บทที่ 63 ราชันบรรพบุรุษสิ้นสูญ

จอมบงการเทพยุทธ์

เสียงระฆังดังขึ้นก้องกังวานไปทั่วฟ้าดิน

เสียงที่ดังก้องของระฆังสีเหลืองทองนั้น

เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์แรกแย้ม ทลายความมืดมิดที่ไม่สิ้นสุด

ผู้ที่เห็นฉากนี้ต่างก็สั่นสะท้านทั้งหมด และควบคุมตัวเองไม่ได้

เมื่อเสียงระฆังดังขึ้นเป็นครั้งที่สองราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ที่ทรงอํานาจอย่างยิ่งถูกสังหารทันทีไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะต้านทานได้เลย

“ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ นั่นคือยุทธภัณฑ์ระดับสุดยอด”
ด้านหน้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งสี่ที่เหลืออยู่แทบจะไม่มีท่าทีที่เย่อหยิ่งทําตัวสูงส่ง*เหมือนที่พวกเขามีก่อนหน้านี้และน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความตกใจ

(E ทําตัวสูงส่ง สํานวนจีน ไม่ยึดติดกับความเป็นจริงทําตัวห่างออกไปนิยมใช้กับผู้นําที่ทําตัวเหินห่างและไม่ยอมรับความเป็นจริง มาจากหนังสือ (โJA Z} )

นอกจากยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว ในโลกนี้ สิ่งมีชีวิตชนิดใดที่สามารถทําลายราชันบรรพบุรุษที่ทรงอานาจอย่างแท้จริงได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

รู้หรือไม่ว่าแม้วัตถุที่แท้จริงยังไม่ปรากฏ.. เป็นเพียงร่างจําแลงที่ควบแน่นก็ยังมีพลังยิ่งใหญ่เช่นนี้

นอกจากในตํานานแล้ว มีเพียงจอมยุทธ์ระดับสุดยอดที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถสร้างยุทธภัณฑ์จักรพรรดิระดับสุดยอดได้ ในโลกนี้ใครบ้างที่จะสามารถทําได้

“พลังศักดิ์สิทธิ์ของจอมจักรพรรดิ เลือกสังหารราชันบรรพบุรุษ”

“จอมจักรพรรดิอู่จื่อผู้ยิ่งใหญ่”

“จอมจักรพรรดิอู่จื่อ จอมจักรพรรดิอู่จื่อ !”

ใต้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ผู้ฝึกยุทธ์เผ่ามนุษย์ต่างก็สั่นสะท้าน คํารามเสียงดัง

ยุทธภัณฑ์ของจักรพรรดิโบราณที่ฟื้นคืนชีพ ได้ปรากฏภาพฉายให้เห็นในปัจจุบันและสังหาร ศัตรูที่ทรงพลัง

“ไปเร็ว เร็วเข้า รีบออกไปจากที่นี่”

ในเวลานี้ ราชันบรรพบุรุษเผ่าพันธุ์โบราณทั้งสี่ที่เหลือต่างกําลังใจสลายและสั่นคลอน

ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิระดับสุดยอดฟื้นคืนชีพ แต่ยุทธภัณฑ์จอมจักรพรรดิยังไม่ได้เคลื่อนไหวแล้วพวกเขาจะต่อต้านได้อย่างไร ?

ปรากฏว่าในประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์มีจักรพรรดิจริงๆ

หากเมื่อยุทธภัณฑ์ของจักรพรรดิโบราณของเผ่าพันธุ์มนุษย์ฟื้นคืนชีพขึ้นอีกทั้งยุทธภัณฑ์จอมจักรพรรดิก็เคลื่อนไหวด้วยใครในโลกนี้จะสามารถต้านทานได้

ด้านหน้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ราชันบรรพบุรษดึกดําบรรพ์กําลังหลบหนีอย่างบ้าคลังและแทบรอไม่ไหวที่จะออกไปจากที่นี้พวกเขากลัวจนแทบจะขาดใจ

ในตอนนี้พวกเขารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง ที่พวกเขาเคยกดขี่เผ่าพันธุ์มนุษย์ทําให้เกิดหายนะอันน่าสยดสยองขึ้นกับตัวพวกเขาเองเช่นนี้

แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ มัวแต่เสียใจไปก็ไร้ประโยชน์ พวกเขาจึงใช้กําลังทั้งหมดเพื่อหลบหนีหลบหนีไปจากสถานที่อันน่าสะพรึงกลัวที่ทําให้พวกเขาสั่นสะท้าน

“เจ้าได้รับแต้มตกใจ+15551 จาก จื่ออู่ชาง

“เจ้าได้รับแต้มตกใจ+45511 จาก หวชิง

“เจ้าได้รับแต้มตกใจ+35454 จาก หวง

ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ ฉินมู่ยืนนิ่ง มองไปยังราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งสี่ที่กาลังหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง

แต้มตกใจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และการกระโดดในแต่ละครั้งจะทําให้ฉันม่ได้รับแต้มตกใจเกือบ 100,000 แต้มตกใจ

เสียงระฆังดังขึ้น และฉากนี้สะเทือนใจเป็นอย่างมาก

เสียงระฆังอันน่าตกใจนี้สามารถได้ยินไปทั่วแดนร้างตะวันออก และแต้มตกใจที่ฉันมู่เก็บเกี่ยวได้นั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“จะไปจะมาตามใจต้องการอย่างงั้น

มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”

เมื่อเห็นราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งสี่กําลังหลบหนีอย่างบ้าคลั่งในระยะไกลราวกับกลัวความตายที่กําลังมาถึงฉันม่พูดด้วยน้ำเสียงสงบและโบกมือเบาๆ

ฝ่ามือก็ตกลงมา ภูเขาศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

เหนือเก้าสวรรค์ ระฆังโบราณสั่นอีกครั้ง และเสียงระฆังก็ดังก้องกังวานไปทั่วทุกแห่งหน

เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง และแสงสีทองก็ปรากฏขึ้นเหนือภูเขาศักดิ์สิทธิ์

กระแสพลังของจอมยุทธ์ระดับสุดยอดกระจายปกคลุมไปทั่วทั้งเก้าสวรรค์สิบชั้นพิภพ

แสงสีทองสว่างวาบสาดทับลงมาราวกับกําลังทะลวงยุคสมัยจากโบราณมาสู่โลกปัจจุบันสันสะเทือนไปทั่วทั้งพิภพ

แสงสีทองสว่างเจิดจ้า ราวกับมีอยู่ในดินแดนชั่วกาลนิรันดร์ วาบวับไปทั่วทั้งสวรรค์

แค่เพียงพริบตา ก็ไล่ตามราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ที่กําลังหนีไปจนทันในแววตาของอีกฝ่ายเปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนก วาดผ่านไปอย่างเงียบสงบ !

เมื่อลมพัดผ่าน ก็ไม่มีสิ่งใดอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว

ราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ร่างอ้วนกลมกลายเป็นฝุ่น ไร้แม้กระทั่งกระแสพลังลบหายไปจากฟ้าดิน

เสียงระฆังโบราณไร้ที่มาที่ไป ประดุจเชื่อมต่อกับวิถีแห่งฟ้าดิน มีเวทมนตร์ที่ไม่สามารถอธบายได้ทําให้ราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งสามที่เหลืออยู่รู้สึกสิ้นหวัง

ต่อหน้าระฆังที่ก้องกังวานนี้ พวกเขาไม่สามารถต้านทานมันได้เลย

แสงสีทองนั่น สามารถลบล้างทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ได้

ต่อให้เป็นราชันบรรพบุรุษ ก็ไม่สามารถหลบหนีจากการสังหารนี้ได้

“เหง่ง เหง่ง เหง่ง

เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้มันสั่นถึงสามครั้งติดต่อกัน

ท้องฟ้าที่อยู่ใกล้กับภาพมายาของระฆังโบราณแตกออกเป็นเสี่ยงๆไม่สามารถต้านทานพลังนี้ได้กลายเป็นความว่างเปล่าที่มืดมิดไม่รู้จบสิ้นและกระแสลมที่ผันผวนก็ปรากฏขึ้นสร้างความโกลาหลให้กับฟ้าดินนี้อีกครั้ง

เสียงระฆังที่ดังขึ้นสามครั้งทั้งยิ่งใหญ่ เคร่งขรึมและทรงพลัง

แต่ในหูของราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งสามที่เหลือ มันเหมือนกับเสียงที่คุกคามจิตวิญญาณจากยมโลก ทําให้พวกเขาเสียสติ

แสงสีทองสามเส้นส่องทะลุผ่านชั้นฟ้าและไล่ตามราชันบรรพบุรุษทั้งสามที่หลบหนีจนทันพวกเขาถูกจัดการจนเป็นผุยผงและสลายหายไปจากโลกนี้

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โลกก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง มีเพียงภาพจําแลงของระฆังโบราณที่ลอยขึ้นและลงอยู่บนท้องฟ้า

เสียงระฆังดังขึ้นฝังราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์

ระฆังโบราณสั่นห้าครั้งติดต่อกัน ราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งห้าก็ถูกสังหาร

นี่คือพลังที่เหนือจินตนาการ เกินความเข้าใจของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

เสียงระฆังดังกังวานไปทั่วแดนร้างตะวันออก

สิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมดที่กําลังเคลื่อนไหว มองดูเงาที่แวววาวของระฆังโบราณพวกเขาต่างก็หวาดกลัว

และเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดของแดนางตะวันออก ในตอนนี้ พวกเขาทุกคนต่างก็สวดภาวนาสายเลือดโบราณต่างโค้งคํานับระฆังศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจหักห้ามอารมณ์ในใจของตนเองได้

ในช่วงเวลานี้ทั่วทั้งสวรรค์และพิภพ มีเพียงเสียงระฆังโบราณเท่านั้นที่ดังขึ้นราวกับว่าจะพูดแทนจักรพรรดิโบราณ ต่อเผ่าพันธุ์นับล้านในแดนร้างตะวันออก

จนถึงตอนนี้ คงไม่มีเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนใดในแดนางตะวันออกที่กล้าสงสัยอีกแล้ว

เผ่าพันธุ์มนุษย์มีจอมจักรพรรดิระดับสูงสุดซึ่งเคยครองโลกและไม่มีใครสามารถเทียบได้