ภายในห้องนอน ขาและแขนของเยี่ยเฟิงถูกจับกางออก มือและเท้าถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่เหล็ก เสื้อผ้าที่ฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยถูกทิ้งกระจัดกระจายอยู่บนพื้น

เยี่ยเฟิงต่อสู้ดิ้นรนอย่างไรก็ไม่เป็นผล และนั่นยิ่งทำให้บาดแผลบนร่างกายเขาฉีกขาด จากนั้นเลือดสีแดงสดจึงค่อยๆ ไหลออกมา

เพียะ!

ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาเงื้อมือขึ้นตบหน้าเขาและก่นด่าอย่างมีโทสะ

“เฮอะ ต่อหน้าข้ายังแสร้งทำเป็นมีคุณธรรม อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าเคยปรนนิบัติผู้นำกองธงกล้วยไม้อย่างไร คนที่รูปลักษณ์ต่ำช้าอย่างเจ้า ที่ข้าสนใจเจ้าเช่นนี้เจ้าควรจะจุดธูปขอบคุณพระเจ้าอย่างซาบซึ้งเสียด้วยซ้ำ”

คำพูดประโยคนี้ทิ่มแทงจิตใจเยี่ยเฟิงเป็นอย่างมาก

ความทรงจำในอดีตหลั่งไหลเข้ามาในความคิดของเขาอย่างท่วมท้น

ทุกฉากที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกว่าตายไปยังดีเสียกว่า

ถ้าเลือกเองได้ ใครจะอยากมีชีวิตแบบนี้

“เจ้าคนต่ำช้า เป็นแค่เศษบุปผาที่ปลิดปลิวแต่ยังริอ่านมองข้าเช่นนี้ ข้าจะบอกให้ หลังจากผ่านพ้นคืนนี้ไป ข้าจะมอบเจ้าให้เป็นรางวัลแก่ลูกน้องของข้า เจ้าชอบแสร้งทำเป็นมีคุณธรรมนักไม่ใช่เหรอ ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะยังยึดมั่นในคุณธรรมได้สักกี่น้ำ”

หลังจากนั้นจึงตบเขาอย่างแรงอีกหลายครั้ง

กรอด…

น้ำตาไหลออกมาจากหางตาของเยี่ยเฟิง ต่อให้บาดแผลบนร่างกายจะเจ็บมากแค่ไหน แต่ก็ยังไม่เจ็บเท่าหัวใจที่เจ็บปวดจนแหลกสลายของเขา

เมื่อเห็นผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาคร่อมตัวลงมา เยี่ยเฟิงจึงหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง เตรียมพร้อมยอมรับความเจ็บปวดที่จะบดขยี้จิตใจจนแหลกสลาย

ความเจ็บปวดที่คิดว่าจะเกิดขึ้นกลับไม่เกิดขึ้น ทันใดนั้นกลับได้ยินกรีดร้องของผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา ตามมาด้วยเสียงอาวุธปะทะกัน

เยี่ยเฟิงลืมตาขึ้นมาอย่างสั่นเทาและเห็นว่าฝูกวงมาถึงที่นี่แล้วตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ เขากำลังต่อสู้อยู่กับผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา

นอกจากนี้ยังมีกู้ชูหน่วนที่มีสีหน้าเย็นชา นางถอดเสื้อคลุมออกมาปกปิดร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเขา จากนั้นจึงช่วยปลดโซ่เหล็กที่มัดแขนขาเอาไว้

ในหัวของเยี่ยเฟิงเกิดเสียงหวีดหวิวและเขาแทบจะสิ้นสติ

ทำไมกัน…

ทำไมนางจึงต้องมาเห็นสภาพที่น่าอับอายของเขาเสมอ

“เป็นอย่างไรบ้าง ยังทนไหวหรือเปล่า” กู้ชูหน่วนประคองเขาขึ้นมา

เยี่ยเฟิงขดตัวและถอยหลังกลับไป เขากระชับอาภรณ์เพื่อปกปิดเรือนร่างของตัวเอง

เยี่ยเฟิงก้มหน้านิ่ง ใบหน้าซีดเผือด เขากัดริมฝีปากจนเลือดออก ราวกับว่ากำลังข่มกลั้นอะไรบางอย่างเอาไว้

เมื่อเห็นสภาพของเขา ความโกรธที่สั่งสมมานานของกู้ชูหน่วนก็ปะทุออกมา นางตะโกนสั่งอย่างเยือกเย็น “ฝูกวง ฆ่ามัน!”

“ขอรับ”

เกิดเสียงดังโครมคราม

เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างผู้มีฝีมือ เศษหินเศษไม้ปลิวว่อน กลิ่นอายแห่งความตายอบอวลไปทั่วทั้งห้อง

กู้ชูหน่วนกลัวว่าเยี่ยเฟิงจะได้รับลูกหลง ดังนั้นนางจึงประคองร่างที่สั่นเทาของเขาออกไป

เยี่ยเฟิงกัดริมฝีปากบังคับให้ตัวเองมีสติ มือหนึ่งกำเสื้อคลุมไว้แน่น ส่วนอีกมือหนึ่งจับมือของกู้ชูหน่วนไว้และออกไปจากห้องนอน

เมื่อมีเศษหินกระเด็นออกมา เขาจึงใช้ร่างกายของตัวเองบังเศษหินเหล่านั้นเอาไว้

กู้ชูหน่วนจะปล่อยให้เขาได้รับบาดเจ็บจากเศษหินเหล่านั้นได้อย่างไร นางดึงเยี่ยเฟิงหลบไปซ้ายทีขวาทีเพื่อหลีกเลี่ยงเศษหิน จากนั้นจึงพาถอยไปยังที่ที่ปลอดภัย

“ที่นี่คือส่วนลึกของเผ่าปีศาจ ท่านรีบพาฝูกวงออกไปเสีย” เยี่ยเฟิงผลักกู้ชูหน่วนออกไปและกล่าวอย่างกังวลใจ

ถึงเขาจะไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนกับฝูกวงมาเจอกันได้อย่างไร แต่หุบเขากลืนวิญญาณก็ไม่ได้ดีไปกว่าหุบเขาพิศวิญญาณ ที่นี่เป็นถึงหนึ่งในวังของจอมมาร นอกจากนี้… เป็นไปได้มาว่าจอมมารจะอยู่ในวัง

ถ้าถูกพบเจอเข้า พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากความตาย

“ไม่ต้องห่วง ที่นี่มีการเคลื่อนไหวมากมาย ถ้าคนของเผ่าปีศาจจะมาจริงๆ คงมานานแล้ว นอกจากนี้… มันสมควรตาย” จิตสังหารแผ่ออกมาขณะที่กู้ชูหน่วนกล่าวประโยคหลัง

เมื่อครู่นี้นางคิดจะลงมือเอง แต่ฝูกวงมาทันเวลาและชิงลงมือก่อนนาง