ตอนที่ 83 ไล่ตาม

ตำรวจมาแล้ว รถพยาบาลก็มาแล้วเช่นกัน

แน่นอนว่า ถึงรถพยาบาลจะมาทันหรือไม่ ก็ไม่มีความหมายอะไรมาก

โจวเจ๋อกับสวี่ชิงหล่างนั่งยองๆ อยู่ ในถนนฝั่งตรงข้ามมีผู้คนรายล้อมกันเนืองแน่น

สวี่ชิงหล่างยังไม่ได้สติกลับมา หลังจากภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ ตอนนี้มือยังสั่นอยู่เลย เขาไม่ได้กลัวผี และเจอผีบ่อย แต่มีหลายสิ่งที่ไม่สามารถใช้ความกลัวอย่างเดียวมาตัดสินได้ แต่เป็นความรู้สึกของภาพ ที่ทำให้คุณตกใจ จริงๆ มากน้อยแค่ไหน

สำหรับสวี่ชิงหล่างที่กำลังชิมอาหารของคู่แข่งก่อนหน้านั้น กับภาพที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ช่างน่าตื่นเต้น ตกใจจริงๆ

“น่ากลัวเกินไปแล้ว”

ไม่นานนัก สวี่ชิงหล่างที่เพิ่งได้สติกลับมา เขาก็จุดบุหรี่หนึ่งมวนแล้วพูดในขณะเดียวกัน

“พัดลมเพดานตัดหัวคนขาดได้จริงเหรอ”

โจวเจ๋อส่ายหน้า “ตามหลักทฤษฎีแล้ว เป็นไปไม่ได้ อย่างมากก็แค่บาดเป็นแผล”

“อย่างนั้นครั้งนี้เกินขอบเขตตามทฤษฎีใช่ไหม”

“อาจจะใช่ ก่อนหน้านั้นฉันเป็นหมอ เคยทำแผลให้ผู้บาดเจ็บที่ถูกพัดลมเพดานบาด แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีใครถูกพัดลมเพดานตัดศีรษะจริงๆ ในเรื่องจริงก็คือเพชฌฆาตสมัยโบราณ ถ้าอยากจะตัดศีรษะนักโทษให้ขาดทีเดียวก็ต้องฝึกฝนให้ดี มีหลายครั้งที่คนถูกตัดศีรษะแล้วคมมีดฝังลงไปแต่ศีรษะไม่ตกลงมาและดึงมีดออกมาไม่ได้”

“โอเค ฮวงจุ้ยของที่นี่ ดูแล้วไม่ดีจริงๆ”

“ดีมากนะ” โจวเจ๋อพูด

“เหอะๆ” สวี่ชิงหล่างกลอกตาขาว

“อันที่จริงชีวิตมีความเสี่ยงอยู่ทุกที่ แต่เหตุการณ์ในเวลานี้ คงได้แต่พูดว่าพวกเขาดวงซวย อย่างเช่นหยิบหนังสือแล้วใช้ปากของตัวเองถูไถไปมา หากโชคไม่ดีก็ถูกกระดาษบาดเป็นแผลใหญ่ หรือยกตัวอย่างเช่นสารโทมาทีนที่อยู่ในมะเขือเทศก็คือสารพิษที่เรียกว่าอัลคาลอยด์อย่างหนึ่ง”

“อย่างนั้นปกติผมกินมะเขือเทศแล้วทำไมถึงไม่ตาย”

“ถ้ากินถึงสี่ตัน ปริมาณสารพิษคงมากพอที่จะทำให้นายตายได้”

“…” สวี่ชิงหล่าง

“ไม่ว่าสิ่งใดหากกินเข้าไปสี่ตันแล้ว ก็ตายทั้งนั้นแหละ!” สวี่ชิงหล่างกดเสียงต่ำพูดดุ

“โอเค ร้านก็ดูแล้ว พวกเราควรกลับได้แล้ว ถ้ายังไม่กลับเห็นทีลุงตำรวจจะเรียกพวกเราไปสอบปากคำอีก เรื่องกระโดดตึกคราวก่อนก็ทำไปหนึ่งทีแล้ว ถ้าทำอีกครั้ง แล้วถ้าหากเจอคนรู้จักคงจะมองพวกเราเป็นนักสืบโคนันจริงๆ”

“วันนี้ชวยมาก เดิมทีอยากมาดูร้านด้วยความตื่นเต้น ใครจะรู้ว่าดันเกิดเรื่องแบบนี้” สวี่ชิงหล่างทิ้งก้นบุหรี่ ยื่นเท้าออกไปแล้วเหยียบขยี้มัน

“ฉันคิดว่าคู่แข่งของนายลดลงไปอีกหนึ่งคนแล้ว น่าจะดีใจ”

“คุณพูดแบบนี้เกินไปหน่อยนะครับ ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งจะตายไปหยกๆ”

“อ้อ อย่างนั้นบอกฉันหน่อย คนที่เพิ่งตายไม่นาน วิญญาณของเธอจะลอยออกมาไหม”

โจวเจ๋อชี้ไปที่หน้าประตูร้าน มีหญิงสาวใส่สเวตเตอร์สีเหลืองตัวหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น

แตกต่างจากหญิงสาวที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อครู่ หญิงสาวคนนี้มีรูปร่างอรชร ตัวสูงเพรียว โดยเฉพาะขาทั้งสองข้างที่สวยจนสามารถปลิดชีพของคุณได้

แน่นอนว่า ถ้าหากเธอมีศีรษะ จะยิ่งสวยมากกว่านี้

“นี่…” สวี่ชิงหล่างตกตะลึง

ถึงแม้จะรู้สึกน้อยใจ แต่ก็ต้องรอให้ถึงวันที่เจ็ดก่อนถึงจะกลายเป็นผีร้าย เป็นไปไม่ได้ที่ตายแล้วจะเปลี่ยนทันทีและต้องอาศัยความน่าจะเป็นของความโชคดีอีกด้วย คนตายหนึ่งพันคนมีวิญญาณแค่คนเดียวที่สามารถอยู่ในโลกมนุษย์ได้

“ฉันว่าแล้ว พัดลมจะตัดหัวของคนได้ยังไง” โจวเจ๋อลุกขึ้น เริ่มเดินไปทิศทางนั้น

ผู้หญิงคนนั้นตายไปแล้ว อย่างไรเสียก็ต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้เธอ!

“อุ๊บ…” โจวเจ๋อเอามือแตะหน้าอกเมื่อรู้ตัว เพราะเริ่มเจ็บอีกแล้ว

ทำเพื่อผลงาน นี่คือผลงานของฉัน!

เมื่อวานจับตัวเฉินเจ๋อเซิง ผลงานจากแปดเปอร์เซ็นต์เพิ่มเป็นสิบเปอร์เซ็นต์ จับผีหนึ่งตน เพิ่มแค่หนึ่งถึงสองจุด แล้วถ้าจะเปลี่ยนเป็นพนักงานประจำจะต้องรอไปถึงเมื่อไร!

อันนี้ดี ฆ่าคนได้ด้วย เป็นผีที่สามารถฆ่าคนได้ คุ้มค่า!

เมื่อเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนวิธีการ หน้าอกก็ไม่เจ็บแล้ว

สวี่ชิงหล่างก็เดินตามเข้าไป แต่ทันทีที่เดินเข้าไปท่ามกลางฝูงชน สวี่ชิงหล่างรู้สึกว่าตัวเองตาลายกะทันหัน รู้สึกมึนศีรษะเล็กน้อย จากนั้นก็ล้มลงไปบนพื้นโดยตรง

“จริงๆ เลย…”

ตอนที่ใช้ฝ่ามือยันพื้นไว้ ได้เสียดสีกับพื้นเป็นแผลถลอก ผิวหนังแตกและมีเลือดไหลออกมา

สวี่ชิงหล่างรีบลุกขึ้นทันที มองไปรอบๆ ล้วนมีแต่กลุ่มผู้คน และยังมีสายกั้นบริเวณที่เกิดเหตุของตำรวจ แต่กลับมองหาเงาร่างของโจวเจ๋อกับผู้หญิงหัวขาดตนนั้นไม่เจอ

เขารู้สึกงงงวย แสงแดดตอนนี้จ้าตาเกินไป อากาศรอบๆ ก็เริ่มอึดอัด ทำให้เขาหายใจไม่ออกอยู่บ้าง

เขารู้สึกสับสนและกลัวเล็กน้อย

ถึงแม้เขาจะฝึกวิชาไม่สูงมาก แต่อย่างไรเสียก็ไม่ใช่มือใหม่ และไม่น่าตกใจกลัวเพราะผีไร้ศีรษะแบบนี้ ทว่าตอนนี้ความรู้สึกกระวนกระวายใจของเขา กลับไม่สามารถอดกลั้นได้ต่อไป

เขาเริ่มตามหา เดินฝ่าฝูงชนไม่หยุด เขากำลังตามหาโจวเจ๋อและตามหาผู้หญิงหัวขาดคนนั้น เขารู้สึกว่าถ้าตามหาหนึ่งในสองคนนี้เจอ ตัวเองจะสามารถหลุดพ้นจากความรู้สึกสับสน กระสับกระส่ายที่อยู่ในหัวได้มากพอ

หาไปเรื่อยๆๆ…

หาไปเรื่อยๆๆ…

เหงื่อแต่ละเม็ดหยดลงมาจากหน้าผากของสวี่ชิงหล่าง เนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ และเริ่มปากแห้ง สวี่ชิงหล่างเงยหน้ามองพระอาทิตย์ เขารู้สึกว่าดวงตาของตัวเองเริ่มลืมไม่ขึ้นแล้ว

ปิ๊ง…

มีเสียงดังสดใสดังมาจากแนวเฉียงด้านหลัง สวี่ชิงหล่างผลักกลุ่มคนออกไปโดยไม่รู้ตัว แล้วเดินโซเซไปทางนั้น

เขาเดินไปที่หน้าร้านบะหมี่แห่งหนึ่ง จากนั้นก็เห็นโจวเจ๋อนั่งอยู่ข้างใน

“คุณอยู่ที่นี่เองเหรอ ผมหาคุณตั้งนาน!”

สวี่ชิงหล่างรู้สึกยินดีปรีดา เมื่อครู่เขาเพิ่งสัมผัสความรู้สึกงุนงงและสิ้นหวัง ยากที่จะบรรยายด้วยคำพูดเหมือนกับคนที่ถูกเนรเทศให้ไปอยู่ในฝันร้ายของตัวเอง

ทำให้คุณสัมผัสไม่ถึงการเริ่มต้น และสัมผัสไม่ได้ถึงจุดสิ้นสุด

สวี่ชิงหล่างวิ่งไปหาโจวเจ๋อ เขาตื่นเต้นดีใจ ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก

จริงๆ แล้วเขาไม่ใช่เกย์ และรสนิยมความชอบของเขาก็ปกติ แต่สวรรค์กลับให้หนังหน้าที่ผิดแก่เขา บางครั้งตัวเขาเองก็ยังแกล้งเล่นไปตามสถานการณ์ แต่จริงๆ แล้วไม่ควรเก็บไปคิด

เขาเห็นโจวเจ๋อลุกขึ้นมา จากนั้นเขาก็เห็นพัดลมเพดานอยู่เหนือศีรษะของโจวเจ๋อ พัดลมเพดานกำลังหมุนติ้วๆหมุนเร็วมาก สวี่ชิงหล่างเผยสีหน้าตกใจออกมา เขาอยากตะโกนให้โจวเจ๋อหลบ อยากตะโกนว่าอย่า แต่ร่างกายของเขากลับวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเคยชิน

ราวกับว่าเขารู้จุดจบของตัวเอง โจวเจ๋อจะอุ้มเขาขึ้นมา จากนั้นก็ชูขึ้น จากนั้นศีรษะของตัวเองก็ถูกตัด…เหมือนกับแตงกวาที่ถูกหั่นให้ขาด

ทว่าเขาไม่เห็นโจวเจ๋ออ้าแขนทั้งสองข้างออก แต่เห็นโจวเจ๋อยกเท้าขึ้นมาแทน

“ปั่ก!” เท้าข้างหนึ่งถีบไปที่ท้องน้อยของเขาอย่างแรง

สวี่ชิงหล่างร่วงไปกองบนพื้นและพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ข้างถนน รถเก๋งคันหนึ่งเพิ่งขับผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว และโจวเจ๋อก็ยืนอยู่ข้างถนน

เนื้อตัวของเขาเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ สวี่ชิงหล่างลูบหน้าผากของตัวเอง

“ผมโดนของเหรอ”

“นายเกือบจะวิ่งไปให้รถชนตายแล้ว” โจวเจ๋อพูดธรรมดา เหมือนกำลังพูดว่า “อ้าว วันนี้อากาศดีจัง”

“สิ่งนั้นแรงขนาดนี้เชียวหรือ” สวี่ชิงหล่างรู้สึกใจเต้นด้วยความกลัว

“เธอน่าจะสัมผัสได้ว่าพวกเราไล่ตามเธอ ดังนั้นจึงชิงลงมือก่อน นี่ไม่เหมือนผีธรรมดาทั่วไป ฆ่าคนเหมือนดื่มน้ำเมื่อครู่ถ้าฉันไม่ห้ามไว้ นายคงถูกรถชนตายไปแล้ว”

“ไม่ใช่ผีแล้วเป็นอะไร”

“เห้งเจียรูดเสานายเคยเห็นไหม”

สวี่ชิงหล่างส่ายหน้า

“ฉันเคยเห็น” โจวเจ๋อถอนหายใจ “เธอเดินข้ามถนน ไปห้างสรรพสินค้าฝั่งตรงข้ามแล้ว นายไม่ต้องตามไป ฉันไล่ตามคนเดียวก็พอ”

“ไร้สาระ เธอเกือบจะฆ่าผมตาย ผมจะปล่อยเธอได้ยังไง!”

สวี่ชิงหล่างลุกขึ้นมาจากพื้น ปัดฝุ่นตามเนื้อตัว

“ผมกลับไปทำกับข้าวก่อนนะ รอคุณฆ่าเธอให้ตาย แล้วกลับมากินข้าว”

โจวเจ๋อพยักหน้า เมื่อวานเขารู้สึกว่าบาทหลวงคนนั้นฉลาด รู้จักประมาณตน ตอนนี้กลับพบว่าเพื่อนบ้านของตัวเองคนนี้ รู้จักประมาณตนมากกว่า

ไฟเขียวแล้ว โจวเจ๋อโบกมือ เดินข้ามตรงทางม้าลาย หลังจากเข้าไปในห้างสรรพสินค้าฝั่งตรงข้ามแล้ว โจวเจ๋อเริ่มค้นหาต่อ

จริงๆ แล้วบางครั้งโจวเจ๋อรู้สึกอึดอัดเหมือนกัน ความสามารถของตัวเอง ดูเหมือนจะเก่งมาก สามารถจัดการไป๋อิงอิงได้อยู่หมัด แต่บางครั้งกลับเหมือนซี่โครงไก่ ไม่ได้เรื่องอะไรเลยอย่างเห็นได้ชัด

ความสามารถของเขาไม่สามารถจับผีได้ในหลายกรณี อาทิเช่น หลังจากผู้หญิงหัวขาดเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้า โจวเจ๋อก็หลงทางในท่ามกลางฝูงชน

และเหตุผลที่โจวเจ๋อรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ผีธรรมดา ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุก็คือ ถึงแม้พลังชี่พิฆาตที่อยู่บนตัวของอีกฝ่ายไม่ได้แรงมาก แต่สามารถฆ่าคนได้ตอนกลางวันแสกๆ แถมยังสามารถใช้เวทมนตร์อำพรางท่ามกลางกลุ่มคนจนเกือบทำให้สวี่ชิงหล่างที่ตามหาตัวเองถูกรถชน

ผีทั่วไปไม่มีความสามารถเช่นนี้

เวลานี้โจวเจ๋อจู่ๆ พบว่าตรงทางลาดเอียงมีผู้หญิงใส่ชุดสเวตเตอร์สีเหลืองคนหนึ่งเดินออกมา แต่เธอมีศีรษะและมีฝ้ากระบนใบหน้า

โจวเจ๋อเดินเข้าไปเมื่อได้สติ แต่กลับพบว่าผู้หญิงใส่สเวตเตอร์สีเหลืองอยู่อีกทางหนึ่งเหมือนกัน จากนั้นเขาก็เห็นอีกหลายคน

โจวเจ๋อจึงตระหนักได้ว่า สเวตเตอร์สีเหลืองเป็นธีมเสื้อผ้าของพนักงานในห้างสรรพสินค้าในวันนี้

แล้วจะตามหาอย่างไร!

โจวเจ๋อเดินไปข้างตู้เย็นแล้วเปิด หยิบน้ำเปล่าออกมาหนึ่งขวด จากนั้นบิดฝาแล้วดื่มทันที

“คุณคะ อาหารและสินค้าในร้านของพวกเรา ต้องชำระเงินก่อนถึงจะเปิดกินได้ค่ะ” พนักงานขายใส่สเวตเตอร์สีเหลืองคนหนึ่งเดินเข้ามาเตือนโจวเจ๋อ

เธอยังเด็กมาก น่าจะเป็นนักเรียนที่หารายได้เสริม

“ขอโทษครับ” โจวเจ๋อหยิบเงินสิบหยวนออกมาหนึ่งใบแล้วยื่นให้เธอ “คุณช่วยคิดเงินให้ผมด้วยครับ”

จากนั้นโจวเจ๋อก็ยื่นมือไปบีบใบหน้าของเธอ

มีความรู้สึก น่าจะเป็นศีรษะจริง

หญิงสาวกลับชี้หน้าต่อว่าโจวเจ๋อด้วยความโกรธและเขินอาย “คุณหมายความว่ายังไง!”

มีเงินแค่สิบหยวน ค่าน้ำเปล่าหนึ่งขวดสองหยวน ได้เงินมาแปดหยวน แล้วคิดว่าจะทำอะไรก็ได้เหรอ!

ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเธอเป็นแบบนั้นหรือเปล่า แต่ได้เงินแค่แปดหยวนก็คิดจะล่วงเกินคนอื่น เกินไปแล้วจริงๆ!

“ขอโทษครับ” โจวเจ๋อโบกมือ แล้วนั่งลงยองๆ ลงกับพื้น

หญิงสาวเดิมทีคิดจะตะโกนว่าจับคนลามกได้ แต่ด้วยการกระทำของโจวเจ๋อ เธอจึงไม่โวยวาย จากนั้นก็หยิบเงินเพื่อไปคิดเงินที่เคาน์เตอร์ชำระเงินด้วยความเดือดดาล

โจวเจ๋อเหยียดนิ้วของตัวเองออกมา เล็บสีดำที่งอกยาวออกมาถูกเขากดลงไปที่พื้น

ฉันไม่เชื่อว่าจะหาเธอไม่เจอ!

อากาศสีดำกลุ่มหนึ่งออกจากปลายเล็บของโจวเจ๋อแทรกซึมลงไปที่พื้น จากนั้นโจวเจ๋อก็เห็นรอยเท้าสีดำปรากฏอยู่ข้างกายตัวเอง รอยเท้าเริ่มขยายออก ลากยาวไปถึงข้างหลังหญิงสาวคนนั้น ที่รับเงินสิบหยวนขของตัวเองไปคิดเงินที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน

…………………………………………………………………………