ภาคที่ 2 บทที่ 267 ไท่หยวน

มู่หนานจือ

ต้นยามอู่วันที่ยี่สิบสามเดือนห้า เกี้ยวเจ้าสาวของเจียงเซี่ยนก็มาถึงไท่หยวนแล้ว

พวกนางถูกจัดให้อยู่ในบ้านอีกหลังที่อยู่ห่างจากกองบัญชาการซานซีสองลี้[1]

เจียงเซี่ยนเหนื่อยมาก จึงล้างหน้าและบ้วนปากอย่างลวกๆ แล้วก็นอนทันที

ฮูหยินฉีดื่มชาอึกหนึ่ง แล้วตามสินเดิมไปที่คฤหาสน์ของตระกูลหลี่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกองบัญชาการซานซี

หลี่ฉางชิงสวมเสื้อคลุมยาวผ้าไหมหังสีเขียวเหมือนขนนกแก้ว ผ้าไหมที่บางมากทำให้รูปร่างที่อ้วนท้วมเล็กน้อยของเขาแลดูสูงใหญ่กำยำและหนามากขึ้น

เขายืนต้อนรับฮูหยินฉีอยู่หน้าประตูใหญ่ของตระกูลหลี่อย่างไม่ค่อยถูกต้องตามมารยาทนัก

“ครั้งนี้ลำบากท่านแล้ว” น้ำเสียงของหลี่ฉางชิงจริงใจมาก และเอ่ยว่า “ตามมารยาท ฮูหยินของข้าควรจะเป็นคนมาต้อนรับท่าน แต่นานๆ ทีท่านจะมาได้สักครั้ง นอกจากท่านจะเป็นคนปูเตียงของท่านหญิงแล้ว ยังเป็นฮูหยินของแม่ทัพฉีด้วย ตลอดหลายปีมานี้ เพราะแม่ทัพฉีมีภรรยาที่จิตใจดี อ่อนโยน เข้าใจและมีเหตุผลอย่างท่าน ถึงได้ราบรื่นและสมปรารถนาในทุกเรื่อง ข้าอิจฉามาก อยากเจอฮูหยินสักครั้งมานานแล้ว ฮูหยินก็อย่าถือสาที่ข้าเสียมารยาทเลย ไว้เสร็จงานแต่งงานของลูกชายข้ากับท่านหญิงแล้ว ข้าค่อยไปพบแม่ทัพฉีที่บ้านด้วยตนเอง”

ฮูหยินฉียิ้มพลางเอ่ยกับหลี่ฉางชิงอย่างเกรงใจสองสามคำ พอเห็นว่าใกล้จะถึงฤกษ์มงคลแล้ว หลี่ฉางชิงก็พาฮูหยินฉีไปที่ห้องหอด้วยตนเอง

ระหว่างนี้ฮูหยินเหอแม่เลี้ยงของหลี่เชียนไม่ปรากฏตัวเลย

ฮูหยินฉีอดที่จะคิดเล็กคิดน้อยในใจไม่ได้

ได้ยินว่าฮูหยินคนนี้ของตระกูลหลี่มาจากตระกูลที่ยากจนและฐานะต่ำต้อย ควบคุมเรื่องในจวนไม่ค่อยได้ หากเป็นแบบนี้จริงก็ดี อย่างน้อยบนศีรษะของเจียหนานก็ไม่มีแม่สามีที่สั่งมั่วซั่วบงการนาง

ฮูหยินฉียิ้มพลางเข้าไปในห้องหอ

หลี่ฉางชิงอ้างว่ายังมีแขกที่ต้องต้อนรับ และให้คนไปเชิญฮูหยินเหอมา

ฮูหยินฉีได้ยินก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านไปทำงานของท่านเถอะ ทางข้าไม่นานก็เสร็จแล้ว”

ตกแต่งอย่างไร ตระกูลหลี่ส่งแผนผังของห้องหอมาถึงมือของฮูหยินฝางตั้งนานแล้ว ตกแต่งห้องหออย่างไร เมิ่งฟางหลิงก็มอบหมายงานให้ไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อแล้วเช่นกัน ฮูหยินฉีเพียงแค่ยืนดูอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว

หลี่ฉางชิงยิ้มพลางเอ่ยว่า “รบกวนฮูหยินฉีแล้ว” และบอกลาแล้วไปที่เรือนด้านหน้า

สินเดิมของท่านหญิงค่อยๆ ยกเข้ามาทีละหีบ

หีบแรกเข้ามาในบ้านแล้ว ส่วนหีบสุดท้ายว่ากันว่ายังอยู่นอกประตูเมือง

ทั้งหมดสามร้อยสามสิบหกหีบ

เป็นคนที่มีสินเดิมมากที่สุดที่หลี่ฉางชิงเคยเห็นมาในชีวิต

เขาดีใจจนหุบปากไม่ค่อยได้

หลายปีมานี้ราชสำนักท้องพระคลังว่างเปล่าตลอด หลี่เชียนสามารถขอให้ท่านหญิงเจียหนานลดตัวลงมาแต่งงานด้วยได้ เขาก็ไม่ได้หวังด้วยซ้ำว่าท่านหญิงเจียหนานจะมีสินเดิมกี่หีบ คิดว่าหากตระกูลเจียงไม่ได้เตรียม เขาก็จะให้เพิ่มเอง คิดไม่ถึงว่าเจียหนานไม่เพียงแต่มีสินเดิมมากมาย ทว่ายังมากมายถึงระดับนี้

เขาอดไม่ได้ที่จะเรียกเซี่ยหยวนซีมาถาม “ระหว่างทางไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”

“เจอคนมาปล้นสองสามกลุ่มขอรับ” เซี่ยหยวนซีเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ถูกนายท่านไล่ไปหมดแล้ว”

พอหลี่ฉางชิงได้ยินก็ร้อนใจขึ้นมา และเอ่ยว่า “ทำไมไม่ฆ่าให้หมด? คนพวกนั้นล้วนกล้ามาปล้น ต้องไม่ใช่โจรธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน จางจื่อเจ้าเจ้าคนไร้ค่านั่นแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องตบตาข้ามาตลอด ข้ากำลังกลุ้มว่าไม่มีโอกาส ใส่ร้ายเขาอยู่เลย เจ้าว่าหากครั้งนี้พวกเจ้าก่อเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมา ข้าก็ไปคิดบัญชีกับจางจื่อเจ้านั่นได้พอดีไม่ใช่หรือ…” เขาเอ่ยเหมือนเสียดายมาก

เซี่ยหยวนซีพูดอะไรไม่ออก นานมากกว่าจะเอ่ยว่า “นายท่านบอกว่า ท่านหญิงตามมาด้วย กลัวจะทำให้ท่านหญิงตกใจ และถึงอย่างไรก็เป็นวันมงคล เลือดออกก็ไม่ดี ดังนั้นจึงเพียงแค่ไล่คนไป หากใต้เท้าคิดว่าจัดการแบบนี้ไม่ดี ไว้พิธีแต่งงานของนายท่านเสร็จสิ้นแล้ว ข้าพาคนไปจับคนพวกนั้นกลับมาก็ได้ขอรับ ใต้เท้าไม่จำเป็นต้องกังวล”

“ก็จริง!” หลี่ฉางชิงลูบศีรษะ และเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ค่อยสืบทีหลัง หากเป็นเพียงคนที่ยอมตายได้เพื่อเงินทองจริงก็แล้วไป แต่หากมีคนบงการอยู่เบื้องหลัง” สีหน้าเคร่งขรึม หน้าตาก็ฉายแววโหดเหี้ยมเล็กน้อย “อย่าปล่อยไปแม้แต่คนเดียว…ข้ากำลังอยากฆ่าคนสร้างบารมีอยู่!”

เซี่ยหยวนซียิ้มพลางขานรับ

มีเด็กรับใช้วิ่งมา และเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ใต้เท้า สินเดิมของท่านหญิงเข้ามาในบ้านแล้วขอรับ”

สินเดิมเข้ามาในบ้านแล้ว ก็ต้องเริ่มจัดสินเดิมแล้ว

หลี่ฉางชิงตื่นเต้นจนหน้าแดงไปหมด และโบกมือ “ไป ไปดูกัน” แล้วก็เดินไปที่ลานด้านหน้าของห้องหออย่างรวดเร็ว

เซี่ยหยวนซียิ้มพลางส่ายหน้า แล้วก็ตามไปด้วย

เจียงเซี่ยนนอนจนถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดินจึงจะตื่น ฮูหยินฉียังไม่กลับมา

นางนั่งพิงหัวเตียงอย่างสะลึมสะลือและถามเซียงเอ๋อร์ว่า “ไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อก็ไม่ได้กลับมาเหมือนกันหรือ?”

“ไม่เจ้าค่ะ!” เซียงเอ๋อร์ช่วยเลิกม่านขึ้นให้นางอย่างแผ่วเบา และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านหญิง ตอนเที่ยงท่านดื่มแค่น้ำสะอาดไปสองถ้วย ตอนนี้น่าจะหิวแล้วกระมัง? ในห้องครัวตุ๋นน้ำแกงไก่ดำพุทราแดงเก๋ากี้ ท่านดื่มก่อนสักหน่อย ข้าค่อยจัดอาหารเย็นให้ท่าน”

เจียงเซี่ยนพยักหน้า จุ้ยเอ๋อร์จึงช่วยสวมเสื้อผ้าและแต่งตัวให้นาง

จนจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เจียงเซี่ยนออกมาจากห้องด้านใน และนั่งลงที่ห้องพักผ่อนของห้องด้านนอก เซียงเอ๋อร์ก็พาเหล่าสาวใช้มาเริ่มจัดอาหารเย็นให้นาง

เจียงเซี่ยนเห็นว่ามีบางคนที่ไม่คุ้นหน้า

เซียงเอ๋อร์อธิบายว่า “พวกท่านพี่ที่อยู่ข้างกายท่านหญิงตามฮูหยินฉีไปปูเตียงที่ตระกูลหลี่หมดแล้วเจ้าค่ะ”

เจียงเซี่ยนยิ้มและเอ่ยว่า “เช่นนั้นคุณหนูฉีทั้งสองล่ะ?”

สุดท้ายฉีตานกับฉีซวงก็ยังตื๊อจนฮูหยินฉีตกลงให้พวกนางตามเจียงเซี่ยนมาดูความคึกคักด้วย เพียงแต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ค่อยถูกธรรมเนียมนัก ฮูหยินฉีกลัวว่าพวกนางพี่น้องจะถูกคนหัวเราะเยาะ จึงให้ทั้งสองคนแต่งตัวเป็นสาวใช้ที่อยู่ข้างกายเจียงเซี่ยน และเพราะเจียงเซี่ยนเป็นเจ้าสาว ไม่สามารถไปไหนได้ตามใจชอบ และไม่สามารถเลิกม่านรถขึ้นได้ ทั้งสองคนจึงนั่งรถม้าคันเดียวกับไป่เจี๋ยและฉิงเค่อ

เซียงเอ๋อร์ยิ้มและเอ่ยว่า “คุณหนูฉีทั้งสองก็ตามไปด้วยเจ้าค่ะ”

เจียงเซี่ยนพยักหน้า มีสาวใช้เข้ามารายงานว่า “ท่านพี่มาแล้วเจ้าค่ะ!”

ท่านพี่?

เจียงเซี่ยนนิ่งไปชั่วขณะ ยังคิดว่าพี่น้องของแม่เลี้ยงหลี่เชียนมาแล้ว ในใจยังพึมพำว่าคนๆ นี้มาทำอะไรตอนนี้ ไม่คิดว่าพอเงยหน้าขึ้นกลับเห็นเจียงลวี่

นางอดที่จะหัวเราะไม่ได้

คิดว่าต่อไปนางต้องพยายามคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงสถานะให้เร็วที่สุด ก็เข้าใจเช่นกันว่าคนรับใช้ในบ้านนี้ส่วนใหญ่อาจจะเป็นสาวใช้กับหญิงรับใช้ของตระกูลหลี่

“รับประทานอาหารเย็นหรือยัง?” เจียงเซี่ยนถามเจียงลวี่ “ทำไมท่านพี่อาหานไม่อยู่ด้วยกันกับท่าน?”

“หลายวันนี้เขาขี่ม้าติดต่อกัน ต้นขาเสียดสีจนผิวถลอกปอกเปิกไปหมดแล้ว ทนไม่ค่อยไหว ข้าจึงให้เขาไปพักก่อนแล้ว” เจียงลวี่พูดไปก็นั่งลงตรงข้ามเจียงเซี่ยน และเอ่ยว่า “ข้ายังไม่ได้รับประทานอาหารเย็น และคิดว่าเจ้าก็น่าจะตื่นแล้วเช่นกัน จึงมาหา”

เขายังพูดไม่จบ เซียงเอ๋อร์ก็ถือถ้วยกับตะเกียบมาอย่างว่องไวแล้ว

เจียงเซี่ยนถามว่า “ท่านพี่มาหาข้ามีเรื่องอะไรสำคัญหรือเปล่า?”

“เปล่า!” เจียงลวี่ถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “แค่คิดว่าพรุ่งนี้เจ้าจะแต่งงานแล้ว จึงมาเยี่ยมเจ้าสักหน่อย”

เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม และเอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านพี่ไม่ต้องกังวล ข้าพึ่งพาจวนเจิ้นกั๋วกงหากยังใช้ชีวิตลำบากอีก นั่นก็คงเป็นสิ่งที่เทวดาต่างก็มองต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ หลังจากท่านพี่กลับไปแล้วก็ต้องตั้งใจสร้างความดีความชอบต่อแคว้นอย่างใหญ่หลวงและทำงานใหญ่ให้สำเร็จ ทำให้จวนเจิ้นกั๋วกงรุ่งโรจน์ และทำให้ข้ามีที่พึ่งพาด้วย”

“พูดเหมือนข้าไม่มีอะไรดีสักอย่าง” เจียงลวี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม แต่จิตใจกลับเบิกบานกว่าตอนที่เพิ่งมามาก

ทั้งสองคนรับประทานอาหารเย็นกันอย่างเงียบๆ และย้ายไปนั่งคุยกันใต้ค้างผูเถาตรงมุมขวาของลานบ้าน

เพียงแต่ทั้งสองคนเพิ่งยกถ้วยชาขึ้น ยังไม่ทันคุยอะไรกัน ก็ได้ยินคนพูดอยู่นอกกำแพงว่า “พวกเจ้าไม่ได้ไปดู น่าเสียดายจริงๆ สินเดิมของท่านหญิง ไม่เพียงแต่มีมาก ทว่าทั้งหมดยังเป็นของหายากด้วย! มีชิ้นหนึ่งที่เรียกว่าตู้แช่ แม้แต่ใต้เท้าก็ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ หัวหน้าพ่อบ้านหลี่เป็นคนอธิบาย ทุกคนถึงจะรู้ว่าสิ่งนั้นไว้ทำอะไร! ตอนนี้คนในเมืองไท่หยวนมีใครไม่รู้บ้างว่านายท่านของพวกเราแต่งมนุษย์ทองคำกลับมา”

———————————–

[1] 1 ลี้ = 500 เมตร ดังนั้น 2 ลี้ = 1 กิโลเมตร