ตอนที่ 451 รักษากระแสนิยมครั้งนี้ไว้ให้สุดกำลัง / ตอนที่ 452 ฉันต่างหากที่เป็นคนแต่ง

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 451 รักษากระแสนิยมครั้งนี้ไว้ให้สุดกำลัง

เพราะว่าก่อนหน้านี้เฉินฝานซิงใช้ภาษาฝรั่งเศสในการคัดเลือกนักปรุงน้ำหอมจนทำเอาเฉินเชียนโหรวหน้าแตกยับ แต่ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ของหลานอวิ้นก็ลงมือคลี่คลายทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว

แม้ว่าจะจ้างนักเขียนไปแล้วชุดหนึ่ง แต่โลกโซเชียลก็ยังไม่มีการโจมตีเฉินฝานซิงกลับไป และแทบจะไม่มีการสาดโคลนใส่เฉินฝานซิงเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังพูดว่าเธอแค่ตั้งใจจะย้ำว่าการพูดภาษาฝรั่งเศสไม่ได้เป็นเรื่องทั่วไป ใช่ว่าทุกคนจำเป็นต้องแตกฉานในภาษาฝรั่งเศส

ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงภาษาอังกฤษระดับหกของเฉินเชียนโหรวซึ่งไม่ใช่ปัญหาในการสื่อสารกับประเทศต่างๆ

หลังจากนั้นเฉินเชียนโหรวก็ซุ่มโพสต์รูปหนังสือเรียนภาษาฝรั่งเศสขั้นพื้นฐานลงไปในเวยป๋อแบบเงียบๆ พร้อมแคปชั่นว่า…

[ล้มตรงไหน ก็ลุกขึ้นยืนตรงนั้น!]

แม้ว่าในเวยป๋อจะยังคงมีกลุ่มแอนตี้และนักเลงคีย์บอร์ด ทว่าสมยานามของเฉินเชียนโหรวที่ว่า ‘เทพธิดาแห่งแรงบันดาลใจ’ ก็ยังพอรับมือได้อยู่

ผนวกกับที่เคยคอยเข้าร่วมกิจกรรมการกุศลอย่างไม่เคยหยุดหย่อน จึงค่อยๆ เรียกความนิยมกลับมาได้ทีละน้อย

ตอนที่เฉินฝานซิงรู้เรื่องนี้ เธอก็ยกมือขึ้นกุมขมับอย่างเหนื่อยล้า เป็นแมลงสาบที่ตายยากจริงๆ

จู่ๆ เฉินเชียนโหรวก็ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายจากบทเพลงนี้ บนโลกอินเตอร์เน็ตยังคงเกิดปรากฏการณ์เก่าๆ ที่ทั้งสองขั้วแยกออกจากกันอย่างชัดเจน

แฟนคลับและแอนตี้

เพราะหลายครั้งหลายคราวที่เคยพลาดท่าจนกลายเป็นข่าวอื้อฉาว ดังนั้นเจียงหรงหรงจึงกำชับฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้คอยจับตามองความคิดเห็นในโซเชียลเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ หากมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นก็ให้รีบแก้ไขโดยทันที จัดการทุกความคิดเห็นที่อาจส่งผลกระทบต่อกระแสความนิยมของเฉินเชียนโหรวในตอนนี้ โดยการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

กระแสตอบรับดีๆ แบบนี้ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ จะปล่อยให้เกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาอีกไม่ได้

ส่วนผลประโยชน์ที่นำมาสู่บริษัทยิ่งไม่ต้องพูดถึง

การลงทุนสูงขึ้น สปอนเซอร์ของเฉินเชียนโหรวก็ทยอยส่งเข้ามาอย่างล้นหลาม

ไม่ว่าจะเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ บทละครทุกประเภท โฆษณาพรีเซนเตอร์ และคำเชิญร่วมรายการวาไรตี้ต่างๆ

กระแสความนิยมของเฉินเชียนโหรวกำลังแถล่มทลาย ตอนนี้หลายคนในบริษัทก็พากันเลียแข้งเลียขาของเฉินเชียนโหรวไม่ห่าง

ทุนสนับสนุนมากมายขนาดนั้นในมือเธอในตอนนี้ หากยุ่งจนรับไม่ไหวแล้วส่งต่อมาให้พวกเธอสักสองสามรายการ นั่นก็ถือว่าเป็นขนที่ร่วงลงมาจากตัวของหงส์!

“พี่เชียนโหรว ก่อนหน้านี้เราเป็นห่วงพี่แทบแย่ ข่าวฉาวเยอะขนาดนั้น ในที่สุดพี่ก็ผ่านมันมาได้ สมกับที่เป็นเทพธิดาแห่งแรงบันดาลใจจริงๆ ถ้าเป็นฉันป่านนี้คงจะเละตุ้มเป๊ะไปแล้ว”

“ฉันล่ะหมดคำพูดกับชาวเน็ตพวกนั้นเลยจริงๆ นะ ให้ตายเถอะ วันๆ คงว่างมากไม่มีอะไรให้ทำกันแล้ว ถึงได้เอาแต่พล่ามไม่เข้าท่า! พี่เชียนโหรวออกจะเก่งและมีความสามารถขนาดนี้ อีกนิดเดียวก็คงจะได้รางวัลศิลปินผู้มีความสามารถรอบด้านแล้ว!”

“พี่เชียนโหรว ซิงเกิลนี้เพราะสุดๆ เสียงพี่นี่หวานเจี๊ยบเลย เมื่อคืนฉันฟังไปตั้งหลายรอบแน่ะ ร้องไห้หนักมาก!”

“ใช่ๆ ใช่ ฉันก็ด้วย ฉันฟังจนร้องได้แล้วนะเนี่ย”

ใบหน้าของเฉินเชียนโหรวประดับไปด้วยรอยยิ้มจืดจาง เธอได้ยิ้นทั้งเสียงหัวเราะเยาะและคำประจบประแจงจากผู้คนมาไม่น้อย ดังนั้นในใจของเธอจึงไม่ได้นึกลำพองใจมากนัก

เพียงแต่ภายนอกของเธอยังคงถูกฉาบทับไปด้วยท่าทีนอบน้อม

“กุญแจสำคัญคือเพลงนี้โดดเด่นมากต่างหากล่ะ ฉันเพียงแค่ใช้ความรู้สึกของตัวเองร้องออกมาเท่านั้นเอง ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับคนที่แต่งเพลงนี้ขึ้นมา”

“ซะที่ไหนกันเล่า ตอนนี้ยังจะมีใครไม่รู้อีกล่ะว่าพี่เองก็เป็นคนที่ร่วมแต่งเพลงนี้ขึ้นมา พี่ไม่ต้องมาถ่อมตัวเลยนะ”

“ใช่ นี่เป็นความสามารถของพี่ หวังว่าครั้งนี้คงจะไม่มีใครใช้เพลงนี้มาใส่ความพี่ได้อีกนะ”

“ดูสิว่าพวกไร้ตรรกะพวกนั้นจะพูดอะไรได้อีก!”

แม้พวกเธอจะพูดเช่นนั้น แต่สำหรับจี้อี้แล้ว เธอพูดได้แค่เพียงคำว่าอิจฉาริษยาและเกลียดชัง

สปอนเซอร์ดีๆ ทั้งหมดล้วนแต่ทุ่มให้กับเฉินเชียนโหรว ทั้งพรีเซนเตอร์ ทั้งบทละครก็เกินพอแล้ว เธอเป็นนักแสดงของเธอไปก็ดีอยู่แล้ว ยังมาแย่งอาชีพของนักร้องและที่สำคัญดันจะดังขึ้นมาอีก

พวกที่ชอบเปรียบเทียบกับคนอื่นช่างน่าโมโหนัก

ในขณะนี้ด้านล่างของบริษัทหลานอวิ้นถูกรายล้อมไปด้วยนักข่าว ระหว่างที่เฉินโหรวและคนอื่นๆ เดินมาถึงโถงใหญ่ของอาคาร ร่างเพรียวร่างหนึ่งก็ได้กระโจนออกมาอยู่ด้านหน้าสุด

“เฉินเชียนโหรว! แกมันสารเลว!”

ตอนที่ 452 ฉันต่างหากที่เป็นคนแต่ง

เสียงแหลมแผดก้องไปทั่วทั้งอาคารหลังโต ความฮึกเหิมของนักข่าวภายนอกได้ถูกปลุกขึ้นในทันใด พวกเขายืดคอชะเง้อมองไปยังในตึกใหญ่

รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของเฉินเชียนโหรวค่อยๆ เหี่ยวเฉา เธอขมวดคิ้วมองหญิงสาวที่ประจันหน้าเธออยู่ด้วยท่าทีเอาเรื่อง

เมื่อศิลปินคนอื่นๆ ได้ยินประโยคนั้นก็ตะลึงงันกันไปเป็นแถบ

ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าไม่สบายใจของเฉินเชียนโหรว ต่างคนก็ค่อยๆ ขยับปากเพื่อหวังจะสอพลอ

“จี้อี้ เธอจะมาโหวกเหวกหาอะไรฮะ ไม่เห็นรึไงว่าข้างนอกนั่นมีนักข่าวมากแค่ไหน”

“อย่าบอกนะว่าเธอเห็นว่าเพลงของพี่เชียนโหรวดัง แล้วเธออิจฉาน่ะ”

“ยึดมั่นในความดีมาตลอดไม่ใช่รึไง มีแม่เป็นนักดนตรีนี่ พรสวรรค์ด้านดนตรีไหลเวียนอยู่ท่วมตัว เก่งนักก็เขียนเพลงให้ดังขึ้นมาสักเพลงสิ!”

จี้อี้ใบหน้าซีดจัด ดวงตากลายเป็นสีแดง เธอจ้องมองคนพวกนั้นด้วยเนื้อตัวสั่นเทา

“ ‘โตวซื่ออ้าย’ (รักทั้งสิ้น) ฉันต่างหากล่ะที่เป็นคนแต่ง! ”

ดูเหมือนว่าเธอจะคำรามออกมาจนสุดแรงทั้งหมดที่มี ราวกับเสียงของเธอได้ทะลุผ่านไปทั้งตึกใหญ่ พวกที่ออกปากแทนเฉินเชียนโหรวไปเมื่อครู่นี้ตกใจจนคอหดหลับตาปี๊ ท่ามกลางเสียงคำรามด้วยความเดือดดาลที่กำลังจางหายไป

นักข่าวภายนอกอาคารก็พากันคึกคักขึ้นมาทันที!

“นี่มันเรื่องอะไรกัน เนื้อเพลงนี่ไม่ใช่ของหลินสื่อเจียหรอกเหรอ”

“เนื้อเพลงนี้เฉินเชียนโหรวร่วมเรียบเรียงขึ้น แล้วอีกคนคือใครล่ะ”

“ดูแล้วคงเป็นศิลปินเล็กๆ ของหลานอวิ้นล่ะมั้ง”

“เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ ศิลปินเล็กๆ คนหนึ่งกล้าออกมาโวยวายกับหลายอวิ้นขนาดนี้ แถมยังอยู่ในบริษัทอีกต่างหาก!”

บรรดานักข่าวข้างนอกพากันมองทะลุเข้าไปยังตึกระฟ้า แต่กลับถูกผู้รักษาความปลอดภัยตรงทางเข้าขวางไม่ให้เข้าไป

เฉินเชียนโหรวค่อยๆ ได้สติกลับมา เธอขมวดคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับบะหมี่น้ำ ร้อยวันพันปีไม่เคยนอกใจจากทรงผมประบ่า เชิ้ตสีขาว กางเกงยีนสีฟ้า อย่างกับเด็กสาวมหาวิทยาลัยที่เพิ่งออกจากรั้วสถาบัน ไม่สิ ต้องเป็นเด็กสาวมหาวิทยาลัยที่เพิ่งเข้าเรียนมากกว่า อย่างกับพวกหนอนหนังสือในคณะศิลปะวรรณคดีอย่างไรอย่างนั้น

ร่องรอยของความเหยียดหยามและชิงชังฉาบทับขึ้นในดวงตา

“จี้อี้ ฉันรู้ว่าการที่ฉันเลือกจะปล่อยเพลงคงจะเทียบชั้นกับเธอไม่ได้แน่ แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็อาจจะไปกระทบกับสปอนเซอร์และการเติบโตของเธอได้ แต่ว่า…ตลอดสองปีมานี้เธอเงียบหายไปเลย เพลงก่อนหน้านี้ เธอเขียนเอง ร้องเอง ฉันรู้ว่าเธอมีศักยภาพ แต่ว่า…จู่ๆ เธอก็โพล่งออกมาว่าฉันไปขโมยเพลงนี้จากเธอแบบนี้ ฉันก็…”

เฉินเชียนโหรวอธิบายกับจี้อี้อย่างข่มอารมณ์ “จะว่าไป ช่วงนี้เธอเคยส่งเนื้อเพลงให้ทางบริษัทบ้างรึเปล่า หรือเคยบอกกับทางบริษัทบ้างไหมว่ามีแพลนจะปล่อยเพลง”

นัยน์ตาของจี้อี้วูบไหว ภายในนั้นประกายไปด้วยความสับสนและไร้หนทาง

เฉินเชียนโหรวเห็นท่าดังนั้น จึงยกมือขึ้นกอดอกมองเธออย่างระอา

“แม้แต่เนื้อเพลงเธอก็ยังไม่เคยส่งให้บริษัท หรือเธอคิดว่าฉันไปขโมยเพลงมาจากบ้านเธอรึไงกัน”

ได้ฟังเช่นนั้นทุกคนก็ต่างมองท่าทีของจี้อี้ ผ่านไปครู่หนึ่งกว่าที่เธอจะตอบสนอง

“นี่ จี้อี้ เรื่องของตัวเองเธอยังไม่แน่ใจเลย พออ้าปากก็ใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้แล้ว เธอคิดจะทำอะไรกันแน่ฮะ!”

“ฉันว่า ต้องเป็นเพราะเธอเห็นว่าจู่ๆ เชียนโหรวก็ดังเพราะเพลงเพลงเดียว ถึงได้มาที่นี่เพื่อเรียกร้องความสนใจ! คนเห็นแก่ตัวอย่างเธอ อะไรที่ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของตัวเองก็ทำลงทั้งนั้นแหละ อยากดังจนเป็นบ้าไปแล้วรึไง!”

เฉินเชียนโหรวเองก็มีสีหน้าจริงจังและจนปัญญา “จี้อี้…เพลงนี้น่ะ เป็นเพลงที่ฉันกับโปรดิวเซอร์หลินแต่งด้วยกัน ไม่เชื่อเธอก็ไปถามเขาดูได้…”

จี้อี้กุมอกพร้อมผงะถอยไปสองก้าว ใบหน้าที่ซีดหนักกว่าเก่าส่ายไปมาไม่หยุด!

“เพลงนี้ฉันเป็นคนแต่งมันขึ้นมา มันมีความหมายและสำคัญกับฉันมากแค่ไหน พวกเธอไม่มีวันเข้าใจหรอก นั่นมันเป็นของของฉัน ฉันจะเอามันกลับมาให้ได้!”

พอพูดจบเธอก็วิ่งออกจากตึกใหญ่ของหลานอวิ้นไป ก่อนจะถูกนักข่าวข้างนอกตีวงล้อมเอาไว้แทบจะในชั่วพริบตา