เยี่ยเฟิงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังปึ่งพร้อมกับผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาที่ลอยออกมา ร่างกายปะทะเข้ากับศาลาที่อยู่นอกห้อง แรงปะทะรุนแรงจนทำให้ศาลาพังทลาย

อึก…

เขากระอักเลือดและหายใจอย่างกระเสือกกระสน

ฝูกวงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย เขาจ่อดาบไปที่คอของผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาและชายตามองอย่างเหยียดหยาม

แพ้ชนะเห็นเป็นที่ประจักษ์

เส้นเลือดใหญ่ทั่วทั้งร่างของผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาเสียหายหนัก เขาไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบเจ็ดสิบแปดจะมีวรยุทธ์สูงส่งเช่นนี้

“ข้าเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของจอมมาร ถ้าเจ้าฆ่าข้าก็เท่ากับทำให้เผ่าปีศาจทั้งหมดไม่พอใจ”

ฝูกวงยิ้มเยาะ “ต่อสู้กันมาตั้งนาน เหตุใดจึงไม่เห็นเผ่าปีศาจมาช่วยเจ้าสักคน”

ประโยคนี้สะกิดใจผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา

ภายในวังมีการเฝ้าระวังแน่นหนา แต่เหตุใดจึงไม่มีทหารยามเลยสักคน

จิตใจของเขาหนักอึ้งและสังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากจะเชื่อ

กู้ชูหน่วนชักดาบอีกเล่มหนึ่งของฝูกวงออกมา ดวงตาที่เยือกเย็นประดุจน้ำแข็งเย็นเยียบราวกับความตาย

นางพูดออกมาอย่างช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ “เมื่อกล้าแตะต้องเยี่ยเฟิง เจ้าควรจะตระหนักรู้ถึงความตาย”

ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวากำลังคิดจะต่อต้าน ทว่าดาบของฝูกวงปักเข้าไปในลำคอของเขาแล้ว เพียงแค่กดดาบเข้าไปอีกนิดก็จะแทงทะลุคอและปลิดชีวิตเขาได้ทันที

การเคลื่อนไหวของผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาเชื่องช้าลง

และในช่วงที่กำลังเชื่องช้าอยู่นั้น ดาบของกู้ชูหน่วนก็ปักลึกลงไปที่หัวใจของเขา

เลือดทะลักออกมาอย่างรุนแรงเหมือนพบเจอช่องระบาย

ไม่ว่าอย่างไรผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะตายด้วยน้ำมือของเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสองคน

ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาตายแล้ว บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด มีเพียงเสียงของใบไม้ที่ไหวหวิวท่ามกลางสายลม

แววตาที่เยือกเย็นของเยี่ยเฟิงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

ไม่ไกลจากตรงนั้น…

จอมมารและนักฆ่าโลหิตยืนอยู่เคียงข้างกัน

จอมมารลูบเส้นผมสีดำที่ทอดยาวลงมาประหนึ่งน้ำตก เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาและนุ่มนวล “เจ้าว่า ต่อสู้มาตั้งนาน แต่ไม่มีทหารยามเผ่าปีศาจของเราปรากฏตัวเลยสักคน มันจะดูแปลกไปหน่อยหรือไม่”

“ขะ… ขอรับ…” นายท่านตั้งใจปล่อยให้พวกนั้นหนีไปมิใช่หรือ แล้วจะเรียกทหารยามออกมาเพื่ออะไร

ต่อให้จะออกไปตอนนี้ก็ยังดูแปลกอยู่ดีไม่ใช่หรือไง

“เช่นนั้นจงส่งทหารยามออกมา ไม่อย่างนั้นจะดูเหมือนไม่มีใครอยู่ในเผ่าปีศาจ”

“ขอรับ…”

ในไม่ช้าทหารยามจำนวนมากก็แห่กันเข้ามาพลางตะโกนว่า “มีผู้ลอบสังหาร มีผู้ลอบสังหาร”

มุมปากของกู้ชูหน่วนกระตุกนิดหนึ่ง

พวกเผ่าปีศาจทำบ้าอะไรอยู่

หรือว่าคนพวกนี้จะเผลอหลับไปจึงเพิ่งมาปรากฏตัวเอาป่านนี้ ตอนนี้ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาถูกสังหารไปแล้ว เพิ่งจะมาตะโกนว่ามีการลอบสังหาร

พวกนั้นจะนอนต่ออีกหน่อยไม่ได้หรือไง

กู้ชูหน่วนหาเสื้อผ้าตัวใหญ่โคร่งแล้วโยนให้เยี่ยเฟิง จากนั้นจึงพาพวกเขาทั้งสองคนวิ่งไปยังเส้นทางลับ “พวกเจ้าตามข้ามา”

“นายท่าน ทางเข้าของเผ่าปีศาจน่าจะอยู่ทางนั้น”

“ข้าจะพาพวกเจ้าลัดไปที่เส้นทางลับ”

เส้นทางลับ?

นายท่านรู้ได้อย่างไรว่ามีเส้นทางลับอยู่ในส่วนลึกของเผ่าปีศาจ

ฝูกวงสงสัย

เยี่ยเฟิงนึกสงสัยยิ่งกว่า

จอมมารยิ้มอย่างมีเสน่ห์ หลังจากกู้ชูหน่วนจากไปแล้วจึงเริ่มจัดการผู้นำกองธงเหล่านั้น

เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป กู้ชูหน่วนพาฝูกวงวิ่งกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ

เขาแปลกใจเล็กน้อย “นักฆ่าโลหิต เจ้าว่าที่นางวิ่งกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ เป็นเพราะนางมีอะไรที่ยังต้องการจากเผ่าปีศาจอีกหรือไม่”

“นายท่าน… ในเส้นทางลับมีค่ายกลวงแหวนที่ท่านทำไว้อย่างดีชนิดที่ไม่มีใครเทียบได้ คุณหนูกู้อาจจะ… หลงทาง”

“หลงทาง? เป็นไปไม่ได้ ทักษะทางด้านค่ายกลของพี่หญิงดีขนาดนั้น ข้าเดาว่านางน่าจะมาตามหาข้า ไม่เสียแรงเลยที่ข้านึกชื่นชมนาง”

นักฆ่าโลหิตปาดเหงื่อและไม่กล้าตอบอะไร