจากนี้ก็ไม่แน่แล้ว”

พอได้ยินแบบนี้เย่เฉินที่อยู่บนรถพอดี ก็เกิดลนลานขึ้นมา รีบร้อนส่งสัญญาณให้หวังเอ้อร์เชอ

หวังเอ้อร์เชอเป็นคนฉลาดรู้ว่าเย่เฉินอยากจะพูดอะไร เลยรีบถามปลายสายทันที “อีกสองวันก็ไม่แน่แล้ว แปลว่าอะไรหรอครับ”

เหอเหวินเจี้ยนกล่าว “เมียหลิ่วอวี่เจ๋อตั้งท้องได้สี่ห้าเดือนแล้ว พวกเขาสองคนแยกห้องกันนอนนานแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อคงจะอึดอัดแย่ พรุ่งนี้คงจะบินไปที่นิวยอร์คเพื่อกินแม่นั่น พวกเขารู้เรื่องความชอบกับพื้นเพของผู้หญิงคนนั้นแล้ว เดิมตัวหลิ่วอวี่เจ๋อเองก็มีพื้นเพทางบ้านที่ดี ลุงว่าแอร์โฮสเตสคนนี้น่าจะเสร็จหลิ่วอวี่เจ๋อแน่ หวังเอ้อร์เชอ แกอย่าหวังเลย นอกเสียจากว่าแกจะไม่รังเกียจของมือสองที่คุณชายหลิ่วเคยได้มาก่อน”

ที่จริงแล้วพื้นเพครอบครัวหวังเอ้อร์เชอก้ไม่ได้เลวร้ายอะไร จะจีบแอร์โฮสเตสอย่างฉินเสี่ยวตั่วด้วยพื้นฐานครอบครัวเขาก็ถือว่าดีถมถืด

ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก แล้วกดวางสายไป

“นิวยอร์ค… หลิ่วอวี่เจ๋อจะไปนิวยอร์คพรุ่งนี้…ไม่ได้การล่ะ ต้องรีบไปบอกฉินหงเหยียนเพื่อให้ขวางหลิ่วอวี่เจ๋อเอาไว้!”

เย่เฉินลนลาน เพราะถ้าเขาไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นล่ะก็ สุดท้ายแล้วเป็นไปได้อย่างมากที่ฉินเสี่ยวตั่วที่ใสซื่อจะเสร็จหลิ่วอวี่เจ๋อ!

ถึงแม้ว่าเย่เฉินจะรังเกียจคนสารเลวอย่างหลิ่วอวี่เจ๋อ แต่ก็จำเป็นต้องยอมรับว่าเขาเป็นประเภทที่ผู้หญิงชอบจริงๆ

เขาหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูง มีเงิน ทุกความต้องการของผู้หญิงที่มีต่อชายในฝันเขามีทั้งนั้น

ย้อนคิดถึงตอนแรก ผู้หญิงที่หัวสูงอย่างหวังเจียเหยาที่แถมตอนนั้นยังมีเย่เฉินอยู่ ยังตกหลุมรักหลิ่วอวี่เจ๋อได้!

แค่ลองคิดๆ ดูก็รู้แล้วว่าหลิ่วอวี่เจ่อมีเสน่ห์กับผู้หญิงมากขนาดไหน ผู้หญิงทั่วๆ ไปไม่มีทางต้านทานเสน่ห์เขาไหว

แต่เขาก็ลังเลเมื่อจะกดโทรศัพท์โทรหาฉินหงเหยียน

“ถ้าฉินหงเหยียนถามว่ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง จะตอบยังไงดี?”

เพราะเขาไปล่วงรู้เรื่องความลับในตู้ของพวกหลิ่วอวี่เจ๋อตอนที่อยู่ในห้องหวังเจียเหยาตอนอยู่ญี่ปุ่น!

ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนซักไซร้ล่ะก็อาจจะต้องพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

แน่นอนว่าเย่เฉินเองจะโกหกก็ได้ แต่ถ้าเริ่มโกหกครั้งหนึ่งแล้วก็อาจจะต้องมีคำโกหกอีกจำนวนนับไม่ถ้วนตามมา

อีกอย่างเย่เฉินและฉินหงเหยียนไม่เคยโกหกกันมาก่อน

เย่เฉินเลือกจะปิดบังเรื่องหวังเจียเหยา ก็ถือว่าผิดต่อหญิงสาวมากแล้ว ถ้าจะให้ต้องหลอกลวงหญิงสาวอีก เย่เฉินทำไม่ได้จริงๆ!

เขาไม่อยากมีสภาพแบบหวังเจียเหยา ที่โกหกได้หน้าตาย หลอกลวงคู่ชีวิตของตัวเอง!

พอดีกับที่หลังจากฉินหงเหยียนรับตำแหน่งประธานบริษัทก็งานยุ่งรัดตัว มักจะไปประชุมต่างจังหวัดบ่อยๆ

ส่วนพรุ่งนี้กับมะรืนหล่อนจะไปที่เมืองหลวง

“งั้นไปนิวยอร์คเพื่อขัดขวางสองคนนี้ด้วยตัวเองดีกว่า แล้วจะได้แวะเจอว่าที่น้องสะใภ้ด้วย”

ที่เย่เฉินอยากจะเจอฉินเสี่ยวตั่วนั้นเพราะเขามีจุดประสงค์หลักอีกอย่างก็คือเขาอยากจะขอฉินหงเหยียนแต่งงาน!

ก่อนนี้เขาอยากจะเจอญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของคนรัก เพื่อขอให้อีกฝ่ายยอมรับเขา!

พอพูดจบเขาก็จัดแจงซื้อตั๋วเครื่องบินจากเทียนไห่ตรงไปนิวยอร์คทันที

ส่วนหลิ่วอวี่เจ๋อเองจองตั๋วเฟิร์สคลาสของฮัวเฉิงไปนิวยอร์ค เพราะฉินเสี่ยวตั่วเป็นแอร์โฮสเตสของบริษัทสายการบินนี้

9 โมงเช้า หลิ่วอวี่เจ่อเองมาก็ถึงฮัวเฉิง เขาแต่งตัวทันสมัย สะดุดตาผู้พบเห็นอย่างมาก แต่ก็ห่อร่างกายเอาไว้ค่อนข้างมิดชิด

เมื่อขึ้นเครื่องบินเดินเข้าไปยังที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสแล้ว ก็ทรุดตัวลงเงียบๆ

ไม่นานนัก แอร์โฮสเตสประจำชั้นเฟิร์สคลาสก็เริ่มคุยกันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“เสี่ยวตั่ว เห็นผู้ชายชุดขาวคนนั้นไหม? หล่อจังเลย!”

แอร์โฮสเตสคนหนึ่งกล่าวด้วยท่าทีโง่งม

เสี่ยวตั่วที่เจ้าหล่อนว่าก็คือฉินเสี่ยวตั่ว น้องสาวของฉินหงเหยียน!

ฉินเสี่ยวตั่วสวมชุดเครื่องแบบของแอร์โฮสเตส กระโปรงสั้นลายขวางคลุมสะโพก ทำให้รู้สึกสง่างามและลึกลับคาดเดาไม่ได้

ฉินเสี่ยวตั่วยิ้มพลางพยักหน้า “อืม เห็นแล้ว หล่อมากเลย!”