บทที่ 62 แสงระฆังโบราณฝังราชันบรรพบุรุษ

จอมบงการเทพยุทธ์

ตั้งแต่ที่ราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งห้าเริ่มเคลื่อนไหวในพื้นพิภพก็ถูกจับจ้องโดยสายตาของมวลชนทั้งปวง

ในสายตาเหล่านี้มีทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์โบราณ

การที่ราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งห้าปรากฏตัวขึ้นนั้น ไม่ใช่ความต้องการของเผ่าพันธุ์โบราณในแดนตะวันออกทั้งหมด

เมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้สําเร็จวิชากายาจักรพรรดิก็ปรากฏตัวขึ้นในโลก และได้กราบราชวงศ์เผ่าพันธุ์โบราณไปมากมาย

แม้เหล่าทายาทของจักรพรรดิรวมตัวกันแจ้งต่อบรรดาเผ่าพันธุ์โบราณว่าสิ่งที่เรียกว่าผู้สําเร็จวิชากายาจักรพรรดิและจักรพรรดิโบราณนั้นเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งคู่แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความจริง ก็มีเพียงจักรพรรดิโบราณที่สามารถต่อกรได้ดังนั้นจึงไม่อาจทําสิ่งใดได้

เว้นแต่เพียงเผ่าพันธุ์โบราณบางส่วนที่พร้อมจะเคลื่อนไหว ยังมีเผ่าพันธุ์โบราณบางส่วนที่ยังไม่เคลื่อนไหวและไม่เห็นด้วยที่จะจัดการกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ในตอนนี้

หากสิ่งที่เรียกว่าผู้สําเร็จวิชากายาจักรพรรดิในวันนั้นมีอยู่จริงๆใครจะรู้บ้างว่าตอนนี้พวกเขาจะดับสิ้นไปแล้วหรือไม่?

อีกสองกิ่งจักรพรรดิ

ต่อให้อายุเขาจะมากและอ่อนแอจนแทบจะหวนคืนผืนดินแล้วทว่าตราบใดที่ยังไม่สิ้นลมก็จะเป็นสิ่งยับยั้งชั่งใจอย่างดี

จะดีกว่าถ้าจะรออีกสักหน่อย รอให้เขาสิ้นลมแล้วค่อยจัดการกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ยังไม่สาย

แต่ทว่าเผ่าพันธุ์โบราณที่แข็งแกร่งและก้าวร้าวบางพวกนั้นไม่เห็นด้วย นั่นเป็นสาเหตุที่ราชันบรรพบุรุษทั้งห้าได้ถูกส่งไปข่มขู่เผ่าพันธุ์มนุษย์

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหน ก็มีสายตานับไม่ถ้วนเฝ้าดู

เผ่าพันธุ์โบราณที่ยังคงซ่อนอยู่เบื้องหลัง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดจะเริ่มปรับท่าที่ตามผลของเหตุการณ์ในวันนี้

สิ่งที่จินตนาการได้คือหากราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งห้าสามารถกําราบเผ่าพันธุ์มนุษย์ในวันนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์ย่อมไร้วิธีการที่จะต่อต้านโดยสิ้นเชิง

หลังจากนี้ เผ่าพันธุ์มนุษย์ในแดนร้างตะวันออกจะอยู่อย่างยากลําบากและชีวิตจะทุกข์ระทมยิ่งกว่าก่อน

เมื่อราชั้นบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งห้ามายังภูเขาศักดิ์สิทธิ์

ราชันบรรพบุรุษผมสีม่วงก็ผลักฝ่ามือออกไปหมายจะทําลายผู้ฝึกยุทธ์เผ่ามนุษย์

พลังของราชันบรรพบุรุษกดทับลงบนผืนดินแดนร้างตะวันออกอย่างต่อเนื่อง

“ดูเหมือนว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะหมดสิ้นหนทาง ไร้ซึ่งการต่อต้าน”

“ทําลายล้างกองกําลังเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สิ้น อ่านาจในแดนร้างตะวันออกของเผ่าพันธุ์มนุษย์จะเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเผ่าพันธุ์มนุษย์คงไม่มีไพ่ลับใดๆ”

“ดูเหมือนว่า ทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นเพียงลมปากของเผ่าพันธุ์มนุษย์”

“หึหึ เผ่าพันธุ์มนุษย์จะต้องชดใช้ในการทําเช่นนั้น”

“ถ่ายทอดออกไป ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป อาณาเขตของเผ่าพันธุ์ข้าจะถูกขยายไปจนถึงซันยูลีเผ่าพันธุ์มนุษย์ในพื้นที่จะถูกขับไล่ หากขัดขึ้นก็สังหารทั้งหมด”

“ถ่ายทอดคําสั่ง ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป จํานวนหินต้นกําเนิดสําหรับทาสเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ต้องส่งมอบให้เผ่าพันธุ์โบราณจะเพิ่มขึ้นสามสิบเท่าถ้าทําไม่ได้ก็ตายลูกเดียว”

กระแสจิตของราชันบรรพบุรุษถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องในความว่างเปล่า

ส่งผลให้มีผู้เริ่มถ่ายทอดคําสั่งและบีบบังคับเผ่าพันธุ์มนุษย์เพื่อแก้แค้นต่อความอัปยศก่อนหน้านี้

ยุคมืดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั่วทั้งแดนร้างตะวันออกกําลังใกล้เข้ามา

แต่ทว่าเมื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์สิ้นหวังและหวาดกลัว และราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งหมดกําลังจะเคลื่อนไหว

ก็เกิดเสียงระฆังก้องกังวานมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ดังก้องไปทั่วทั้งแดนร้าง

เสียงระฆังนั้นกว้างใหญ่สั่นสะเทือนผืนพิภพ

เสียงระฆังก้องกังวานราวกับว่าจะมีพลังลึกลับบางอย่าง ซึ่งทําให้วิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดสันสะเทือนไปกับมัน

“เกิดอะไรขึ้น”

“พวกเจ้าทําอะไร ?”

ราชันบรรพบุรุษทั้งห้าที่อยู่เบื้องหน้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดพากันตื่นตกใจ

เมื่อเสียงระฆังดังขึ้น ขนทั่วร่างของพวกเขาก็ลุกซ่

ความรู้สึกราวกับมีผู้สูงส่งตื่นขึ้นจากการหลับใหล !

“เหง่งงงง !!

เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง เหนือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ลมและคลื่นนับพันได้มารวมตัวกันเกิดเป็นเส้นสายนับไม่ถ้วน

แสงนับพันส่องอยู่ในมิติ ดอกบัวสีทองผลิบานทุกหนแห่ง กฏฟ้าดินนับหมื่นร่วงหล่นจากฟากฟ้า

มีภาพจําแลงอันคลุมเครือของระฆังลอยอยู่เหนือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เขย่าทั้งพิภพ

และเมื่อเสียงระฆังครั้งที่สองดังขึ้น

พลังที่มองไม่เห็นก็ได้แผ่ขยายออกมาพร้อมกับมัน สลายการโจมตีจากฝ่ามือของราชันบรรพบุรุษผมม่วงไปอย่างง่ายดาย

“ระฆังโบราณนี้ระฆังโบราณนี้…”

ใต้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เผ่าพันธุ์มนุษย์จํานวนมากเงยหน้ามองภาพจําแลงระฆังโบราณขนาดใหญ่ด้วยสีหน้าตกใจราวกับพวกเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้

“ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิสุดยอดของ… จอมจักรพรรดิอู่จื่อแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ !”

ผู้นําแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชกล่าวคําตอบที่ทุกคนคิดออกมาอย่างสั่นเครือ

พวกเขาทั้งหมดจําได้ว่า บนก่าแพงหินสลัก ระฆังโบราณนี้อยู่เหนือหัวจอมจักรพรรดิอู่จื่อ

ระฆังโบราณนี้คือยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของจักรพรรดิอู่จื่อ

“โอ้ทวยเทพ มันคือยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของจอมจักรพรรดิอู่จื่อ !”

“จอมจักรพรรดิอู่จื่อปรากฏตัวแล้ว พวกเรารอดแล้ว รอดแล้ว !”

“เป็นการสําแดงเดชของยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์บนผืนพิภพงั้นรึ?”

ใต้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ร่างของมนุษย์ทั้งห้าสั่นสะท้านและตื่นเต้นมากขึ้น ต่างพากันคารวะไปยังภายในภูเขาศักดิ์สิทธิ์

เสียงระฆังดังมาจากภายในของภูเขา บางที ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่ถือครองโดยจอมจักรพรรดิอู่อในอดีตได้ถูกซ่อนอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้

จอมจักรพรรดิ? ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ?

เมื่อฟังคําพูดอันตื่นเต้นของเหล่ามนุษย์ภายใต้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ราชันบรรพบุรุษแห่งเผ่าพันธุ์โบราณทั้งห้าก็มีสีหน้าประหลาดใจและสงสัย

เสียงระฆังนี้พิสดารเกินไป ราวกับมีพลังวิเศษ ประกอบด้วยพลังเซียนสองประเภทน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก

พูดได้ว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์มีจักรพรรดิอยู่จริงๆ และสร้างเสียงระฆังที่ก้องกังวานเช่นนี้

ราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ที่มีผมสีม่วงไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมาเขามองดูระฆังโบราณขนาดใหญ่ที่ปรากฏอยู่เหนือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในใจลังเลที่จะลงมือจัดการเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่อไป

อย่างไรก็ตามค่าว่ายุทธภัณฑ์จักรพรรดิสุดยอดนั้นหนักเกินเพียงพอที่จะบดขยี่ยุคสมัยได้

มันคือพลังระดับสุดยอดที่รวบรวมพลังยุทธ์ของผู้แข็งแกร่ง เพียงชิ้นเดียวก็เพียงพอที่จะแสดงถึงพลังสูงสุดของจอมยุทธ์ระดับสุดยอดในอดีตไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่จะต้านทานได้ !

ถ้าภาพจําแลงระฆังบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้ เป็นยุทธภัณฑ์จักรพรรดิสุดยอดจริงๆก็จะมีพลังที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ !

ราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งห้าเริ่มไม่แน่ใจ หัวใจของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจไม่รู้ว่าควรทําอย่างไรต่อไป

ในเวลานั้น ภาพจําแลงระฆังโบราณที่ลอยอยู่เหนือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆเริ่มสั่นส่งเสียงครั้งที่สาม”

“เหง่งงงงง !”

ระฆังสั่นสะเทือน เสียงระฆังครั้งที่สามดังขึ้น

แต่ครั้งนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

สองระฆังสองครั้งก่อน แม้ว่าจะสั่นสะเทือนไปทั้งพิภพแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความเงียบสงบ

แต่ครั้งนี้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เต็มไปด้วยความเคร่งขรึมยิ่งใหญ่และความรุนแรงอันไร้ขอบเขตสอดคล้องกับวิถีแห่งฟ้า พอเพียงที่จะผ่าพิภพออกเป็นเสี่ยงๆ !

ระฆังโบราณสันสะเทือน ฟ้าดินถล่มทลาย แสงสีทองกระจ่างสองดวงแล่นผ่านพื้นพิภพพุ่งออกมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ดุจแสงศักสิทธิ์อันเป็นนิรันดร์ส่องผ่านภูเขาและแม่น้ําที่ไปทั่วทั้งสิบ ทิศ !

ในตอนนี้ ราชันผมสีม่วงตื่นกลัวเป็นอย่างยิ่ง หัวใจเต้นอย่างดุเดือด รู้สึกถึงภัยพิบัติที่ใกล้เข้ามา

เขามองขึ้นและคํารามไปบนฟากฟ้า ร่างจําแลงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น เป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดินยกระดับขึ้นสูงสุดสั่นสะเทือนผืนพิภพ

แสงทองส่องประกาย เจิดจรัสไปทุกทิศ

มันกลายเป็นคุกสายฟ้าสีทองร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวเพียงพอจะพลิกแผ่นดินให้วุ่นวาย ครอบลงไปบนร่างของราชันบรรพบุรุษผมสีม่วง

“อ้า…”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างสยดสยอง ไม่อาจขัดขึ้นได้แม้แต่นิดเดียว

เมื่อแสงสีทองนั้นเคลื่อนผ่าน ร่างจําแลงของราชันโบราณที่มีผมสีม่วงก์แตกสลายอย่างฉับพลันและร่างกายที่แท้จริงก็กลายเป็นสีเทาไปในทันทีและถูกลบหายไปจากพื้นพิภพสร้างเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองภายใต้แสงสีทอง

แสงระฆัง ฝังราชันบรรพบุรุษเผ่ามังกร !

สิ่งที่เกิดนี้ราวกับเป็นเพียงเทพนิยาย