ทหารยามทั้งสองต่างพากันตกตลึง ตอนที่กำลังจะเอ่ยปากถามว่าคือผู้ใดกัน แต่ทว่ากลับได้มองเห็นจอมมารยืนอยู่อย่างสง่าผ่าเผยแล้ว

ทั้งสองขาอ่อนแรงโรยรา จากนั้นจึงรีบพากันคุกเข่าลง ร่างกายสั่นเทาราวกับน้ำตกที่หลั่งไหล แม้แต่คำที่กล่าวออกมายังสั่นเครือ

“ข้าน้อย …..ทำความเคารพ……ทำความเคารพจอมมาร”

จอมมารหันหลังให้พวกเขา และมองมือขาวเรียวยาวที่สง่างามนุ่มนวลราวกับไร้กระดูกของตนเอง เขาเพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่น แต่มีท่าทางที่โอหังหยามเหยียด คล้ายดั่งตนน่าเคารพยิ่งใหญ่เพียงผู้เดียว

คล้ายดั่งว่าเขาเป็นเซียนที่สูงส่ง เพียงแค่เขาต้องการ แค่ดีดนิ้วก็สามารถทำลายทั้งหมดได้

จอมมารกล่าวขึ้นว่า “รู้หรือไม่ว่าพวกเจ้าทำผิดสิ่งใด?”

พอได้ยินคำที่กล่าวออกมา ทหารยามทั้งสองแทบฉี่ราดออกมา

เนื่องด้วยตำแหน่งของจอมมาร โดยพื้นฐานแล้วไม่ต้องมาพูดคุยกับพวกเขาเลย แต่วันนี้จอมมารมาพูดคุยกับพวกเขา

ไม่สิ ไม่ได้มาพูดคุยกับพวกเขา แต่เป็นการมาถาม

หรือว่าเมื่อครู่ที่พวกเขาพูดคุยกันเรื่องของผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา จะถูกจอมมารได้ยินเข้าแล้ว

ทหารยามคนแรกกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “เพราะว่า…..เพราะว่าข้าน้อยพูดคุยกันเรื่องของผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา”

“ไม่ใช่ .” ยากมากที่จอมมารจะตอบกลับด้วยอารมณ์ที่ดี

ทหารยามคนที่สองกลืนน้ำลายลงคอ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “เพราะว่า…….ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายชี้แจงว่า ไม่ว่าผู้ใดก็ตามห้ามมาปรากฎตัวที่พระราชนิเวศน์……ขอจอมมารโปรดไว้ชีวิต ข้าน้อยมิกล้ามาปรากฎตัว เป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาให้ข้าน้อยนำยาไปส่งจริงๆ ข้าน้อยไม่กล้าไม่ส่ง ข้าน้อยรู้ว่าผิดพลาดแล้ว ขอจอมมารโปรดไว้ชีวิตด้วย”

มีเงาแสงไฟแฉลบผ่าน ทหารยามคนที่สองได้ถูกรัดคอไว้เสียแล้ว

รอยยิ้มของจอมมารเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดและกระหายเลือด ทำให้คนเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่

มือขาวละมุนของจอมมารบีบแน่น มองเขาที่หายใจรวยรินด้วยความพึงพอใจ

ริมฝีปากบางแสยะยิ้มขึ้น พูดหนึ่งประโยคขึ้นอย่างแผ่วเบา

“เจ้าทำผิดสองอย่าง หนึ่ง เจ้าเยิ่นเย้อเกินไปเสียแล้ว สอง เจ้ารบกวนเวลาใกล้ชิดกันของข้ากับท่านพี่หญิง เจ้าว่า เจ้าสมควรตายหรือไม่”

ทหารยามมองเขาด้วยความหวาดกลัว เขาอยากจะดิ้นรน แต่ทว่าทั้งร่างกับแน่นิ่งรัดแน่น ไม่สามารถดิ้นรนได้เลย จึงทำได้เพียงหายใจรวยริน

ยิ่งเจ็บปวดก็คือ ร่างกายของเขาถูกดึงทึ้งจากด้านในมานอก คล้ายดั่งว่าถูกม้าห้าตัวลากฉีกเป็นชิ้นๆได้

เจ็บ…….

เจ็บจนอยากเอาหัวชนตาย แต่มันกลับไม่ตาย

กลับกันได้เห็นร่างกายของตัวเองค่อยๆแตกสลายทีละนิด

ทหารยามอีกหนึ่งคนเห็นฉากนี้ เขาตกใจจนหน้าเขียวอึมครึมแข็งทื่อ

“จอม…..จอมมาร”

“รบกวนเวลาที่ข้ากับพี่หญิงใกล้ชิดกัน คล้ายกับว่าเจ้าก็มีส่วนผิดด้วยนะ”

ทหารยามกล่าวอึกอักว่า “พี่….พี่หญิง?”พี่หญิงที่ไหนกัน

ซือ…..

กลิ่นอายของการสังหารความตายแพร่กระจายมาจากฟากฟ้า

ทหารยามสัมผัสรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ

น่าเสียดายสายไปเสียแล้ว

ข้างหูเป็นเสียงหัวเราะอย่างหยามเหยียดของจอมมาร “อย่างเจ้านี่นะ ก็คู่ควรที่จะเรียกนางว่าพี่หญิง”

“อา……..”

ดอกไม้กินคนไม่รู้ว่าปีนป่ายมาจากที่แห่งใด มันพยายามแย่งชิงกันมากัดกินเขา จนคนที่มีชีวิตอย่างเขาสุดท้ายต้องถูกกัดกินตายทั้งเป็น

ท่ามกลางยามราตรีอันมืดมิด มีเงาร่างคนสีดำของคนล่องลอยมา จากนั้นคุกเข่าทำความเคารพอยู่ตรงหน้าจอมมาร

“ข้าน้อยนักฆ่าโลหิต ทำความเคารพจอมมาร”

“ลุกขึ้นเถิด”

“นายท่าน แม่นางท่านนั้นชื่อกู้ชูหน่วน เป็นคุณหนูสามของจวนอัครเสนาบดีที่ไม่ได้รับการโปรดปราณ และเป็นคู่หมั้นของเย่จิ่งหานเทพแห่งสงคราม นางมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดกับนิกายเทพอสูร ประมุขชิงของนิกายเทพอสูรเคยช่วยชีวิตนาง และยังได้เอาฝูกวงคนของนิกายเทพอสูรมอบแก่นางด้วย ส่วนฐานะตัวตนที่แท้จริงของนาง ยังไม่สามารถตรวจพบ ”

“เจ้ารู้สึกหรือไม่ ว่านางคล้ายกับสหายเก่าผู้หนึ่ง”