“ชายาอวี้ตัวดี แต่ไหนแต่ไรมาข้ามิเคยชื่นชอบหญิงสาวหน้าตางดงามมาก่อน เพราะสาวงามเหล่านั้นล้วนไร้สมอง!”
สิ้นเสียง ซินหลีก็ขยำดอกกุหลาบในมือจนแหลกละเอียด
กลีบดอกสีแดงสดร่วงหล่นลงพื้น มือข้างที่ยังเปื้อนด้วยเกสรดอกไม้พุ่งตรงมาทางหลินเมิ้งหยา
“คุ้มครองนาง”
ชิงหูออกแรงดันตัวหลินเมิ้งหยาเข้าสู่อ้อมกอดของป๋ายซู แกว่งดาบของตนเองพุ่งตัวออกไปโดยไร้ซึ่งท่าทางหวาดกลัว
“ระวัง!”
เหล่าองครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดรีบพุ่งตัวออกมาล้อมหลินเมิ้งหยาเอาไว้ พร้อมกับที่กลุ่มคนชุดดำพวกพ้องของซินหลีเองก็พุ่งตัวออกมา
“เหตุใดเจ้าจึงต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวด้วยเล่า?”
หลังจากฟาดฟันกันหลายกระบวนท่า ชิงหูและซินหลีผละตัวออกจากกัน ใบหน้าเย็นยะเยือกของซินหลีจ้องมองชิงหู
สมแล้วที่เป็นถึงเจ้านายแห่งเถาฮวาอู๋ ตอนนี้แขนของเขาเริ่มชาเพราะถูกแรงสั่นสะเทือนจากการฟาดฟันของดาบ
เพราะเหตุนี้แม้จะส่งคนไปจัดการหลินเมิ้งหยาสักกี่ครั้ง แต่ก็ถูกไอ้เศษสวะนี้จัดการจนหมด
“หากเจ้าบังอาจทำร้ายนาง ข้าจะฆ่าเจ้า”
ชิงหูจับดาบแน่น มุมปากหยักยิ้มเย็นยะเยือก
ต่อให้เขามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อีกเพียงแค่วันเดียว แต่จะไม่มีใครทำอะไรนางได้ทั้งนั้น!
“โอ้ คิดไม่ถึงเลยว่านางจะสำคัญกับเจ้าถึงเพียงนี้ แต่เจ้าไม่น่าจะเป็นผู้ชายแล้วนี่ ได้ยินมาว่าตอนนั้นเจ้า….”
เอ่ยยั่วยุชิงหูอย่างไร้ความปรานี แต่เขาต้องแปลกใจที่คำกล่าวนั้นไม่ส่งผลอะไรต่อชิงหูเลยแม้แต่น้อย ทว่าสายตาประหนึ่งจิ้งจอกของชิงหูกลับแสดงท่าทางเหยียดหยามเขา
“ไอ้สารเลวอย่างเจ้ามีหน้ามาพูดถึงข้าด้วยหรือ ตายเสียเถอะ!”
พุ่งตัวเข้าไป ทั้งสองต่อสู้กันเป็นพัลวันอีกครั้ง แสงวาววับของดาบพุ่งตรงเข้าไปเชือดเฉือนจนมีหยดเลือดรินไหลทุกครั้ง สำหรับคนที่มิได้เก่งเท่าพวกเขา ล้วนคิดว่ามันคือสงครามแห่งความตาย
ไม่นานองครักษ์ประจำตัวตายไปแล้วหลายคน คนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส คนที่ซินหลีพามาด้วยล้วนเป็นคนมีฝีมือ
คนเหล่านี้ได้รับคำสั่งว่าต่อให้ตายก็ห้ามปล่อยศัตรูไปเป็นอันขาด
“องครักษ์ของสกุลหลิน พวกเจ้าจงรีบหนีไปซะ อย่าสนใจข้า!”
จู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็ร้องตะโกนเสียงเย็นขึ้นมา องครักษ์สกุลหลินเปรียบเสมือนวีรบุรุษในสนามรบ นางไม่อยากให้คนเหล่านี้ต้องมาตายเพราะตนเอง
ทว่าพวกเขากลับไม่ยอมหนีไป ดังนั้นหลินเมิ้งหยากับป๋ายซูจึงทำได้เพียงหดตัวอยู่ในวงล้อมที่เล็กมากขึ้นทุกที
“นายหญิง หากทหารองครักษ์กันพวกเขาเอาไว้ไม่อยู่แล้วล่ะก็ ท่านรีบหนีไปนะเจ้าคะ ข้ายังมีวิธีที่จะหยุดซินหลีเอาไว้ได้”
สายตาของป๋ายซูมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว
หลินเมิ้งหยารู้ วิธีการของนางคงหนีไม่พ้นการบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย บางทีอาจต้องเอาชีวิตเข้าแลกเสียด้วยซ้ำ
นางไม่อาจปล่อยให้ป๋ายซูทำเช่นนั้นได้ ทว่าสายตาพลันเหลือบไปเห็นป๋ายซูรีบเก็บป้ายหยกของร่างทั้งห้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ซินหลี! ข้าจะฆ่าเจ้า เจ้าจงสังเวยชีวิตของเจ้าเสีย!”
ยังไม่ทันที่หลินเมิ้งหยาจะรู้สึกตัว ป๋ายซูหยิบกระบี่พุ่งตัวออกจากวงล้อมไป
“กลับมานี่ เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”
หลินเมิ้งหยาร้อนใจดั่งกำลังถูกไฟแผดเผา แต่กลับไม่สามารถรั้งตัวป๋ายซูกลับมาได้ เด็กคนโง่คนนี้คิดจริงๆ หรือว่าความตายของนางจะหยุดซินหลีเอาไว้ได้?
ป๋ายซูเข้าไปช่วยชิงหูต่อสู้เพื่อหยุดยั้งซินหลี
ส่วนทางด้านหลินเมิ้งหยา แม้วงล้อมของนางจะเล็กลงเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นกลับมั่นคงมากขึ้น ดังนั้นเหล่าชายชุดดำจึงมิอาจฝ่าวงล้อมเข้ามาได้
คำนวณเวลา คาดว่ารถม้าจะต้องถึงจวนอวี้แล้วอย่างแน่นอน เหล่าทหารองครักษ์ของสกุลหลินล้วนมีไหวพริบและฉลาดเฉลียว
คาดว่าพวกเขาจะต้องส่งคนไปขอความช่วยเหลือตั้งแต่แรกแล้วอย่างแน่นอน
ขอเพียงคนของสกุลหลินและจวนอวี้มาถึง ซินหลีจะต้องยอมเลิกราอย่างแน่นอน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดจะดังขึ้น
ป๋ายซูที่กำลังได้ใจเพราะคิดว่ามีชัยเหนือกว่ากลับพลาดท่าถูกซินหลีบีบคอเอาไว้แล้วจับเป็นตัวประกัน
ส่วนชิงหูไม่อาจเพิกเฉยต่อความเป็นความตายของป๋ายซูได้ ดังนั้นเขาจึงถูกเล็บเคลือบยาพิษของซินหลีข่วนเข้าที่หน้าอก
“ไปตายซะ!”
ใบหน้าของซินหลีบิดเบี้ยว แม้เขาจะไม่สามารถควักหัวใจของชิงหูออกมาได้ แต่พิษที่ถูกเคลือบอยู่บนเล็บแล่นพล่านเข้าทางหน้าอกของชิงหูแล้ว
น่าแปลกที่ชิงหูเพียงแค่มีใบหน้าขาวซีดมากขึ้น แต่กลับไม่ล้มลง
“ยาพิษรุนแรงใช้ได้เลยนี่ แต่มันใช้ไม่ได้ผลกับข้า!”
พิษแล่นเข้าสู่ร่างกายส่งผลให้การหายใจของเขาติดขัด แต่เพราะเขาได้กินยาพิษตั้งแต่เด็ก ดังนั้นยาพิษเล็กน้อยเท่านี้จึงไม่มีผลต่อร่างกายของเขา
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องการเวลาฟื้นฟูกำลังในร่างกาย
“ชิงหู! ป๋ายซู!”
หลินเมิ้งหยาวิ่งออกจากวงล้อมจนมาหยุดยืนต่อหน้าชิงหู
เรดาร์ในสมองปรากฏชื่อยาพิษออกมา ยาพิษเหล่านี้จะเข้าไปกระตุ้นในกายของชิงหูหรือไม่?
“เจ้าเด็กน้อย อย่ากังวลไปเลย ข้าไม่เป็นไร”
พิษในกายทำให้อาการของชิงหูแย่ลง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังกำดาบแน่น
ขอแค่ซินหลีจับสังเกตไม่ได้ก็เพียงพอแล้ว
“ฮึ เจ้านี่มันตื้อไม่เลิกจริงๆ หลินเมิ้งหยา ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงสาวใช้คนนี้ หากเจ้าอยากให้เด็กนี่มีชีวิตรอด เช่นนั้นเจ้าจงบอกไอ้ขยะให้เอาหัวของหัวหน้ากลุ่มเทียนหลงมาแลกและฆ่าคนของกลุ่มเทียนหลงให้หมด ข้าถึงจะปล่อยตัวนางไป”
แม้ซินหลีจะยังหอบหายใจ ทว่าน้ำเสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยความหยิ่งผยอง
ตอนนี้เขากำลังเป็นผู้คุมเกม เขาไม่กลัวว่าหลินเมิ้งหยาจะขัดขืนเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นไอ้พวกขยะเหล่านั้นต้องตายให้หมด
“ไม่ได้! นายหญิง ป๋ายซูยอมตาย แต่ท่านต้องปกป้องนายน้อย!”
ป๋ายซูส่งเสียงแข็งกร้าว ก่อนจะพูดภาษาที่นางไม่เข้าใจออกมา ทว่าสีหน้าของซินหลีกลับเปลี่ยนไป ราวกับเขาต้องการจะฆ่าป๋ายซูเสียตั้งแต่ตอนนี้
“อย่านะ!”
หลินเมิ้งหยารีบพุ่งตัวออกไป หยิบมีดสั้นเล่มเล็กออกจากวงแขน
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลินเมิ้งหยาจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วว่องไว ขณะที่ชีวิตของป๋ายซูกำลังจะดับสูญ หลินเมิ้งหยาแทงมีดเข้าไปที่แขนของซินหลี
“อ๊าก…”
ซินหลีแผดเสียงร้องดังลั่น เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวรูปร่างอ่อนแอบอบบางจะมีมีดคมกริบเช่นนี้
“เจ้ากล้าทำร้ายข้า!”
ความโกรธเกรี้ยวปะทุออกมา เขาโยนร่างของป๋ายซูลงพื้น
หลินเมิ้งหยาออกแรงดึงมีดออก ก่อนจะสบตาของซินหลีอย่างไม่กลัวเกรง
“ทำร้าย? ข้ายังจะฆ่าเจ้าด้วย!”
ตำแหน่งของนางค่อนข้างได้เปรียบ นางไม่เพียงเฉือนกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นของซินหลี แต่กลับยังแทงเข้าไปในบริเวณที่เจ็บปวดที่สุด
ไม่ว่าใครต่างก็ต้องหลบหนีหลังจากได้รับความบาดเจ็บแสนสาหัส แม้แต่ซินหลีที่มีวรยุทธ์ขั้นสูงเองก็เช่นเดียวกัน
“เจ้า!”
ใบหน้าของซินหลีบิดเบี้ยว ริ้วรอยเส้นเลือดปูดโปนออกมา
“นายหญิงรีบหลบเร็วเข้า! เขา…เขาจะฆ่าท่าน”
ป๋ายซูนอนขดอยู่บนพื้น ปากของนางเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด
แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังไม่ลืมร้องเตือนสติของหลินเมิ้งหยา เท่าที่ดูจากท่าทางของซินหลีในเวลานี้ นางรู้จักเขาดียิ่งกว่าใคร หากเขาถูกไล่ต้อนจนบาดเจ็บขนาดนี้แล้วล่ะก็ ทุกคนที่นี่จะต้องตายอย่างแน่นอน
“ตั้งแต่เด็กจนโตยังไม่เคยมีใครทำให้เขาบาดเจ็บได้มาก่อน”
จู่ๆ ใบหน้าบิดเบี้ยวและเส้นเลือดปูดโปนของซินหลีก็หยุดชะงักลง เสียงเย้ายวนดังออกมาจากปากของเขา หลินเมิ้งหยาชะงัก แม้ร่างกายจะยังคงเป็นของซินหลี แต่นางกลับรู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าหาใช่ซินหลี
“สองบุคลิก?”
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในสมองของหลินเมิ้งหยา
ในนิยายสมัยปัจจุบันเคยมีเรื่องเจ้านายโรคจิตที่มีสองบุคลิกในร่างเดียว
นางรู้สึกได้ถึงความอันตราย
แม้จะมีบทสรุปว่าโรคสองบุคลิกเกิดจากปัญหาของจิตใจ แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะได้เห็นกับตา
“เจ้าไม่ใช่เขา? เช่นนั้นเจ้าเป็นใคร?”
หลินเมิ้งหยามองซินหลีด้วยสายตาระแวดระวัง แม้คนตรงหน้าจะมีท่าทางอบอุ่นกว่ามาก แต่ความกระหายเลือดและโหดเหี้ยมอำมหิตกลับแผ่ซ่านออกมา ราวกับว่าสิ่งเหล่านั้นฝังลึกอยู่ในกระดูกของซินหลี
“เจ้าฉลาดเหมือนกันนี่ เจ้าทำให้แขนของเขาบาดเจ็บ ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ข้าชื่อซินชิง เป็นน้องสาวของเขา ในเมื่อเจ้าบีบข้าออกมา เช่นนั้นก็จงนำความตายมาแลกเถิด”
ซินชิงส่งยิ้ม ทว่ารอยยิ้มของนางกลับเสมือนภูตผีจากนรก
หลินเมิ้งหยาร้องเตือนตัวเองในใจ ขยับเท้าก้าวถอยหลัง ซินชิงกลับลุกขึ้นยืน หัวเราะคิกคัก แต่กลับไม่ขยับเขยื้อน
“หนีเร็ว! พวกเจ้าหนีไปเร็วเข้า!”
ราวกับป๋ายซูมองเห็นความผิดปกติบางอย่าง นางรีบตะเกียกตะกายจากพื้น ทว่าหลินเมิ้งหยากลับไม่หนี ดังนั้นคนอื่นๆ เองก็ไม่อาจหนีไปได้เช่นเดียวกัน
ซินชิงแค่นหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะหยิบระฆังสีทองอันเล็กๆ ออกมา
“ลูกๆ ของข้า ได้เวลากินอาหารแล้ว”
ระฆังสั่นไหว แต่กลับไร้ซึ่งเสียง ทว่าบริเวณรอบๆ กลับมีเสียง “จี๊ดจี๊ด” ดังขึ้น
หลินเมิ้งหยารู้ได้ทันทีว่ามันคืออะไร คิดไม่ถึงเลยว่าเหล่าแมลงพิษที่นางเคยใช้จะถูกนำมาใช้กับตนเอง
“นายหญิง พวกท่านหนีไปเร็ว แมลงพวกนี้หาใช่แมลงพิษธรรมดา มันคือหนอนกู่ สัตว์มีพิษขึ้นชื่อของสกุลซิน”
สายตาของป๋ายซูปรากฏร่องรอยของความสิ้นหวัง
หนอนกู่ไม่เหมือนสัตว์มีพิษชนิดอื่น หากถูกกัดเข้า จะไม่มียาใดสามารถถอนพิษได้
สกุลซินเลี้ยงพวกมันเพื่อนำออกมาทำร้ายผู้คน ดังนั้นจึงไม่เคยคิดยาถอนพิษใดๆ เอาไว้
แม้แต่คนของสกุลซินยังต้องตายหากไม่ระวังแล้วถูกกัดเข้า
คิดไม่ถึงเลยว่านางจะต้องมาตายเพราะคนของสกุลซิน
“หนอนอย่างนั้นหรือ? ซินชิง เจ้าหาเรื่องผิดคนแล้ว!”
ทุกคนคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะมีอาการสงบนิ่ง
มุมปากเหยียดยิ้มเล็กน้อย นางพลันก็หยิบกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งออกมา