ทุกคนมาถึงห้องโถงด้านนอกของบ้าน หลู่เว่ยต้งมองเจียงป่าวชิงด้วยแววตาเหี้ยม เขาพยายามอดกลั้นอารมณ์ชั่ววูบที่อยากฟันเจียงป่าวชิงเป็นชิ้น ๆ เอาไว้ก่อนจะพูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยม “เจ้าพูดมา ข้าจะรอดูเลยว่าเจ้าจะพูดคำพูดสวยหรูอะไรอีก!”
จิ้นเทียนหยู่ไม่กังวลว่าเจียงป่าวชิงจะพูดอะไร เพราะเขารู้ว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่เขาค่อนข้างเป็นห่วงมากกว่าว่าเมื่อสักครูนี้ทำไมเจียงป่าวชิงถึงหมดสติอยู่บนเตียงหลี่อันหรูได้
มันไม่เหมือนกับที่พวกเขาคุยกันไว้นี่!
มันเป็นการก่อกวนจนเกินไป! พวกเขารู้อยู่แล้วว่าหลี่อันหรูอาจมีแผนอะไรไม่ดีในงานแต่งงาน แถมเจียงป่าวชิงก็ระมัดระวังตัวมาโดยตลอด ทำไมนางต้องพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ด้วย
หมัดของจิ้นเทียนหยู่กำเข้าหากันแน่นภายใต้แขนเสื้อ
เจียงป่าวชิงนวดหางคิ้ว น้ำเสียงของนางยังคงสงบนิ่งเหมือนทุกครั้ง “เดิมทีข้าควรไปที่งาน แต่ในระหว่างทางไปกลับมีคนมาบอกข้าว่าหลี่อันหรูรู้สึกไม่สบายตัว กลัวว่าจะทำให้งานแต่งงานล่าช้าจึงขอให้ข้ารีบไปดูอาการให้นาง”
ตอนนี้หลี่อันหรูเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาแล้ว ภายใต้ความช่วยเหลือจากซูรุ่ยเอ๋อร์ บาดแผลก่อนหน้านี้ของนางยังไม่หายดีจึงยังเดินไม่ได้ ทำให้ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นธรรมดาและถูกเข็นออกไปที่ห้องโถงด้านนอก
หลี่อันหรูพิงอยู่ข้างหลู่เว่ยต้งด้วยท่าทางไร้เรี่ยวแรง นางฟังเจียงป่าวชิงเล่าด้วยเนื้อตัวสั่นเทา
หลู่เว่ยต้งโอบไหล่หลี่อันหรูอย่างสงสารจับใจและตบเบา ๆ เพื่อปลอบโยน “หรูเอ๋อร์ ไม่เป็นไรนะ ข้าอยู่นี่ เจ้าไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”
หลี่อันหรูสะอื้นไห้เสียงเบา “ใช่ เดิมทีข้ารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยจึงอยากให้หมอเจียงมาช่วยดูให้ แต่ใครจะไปคิดว่าหมอเจียงกล้าทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าแบบนั้นกับข้า…” พูดเสร็จ ร่างกายนางชักกระตุกเบา ๆ เหมือนนึกเรื่องเจ็บปวดอะไรบางอย่างได้
หลู่เว่ยต้งโกรธมาก เขาโกรธจนอยากฟันเจียงป่าวชิงให้ตายซะเดี๋ยวนี้
แต่เขาทำไม่ได้เพราะอำนาจของกู่ฟู่กุ้ยกดอยู่บนหัวเหมือนภูเขาใหญ่ค้ำอยู่อย่างนั้น อันที่จริงคนอย่างเขาเผชิญหน้ากับดาบของจิ้นเทียนหยู่ได้อยู่แล้ว แต่ในเมื่อหัวหน้าใหญ่กู่ฟู่กุ้ยพูดไว้แล้ว เขาจึงต้องไว้หน้าหัวหน้าใหญ่และฟังเจียงป่าวชิงพูดจนจบ
หลู่เว่ยต้งตัดสินใจแล้ว เมื่อเจียงป่าวชิงเถียงข้าง ๆ คู ๆ เสร็จ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดอย่างไร เขาต้องฟันไอ้สารเลวนี่ให้ตายคามือเพื่อระงับความเกลียดชัง
เจียงป่าวชิงแค่นเสียงหัวเราะเยาะและไม่สนใจที่หลี่อันหรูพูด “พอข้ามาถึงห้องของหลี่อันหรู ข้าก็จับชีพจรให้นาง ร่างกายนางสมบูรณ์ดี เพียงแค่นางค่อนข้างเป็นกังวลทำให้นอนไม่หลับก็เท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรมากมายเลย แต่หลังจากที่ข้าให้ยาผ่อนคลายจิตใจกับนาง ข้าก็ดื่มชาแล้วภาพทุกอย่างก็มืดดำไปหมด ดูเหมือนข้าจะสลบไป ตื่นขึ้นมาพวกเจ้าก็มาที่นี่กันแล้ว” เจียงป่าวชิงวางมือลง
ชาถ้วยนั้น ด้วยทักษะการรักษาโรคของนาง นางสังเกตเห็นถึงความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว ในเมื่อสังเกตเห็นถึงปัญหาแล้ว แน่นอนนางต้องไม่ให้ตัวเองติดกับดัก เจียงป่าวชิงใช้วิธีตบตาเทชานั้นลงไปในแขนเสื้อกว้าง ๆ จนหมด หากนางไม่ได้หมดสติจะฟื้นขึ้นมาได้จังหวะพอดีและดูเหตุการณ์ฉากสำคัญนี้ได้หรือ
แต่คำพูดเหล่านี้ยังเป็นเหตุผลที่หนักแน่นไม่เพียงพอที่จะให้คนอื่นเชื่อถือ
การเถียงข้าง ๆ คู ๆ ของเจียงป่าวชิงไม่ผิดไปจากที่หลี่อันหรูจินตนาการไว้สักเท่าไหร่ หลี่อันหรูนึกลำพองในใจ แต่นางยังคงแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา “เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกหก! ถ้าเขาสลบแล้วใครฉีกเสื้อผ้าข้าล่ะ คนอย่างข้าไม่ยอมเสียชื่อเสียงตัวเองเพื่อพูดปรักปรำเขาแน่! เห็นได้ชัดว่าข้าสวยโดดเด่น เขาจึงมีความคิดเลวทรามอยากรังแกข้า… และถ้าไม่ใช่เพราะข้าตีเขาจนสลบ เกรงว่าคงทำได้แค่กระโดดหน้าผาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าแล้วล่ะ”
พูดเสร็จ นางก็ปล่อยโฮยกใหญ่
ไม่ต้องพูดว่าหลู่เว่ยต้งรู้สึกทรมานแทนว่าที่ภรรยามากเพียงใด เขากอดยอดดวงใจไว้แน่น ส่วนหลี่อันหรูนั้น นางดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของเขา พูดไปด้วยสะอื้นไปด้วย
“ฮือฮึก… พี่ต้ง พี่ปล่อยให้ข้าไปตายเถอะ เรื่องนี้จะได้แล้วกันไปซะที ทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นพี่น้องของพี่ทั้งนั้น ข้าเป็นแค่นักโทษที่ถูกลักพาตัวมา พี่อย่าทะเลาะกับพี่น้องของพี่เพื่อข้าเลย… ถ้าข้าตายไปซักคนก็จะได้แก้ไขปัญหาของเรื่องนี้ได้…”
หลู่เว่ยต้งกอดหลี่อันหรูไว้แน่น เขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงสั่น ๆ ว่า “ไม่ได้หรอกหรูเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องห่วง! ข้าจะทวงความยุติธรรมกลับคืนมาให้เจ้าอย่างแน่นอน”
เจียงป่าวชิงไม่อยากดูหลี่อันหรูแสดงละครอันขมขื่นแล้วจึงเลิกคิ้วขึ้นอย่างนึกสนใจ “เอาล่ะ เจ้ายืนยันว่าข้าเกิดอารมณ์และเลือกที่จะลงมือทำเลวทรามกับเจ้าใช่ไหม ?”
หลี่อันหรูหันหน้าไปด้านข้าง นางร้องไห้สะอึกสะอื้นและพูดขึ้นอย่างเศร้าใจว่า “นี่ไม่ใช่ว่าเป็นความจริงที่เผยออกมาให้ทุกคนเห็นแล้วหรอกรึ ?”
“ได้ เจ้าจำคำพูดของเจ้าให้ดีก็แล้วกัน” เจียงป่าวชิงพยักหน้า ส่งสายตาดูแคลนให้นางก่อนจะหันไปมองซูรุ่ยเอ๋อร์อย่างขอความช่วยเหลือ “หัวหน้าสอง ข้ามีเรื่องอยากไหว้วานท่านหน่อย”
ซูรุ่ยเอ๋อร์เลิกคิ้วเล็กน้อย นางได้ฟังที่เจียงป่าวชิงพูดก็เผยท่าทีสนใจออกมาทางสีหน้าและพยักหน้าตกลง “ได้”
เจียงป่าวชิงชี้ไปที่ห้องข้าง ๆ “พวกเจ้ารอข้าก่อนสักครู่หนึ่ง ข้าขอไปเตรียมของเพื่อมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าที่ห้องข้าง ๆ จะให้คนเฝ้าหน้าประตูไว้ก็ได้ ข้าไม่หนีไปไหนแน่”
หลู่เว่ยต้งกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กู่ฟู่กุ้ยกลับพยักหน้าก่อน “ได้ ไปสิ แต่น้องเจียง ข้าจะพูดตรงนี้ว่าถ้าเจ้าไม่สามารถหยิบยกหลักฐานอะไรออกมายืนยันความบริสุทธิ์ใจของเจ้าได้ เมื่อถึงตอนนั้นก็อย่าโทษที่ข้าลงโทษเจ้าตามกฎของหมู่บ้านแล้วกัน”
หัวหน้าใหญ่อย่างกู่ฟู่กุ้ยพูดออกมาอย่างเด็ดขาดแล้ว ไม่ว่าหลู่เว่ยต้งอยากขยี้เจียงป่าวชิงให้แหลกคามือมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกในตอนนี้ ทำได้เพียงมองดูเจียงป่าวชิงไปที่ห้องข้าง ๆ พร้อมซูรุ่ยเอ๋อร์เท่านั้น
วันมงคล ๆ กลับกลายเป็นเกิดเรื่องย่ำแย่ ผู้คนต่างยืนเงียบไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
หลี่อันหรูรู้สึกไม่ค่อยดี ตามแผนของนาง ตอนนี้หลู่เว่ยต้งกับจิ้นเทียนหยู่ควรชกต่อยกันแล้วสิ แต่นี่จิ้นเทียนหยู่กลับควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าที่นางคิด เขาปกป้องเจียงป่าวชิงก็จริงแต่กลับไม่มีคำพูดและการกระทำอะไรที่บุ่มบ่ามรุนแรง ไม่เหมือนหัวหน้าจิ้นจอมฉุนเฉียวและใจร้อนคนเดิมที่นางรู้จักเลย
เดิมทีนางอยากกล่าวโทษจิ้นเทียนหยู่ แต่นางรู้สึกหวาดกลัวจิ้นเทียนหยู่มาก กลัวว่าจะเกิดอะไรผิดพลาดระหว่างที่นางลงมือ อีกอย่าง นางเคยทดลองนัดจิ้นเทียนหยู่แล้วทว่าเขาไม่สนใจนางเลยสักนิดจึงไม่มีโอกาสทำให้เขาเป็นคนดื่มชาที่ถูกเพิ่มยาทำให้ง่วงนอน แต่ต่อมา นางได้ยินว่าหลู่เว่ยต้งบอกว่าเจียงป่าวชิงดูเหมือนจะเปลี่ยนไปอยู่ฝั่งจิ้นเทียนหยู่แล้ว และจิ้นเทียนหยู่เองก็ปกป้องเจียงป่าวชิงออกนอกหน้า นางถึงเลือกลงมือกับเจียงป่าวชิง แต่จุดประสงค์ของนางคือต้องการให้คนสองพรรคอย่างหลู่เว่ยต้งกับจิ้นเทียนหยู่ทะเลาะจนแตกแยกกันไปข้าง ยิ่งรุนแรงได้ยิ่งดี
ถึงแม้จะบอกว่าเจียงป่าวชิงเคยปลอบและช่วยรักษาขาให้นาง แต่ในขณะเดียวกัน เจียงป่าวชิงก็ยืนกรานปฏิเสธที่จะช่วยนางให้รอดไปจนสุดทางและยังมองดูนางดิ้นรนอย่างขมขื่นอยู่ในถ้ำโจรอย่างเฉยเมย ในสายตานางเขาจึงไม่ใช่คนดีอะไรเช่นกัน การผลักเรื่องนี้ไปที่เจียงป่าวชิง หลี่อันหรูไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย
มือของหลี่อันหรูที่วางอยู่บนขาค่อย ๆ กำเข้าหากันแน่น นางกระสับกระส่าย ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ชกต่อยกันเหมือนที่นางต้องการ หากเป็นเช่นนี้ นางจะลงมือจากความโกลาหลได้อย่างไร
เวลาค่อย ๆ ผ่านไปอย่างช้า ๆ หลี่อันหรูไม่แสดงอารมณ์ใดบนใบหน้าแต่ในใจกลับกระสับกระส่ายอย่างมาก นางกัดริมฝีปาก ใช้วิธีล่าถอยโดยที่พูดกับหลู่เว่ยต้งด้วยท่าทีปั้นแต่งให้ดูน่าสงสารมากที่สุด
“พี่ต้งจ๊ะ… ไหน ๆ ความบริสุทธิ์ของข้าก็ยังคงอยู่ หมอเจียงอะไรนั่นทำไม่สำเร็จ เช่นนั้นแล้วพวกพี่อย่าได้ทำลายไมตรีที่ดีต่อกันเพื่อข้าเลยนะ ข้าไม่อยากสืบสวนเรื่องนี้แล้ว…”
ทว่าทันใดนั้น เสียงผู้หญิงดังขึ้นจากนอกประตูอย่างชัดเจน
“เจ้าไม่อยากสืบสวนแล้ว แต่ข้าต้องการสืบสวน”
.