ในขณะนั้นเอง เมื่อเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ธาตุแสงลอยขึ้นไปในอากาศ ชั้นแสงสีทองเข้มข้นก็พุ่งออกมาจากร่างของโจวเหว่ยชิง ปิดกั้นไม่ให้เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ทำร้ายเขาได้
นั่นคือเกราะป้องกันเทพเจ้าของเขานั่นเอง!
โจวเหว่ยชิงไม่เหลือทางเลือกอื่นอีกแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับทักษะผลกระทบวงกว้างที่ทรงพลังเช่นนั้น เขาไม่อาจคิดถึงสิ่งอื่นได้อีกนอกจากเกราะป้องกันเทพเจ้าเพื่อช่วยชีวิตตนเอง แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะอยู่ในสถานะปีศาจกลายร่าง แต่เขาก็ไม่สามารถใช้ร่างกายแบกรับพลังจากทักษะดังกล่าวได้อย่างเต็มรูปแบบแน่นอน การโจมตีของอีกฝ่ายอาจร้ายแรงกว่าพลังที่ปลดปล่อยออกมาจากจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 7 ชุดทั่วๆ ไปด้วยซ้ำ
ทว่าเนื่องจากเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ธาตุแสงเป็นทักษะผสาน มันจึงมีพลังมากเกินไป นอกจากนี้ ระดับพลังปราณของปีศาจน้อยเซินก็สูงกว่าโจวเหว่ยชิงมากกว่า 12 ระดับอยู่แล้ว ดังนั้นในขณะที่เกราะป้องกันเทพเจ้าของโจวเหว่ยชิงปรากฏขึ้น รอยแตกร้าวก็เริ่มเกิดขึ้นบนนั้นทันที และดูเหมือนว่ามันจะไม่อาจยับยั้งสิ่งที่จะเกิดตามมาได้
ในแง่ของปฏิกิริยาตอบสนองและสติคิดคำนวณระหว่างการต่อสู้ โจวเหว่ยชิงนั้นถือว่าเฉียบขาดมาก ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนี้ เพื่อช่วยเหลือตัวเองให้รอดพ้นจากหายนะ จู่ๆ ร่างกายของเขาก็ตอบสนองโดยไม่รู้ตัว
เท้าขวาปีศาจของเขากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง และการระเบิดครั้งใหญ่ที่ตามมาทำให้เกิดคลื่นกระแทกผลักเปลวไฟที่ล้อมรอบเขาอยู่ให้กระจายกลับไป ในขณะเดียวกัน ร่างของโจวเหว่ยชิงก็จมลึกลงไปด้านล่าง เท้าของเขากระแทกลงพื้นเวทีทำให้ร่างของเขาหล่นร่วงลงไปในหลุมลึกที่ตนเองสร้างขึ้น ในเวลาเดียวกัน โจวเหว่ยชิงก็ยกค้อนคู่ในตำนานขึ้นปกป้องศีรษะตนเองไว้ที่ด้านบนด้วย
เมื่อพลังของสถานะปีศาจกลายร่างรวมกับพลังของค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนาน เวลานั้นก็อาจกล่าวได้ว่าโจวเหว่ยชิงได้เข้าสู่ขีดจำกัดสูงสุดของตนเองแล้ว นอกจากนี้ เปลวไฟเหล่านั้นยังกวาดไปทั่วเวทีก่อนที่จะลอยกลับขึ้นไปในอากาศและไม่ได้มุ่งหน้าลงไปข้างล่างอีก ไม่มีใครคาดคิดว่าโจวเหว่ยชิงจะใช้วิธีแปลกๆ เช่นนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงของเปลวไฟ
นั่นรวมถึงอู๋เยว่หาน คนไม่กี่คนที่เกือบจะกระโดดเข้าไปลงมือช่วยเขา หญิงสาวพลันหยุดชะงักทันทีที่ได้เห็นแสงสีดำเหลือบทองสะท้อนออกมาพร้อมแรงระเบิดลูกนั้น
เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ธาตุแสงนั้นปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าก็จากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ถึงอย่างไรมันก็เป็นทักษะที่ทรงพลังและค่อนข้างเกินระดับปัจจุบันของปีศาจน้อยเซินไปมาก ด้วยเหตุนี้มันจึงเผาผลาญพลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอคิดจะใช้มันกำจัดเขาในครั้งเดียวเช่นนี้
ปีศาจน้อยเซินไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่าโจวเหว่ยชิงจะใช้กลวิธีเดียวกับที่เธอเคยทำมาก่อนหน้านี้ นั่นก็คือการใช้เกราะป้องกันเทพเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น การเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดและไม่มีใครคาดคิดเช่นการขุดหลุมลงไปในเวทีกลับสามารถช่วยชีวิตเขาไว้และทำให้ชายหนุ่มรอดพ้นจากการโจมตีหมายเอาชีวิตของเธอได้ในที่สุด
ในช่วงเวลานั้น ปีศาจน้อยเซินพลันรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา คนๆ นี้เป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ชุดจริงๆ หรือ? ตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ โจวเหว่ยชิงได้ใช้ทักษะธาตุมืด ธาตุปีศาจ ธาตุมิติ ธาตุลม ธาตุสายฟ้า รวมกันเป็นทักษะธาตุ 5 ชนิดแล้ว! นอกจากนี้ 2 ในนั้นยังเป็นมหาทักษะธาตุ! และนั่นก็ยังไม่ได้นับรวมทักษะธาตุปีศาจเข้าไปด้วย ที่สำคัญกว่านั้น เขายังสามารถใช้การสถานะปีศาจกลายร่างที่มีชื่อเสียงของนิกายปีศาจสวรรค์ได้ ราวกับว่านั่นยังไม่เพียงพอ เขายังปลดปล่อยศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าออกมาอีก!
ปีศาจน้อยเซินมั่นใจว่าแม้จะเป็นมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 เธอก็ไม่อาจหาจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ชุดคนใดที่ทัดเทียมกับเขาได้
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความสงสัยอยู่ในใจมากมาย แต่การโจมตีของเธอก็ไม่ได้โอนอ่อนหรือช้าลงแต่อย่างใด
แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะช่วยชีวิตตนเองไว้ได้ชั่วคราวโดยการขุดหลุมหลบเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ธาตุแสง แต่นั่นก็ทำให้เขาติดอยู่กลางพื้นดินที่ล้อมรอบไปด้วยหินเพชรที่แข็งแกร่งอย่างไร้ทางหลบหนี
ดาบสั้นศาสตรามณียุทธ์ซึ่งถูกกำจัดโดยทักษะสายฟ้าเขย่าสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงก่อนหน้านี้พลันปรากฏขึ้นในมือของปีศาจน้อยเซินอีกครั้ง เธอไม่ได้ใช้ศาสตรามณียุทธ์อื่นๆ อีกเนื่องจากพลังปราณสวรรค์ของเธอลดเหลือต่ำมากจนน่ากลัว นอกเหนือจากพลังปราณที่ถูกเผาผลาญไปกับเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ธาตุแสง การถูกอีกฝ่ายใช้ทักษะกลืนกินเล่นงานเพียง 2 ครั้งก็ระบายพลังปราณสวรรค์ของเธอออกไปเกือบ 2 ใน 10 ส่วนแล้ว
เมื่อใบมีดสั้นตัดผ่านอากาศอย่างรุนแรง เปลวไฟจำนวนมากก็ก่อตัวเป็นรูปร่างมีดที่ด้านหน้าของดาบจริง ก่อนจะพุ่งลงไปที่โจวเหว่ยชิงทันที
เช่นเดียวกับที่หานปิงให้ความสำคัญกับทักษะแท่งน้ำแข็งเหมันต์ ปีศาจน้อยเซินก็มีทักษะที่เธอให้ความสนใจมากที่สุด และมันก็คือทักษะที่เธอใช้อยู่ตอนนี้ ‘ทักษะเปลวไฟเชือดเฉือน’ มันมีระยะโจมตีเกือบ 20 หลา และมีพลังเจาะทะลวงที่น่าประทับใจซ่อนอยู่เบื้องหลังความร้อนของเปลวไฟเหล่านี้ วิธีการฝึกฝนทักษะเปลวไฟเชือดเฉือนนี้เป็นหนึ่งในศาสตร์ลับของหุบเขาอเวจีสีเลือดซึ่งมีเพียงทายาทผู้ที่มีเชื้อสายสืบทอดเท่านั้นที่สามารถเรียนรู้ได้ ศาสตร์ลับนี้ไม่ใช่แค่การกักเก็บทักษะ แต่ยังรวมถึงวิธีการใช้งานและทุกๆ อย่าง รวมไปถึงประเภทใบมีดสั้นของศาสตรามณียุทธ์ด้วย
ในขณะที่ทักษะเปลวไฟเชือดเฉือนพุ่งลงไปข้างล่าง โจวเหว่ยชิงก็กระโดดขึ้นมาจากหลุมที่เขาอยู่ทันที ในเวลาเดียวกัน เขาก็โยนค้อนในมือทั้ง 2 ไปทางปีศาจน้อยเซิน
สัญลักษณ์ใบหน้าที่ยิ้มแย้มและร้องไห้บนค้อนทองคำเหลือบดำขนาดใหญ่นั้นชัดเจนมาก ส่งผลให้ค้อนทั้งสองดูแตกต่างกันอย่างน่าเหลือเชื่อ
ค้อนขนาดใหญ่ที่ทะยานไปด้านบนพลันเรืองแสงสีเขียวเงิน เข้มข้น ในขณะที่ค้อนอีกอันซึ่งพุ่งตามมาด้านหลังมีสีทองเข้มตามปกติ หน้าหนึ่ง หลังหนึ่ง พวกมันโลดแล่นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วทะลุทะลวงและเสียงหวีดหวิวขณะที่ตัดผ่านอากาศ
นี่คือประโยชน์ของความแข็งแกร่งทางกายภาพอันยิ่งใหญ่เมื่ออยู่ในสถานะปีศาจกลายร่าง
เมื่อพลังของบุคคลหนึ่งพุ่งไปถึงระดับหนึ่ง ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาก็เพียงพอแล้วที่จะทำหลายๆ สิ่งให้สำเร็จ และนั่นก็แทบจะไม่ด้อยไปกว่าทักษะกักเก็บทั่วๆ ไปเลยด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่โจวเหว่ยชิงเพิ่งโยนออกไปคือศาสตรามณียุทธ์ในตำนาน!
หลังจากขว้างค้อนออกไปแล้ว โจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้ติดตามพวกมันไป ราวกับว่าเขาฝากความหวังทั้งหมดไว้กับค้อนคู่ในตำนานของตนเองแล้ว ในทางตรงกันข้าม เขากลับหย่อนตัวลงไปในหลุมที่เขาสร้างอีกครั้ง ร่างกายของเขาเอนไปด้านหน้า ปักขาซ้ายลงกับพื้นและใช้เป็นแกนหมุน ร่างกายของเขาแทบจะแนบไปกับพื้นในขณะที่ขาขวาสีดำสนิทถูกยกขึ้นไปในอากาศ
ตะขอรูปร่างแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นที่เท้าขวาของเขา เปล่งแสงเลือนลางขึ้นมาอย่างน่าพิศวงจนเกือบจะคล้ายแสงแห่งความชั่วร้าย
กลางอากาศ ค้อนที่มีแสงสีเขียวเงินเรืองรองขึ้นมาพร้อมกับสัญลักษณ์ใบหน้าที่กำลังร้องไห้ มันบินตรงไปยังเป้าหมายของมันอย่างแน่วแน่ ไม่มีใครรู้เบื้องหลังของมัน แต่ค้อนชิ้นนี้เป็นค้อนจริงในชุดศาสตรามณียุทธ์คู่นี้
โจวเหว่ยชิงใช้ทักษะการยิงธนูเป็นพื้นฐานในการขว้างค้อน และแน่นอนว่ามันย่อมไม่พลาดเป้า
ปีศาจน้อยเซินสามารถเคลื่อนย้ายการโจมตีของเธอไปด้านข้างได้อย่างง่ายดาย ทำให้ทักษะเปลวไฟเชือดเฉือนสามารถหลบหลีกค้อนและมุ่งหน้าต่อไปยังโจวเหว่ยชิงได้ในพริบตา ทว่าในความเป็นจริงหญิงสาวจะทำเช่นนั้นได้จริง หรือ?
เห็นได้ชัดว่าคำตอบคือไม่
โจวเหว่ยชิงทำให้เธอประหลาดใจอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ค้อนที่เขาขว้างออกไปก็ยังเป็นถึงศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้านั้นทรงพลังและมีความลับซ่อนอยู่มากมาย นอกจากนี้ยังเห็นได้ชัดว่าค้อนอันแรกที่พุ่งเข้าหาหญิงสาวก็มีทักษะผสานเป็นของตัวเองเช่นกัน
อันที่จริง แสงสีเขียวเงินรอบค้อนนั้นเป็นตัวแทนของทักษะกระชากมิติสีเงิน ทักษะผสานซึ่งรวมทักษะกระชากมิติและทักษะสะบัดปีกเฉือนเข้าด้วยกันเพื่อสร้างทักษะที่ให้ผลร้ายแรงที่สุดของจักรพรรดิสีเงิน
แน่นอนว่าเหตุผลที่โจวเหว่ยชิงสามารถใช้ทักษะผสานนี้ได้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่เขาไปถึงมณี 6 ชุดหรือ 7 ชุด เหตุก็เพราะขณะที่เขากักเก็บทักษะเหล่านั้นมา พวกมันก็มาพร้อมกับความสามารถในการผสานเพื่อสร้างทักษะอีกชนิดอยู่แล้ว ซึ่งทักษะนี้เป็นหนึ่งในความสามารถโดยกำเนิดของจักรพรรดิสีเงิน…อาจกล่าวได้ว่าเขาได้กักเก็บทักษะผสานของจักรพรรดิสีเงินมาโดยไม่รู้ตัว แม้ว่ามันจะเผาผลาญพลังปราณสวรรค์ไปมหาศาล แต่ทักษะนี้ก็ยังเป็นทักษะที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับมณี 3 ชุดของเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขายังใช้ค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนานเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มพลังของมันด้วย!
ค้อนคู่ในตำนานสามารถช่วยลดการเผาผลาญพลังปราณได้เกือบครึ่งหนึ่งและเพิ่มพลังโจมตีได้เกือบสองเท่า เมื่อเทียบกับศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าทั่วๆ ไป ค้อนคู่นี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเหตุใดชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานจึงเป็นที่ต้องการอย่างมาก
แน่นอนว่าปีศาจน้อยเซินไม่รู้เรื่องทั้งหมดนั้น แต่จากสิ่งที่เธอสังเกตเห็นได้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หญิงสาวต้องเร่งป้องกันไม่ให้ค้อนนั้นโจมตีตัวเองได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงต้องยอมให้ทักษะเปลวไฟเชือดเฉือนเข้าปะทะกับมันแทน
แรงระเบิดทำให้เกิดเสียงอึกทึกสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งจตุรัสอีกครั้ง เปลวไฟพลันระเบิดและกระจายตัวออกไปบนท้องฟ้ากลายเป็นภาพดอกไม้ไฟที่น่าตื่นตาตื่นใจ ตามทฤษฎีแล้ว ทักษะเปลวไฟเชือดเฉือนไม่น่าจะมีพลังมากไปกว่าทักษะผสานที่สร้างขึ้นจากทักษะระดับ 10 ดาวทั้ง 2 ชนิด แต่เนื่องจากความแตกต่างระหว่างระดับพลังปราณของทั้งสองนั้นมีมากเกินไป ผลของมันจึงออกมาเป็นเช่นนี้
หลังการปะทะกันครั้งนี้ ทักษะเปลวไฟเชือดเฉือนพลันสลายหายไปทันที ขณะที่ค้อนในตำนานอันแรกของโจว เหว่ยชิงร่วงลงสู่พื้นพร้อมกับที่ทักษะกระชากมิติสีเงินสิ้นฤทธิ์ไปเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ค้อนรูปใบหน้ายิ้มที่พุ่งตามหลังมาติดๆ ตอนนี้ก็มาถึงร่างของปีศาจน้อยเซินแล้วเช่นกัน
สำหรับปีศาจน้อยเซิน ดูเหมือนว่าค้อนนี้จะไม่มีทักษะใดๆ ฝังอยู่ภายในเหมือนชิ้นก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม หญิงสาวก็ยังไม่กล้าเสี่ยงอยู่ดี เธอไม่ได้พยายามปัดป้องมันด้วยดาบสั้นของตนเอง แต่กลับเก็บดาบไว้และพยายามจะผลักค้อนออกไปด้วยมือทั้งสองข้างของตัวเอง ในวินาทีนั้น พลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาลก็ถูกขับออกมาจากฝ่ามือของเธอเพื่อปิดกั้นค้อนเอาไว้
แม้ว่าทักษะเปลวไฟเชือดเฉือนของปีศาจน้อยเซินจะปะทะกับค้อนชิ้นแรกจากระยะไกลๆ แต่เธอก็ยังสามารถสัมผัสถึงน้ำหนักที่น่าสะพรึงกลัว รวมถึงพลังที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังค้อนนั้นได้ ด้วยเหตุนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับค้อนอีกชิ้น เธอจึงต้องป้องกันตัวเองด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
นี่เป็นอีกหนึ่งกลอุบายของค้อนคู่
*พรึ่บ* พลังทั้งหมดของปีศาจน้อยเซินก็ถูกปลดปล่อยออกมากลางอากาศ ค้อนนั้นถูกกระแทกกลับออกไปอย่างแท้จริง แต่เธอกลับไม่รู้สึกถึงน้ำหนักหรือการโจมตีใดๆ ที่มีอยู่เบื้องหลังค้อนนี้เลย!
แม้จะเป็นคนที่มีพลังสูงส่งเช่นเธอ แต่เมื่อต้องโจมตีใส่ความว่างเปล่าอย่างเต็มกำลัง ร่างกายของเธอจึงสะดุดไปข้างหน้าและสูญเสียการทรงตัวทันที หากไม่ใช่เพราะทักษะการควบคุมที่โดดเด่นของเธอ การใช้พลังผิดพลาดอาจทำให้เธออาเจียนเป็นเลือดและได้รับบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรงได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะสามารถกลับมาทรงตัวได้ดังเดิม แต่นั่นก็ทำให้เธอสูญเสียโอกาสในการโจมตีโจวเหว่ยชิงต่อเช่นกัน ในเวลาเดียวกัน แม้รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตนเองไม่ได้รับผลกระทบจากค้อนชิ้นนั้น แต่ก็การเคลื่อนไหวของเธอกลับช้าลงอย่างน่าแปลกใจ
แม้ว่าค้อนอันที่ 2 จะดูเหมือนไม่มีสิ่งใดซุกซ่อนอยู่เบื้องหลัง ทว่ามันกลับมีทักษะหนึ่งซ่อนอยู่ในตัว! ค้อนสุดท้ายมีเพียงทักษะเดียว และมันคือทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์!
เกิดเสียงที่ดัง *ตูม* ปีศาจน้อยเซินพลันร่วงลงมาบนเวทีเนื่องจากพลาดพลั้งใช้พลังผิด ทั้งยังได้รับผลกระทบจากทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ เป็นปาฏิหาริย์อย่างแท้จริงที่เธอยังคงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่หญิงสาวก็ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างเต็มที่ และร่วงลงมาปะทะกับเวทีอย่างรุนแรง แม้จะมีพลังปราณสวรรค์คอยปกป้องร่างกาย แต่เธอก็ยังคงรู้สึกเวียนศีรษะไปชั่วขณะ
ในสายตาของผู้ชม ปีศาจน้อยเซินเพิ่งถูกทุบให้ตกลงมาด้วยค้อนอันนั้น
ตอนนี้ไม่เพียงแต่สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่จะรวมตัวกันที่ประตูทางเข้าเรือนพักของพวกเขา แม้แต่สมาชิกของกลุ่มนักรบตันตุ้นในอีกด้านหนึ่งก็ทำเช่นเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดต่างก็รู้สึกตึงเครียดและกระวนกระวายใจขณะเฝ้าดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขา
ไม่มีใครแม้แต่หลินเทียนอ้าวเคยจินตนาการว่าปีศาจน้อยเซินซึ่งเป็นอัจฉริยะอันดับต้นๆจากหุบเขาอเวจีสีเลือด ผู้ซึ่งมีมณี 6 ชุดจะถูกจัดการโดยคนอย่างโจวเหว่ยชิง นั่นยังถึงขนาดที่ทำให้เธอต้องปลดปล่อยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ธาตุแสงอันทรงพลังนั้นออกมา!
ปีศาจน้อยเซินพลิกตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กระโดดกลับขึ้นมายืนบนพื้น อย่างไรก็ตาม ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ทำให้เธอเสียจังหวะไปชั่วขณะ รู้สึกอึดอัดราวกับว่าไม่ได้อยู่ในร่างกายของตัวเอง ไม่ว่าหญิงสาวจะหมุนเวียนพลังปราณสวรรค์อย่างไร เธอก็ไม่สามารถขับไล่ความรู้สึกแปลกๆ นั้นออกไปได้ ด้วยเหตุนี้ เมื่อเธอยืนขึ้น เธอจึงยังไม่คืนสู่สมดุลอย่างสมบูรณ์เต็มร้อยขณะหันหน้าไปเผชิญกับโจวเหว่ยชิงที่เตรียมพร้อมอยู่ในท่าทางแปลกประหลาด
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเธอได้ทันทีคือขาขวาของเขาที่ยกขึ้นสูงในอากาศ ก่อนหน้านี้ มันก็คือขาขวาข้างนี้ที่เกือบจะทำลายเกราะป้องกันเทพเจ้าของเธอได้ ตอนนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้ตรวจสอบมันอย่างใกล้ชิด และในที่สุดปีศาจน้อยเซินก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าขาขวาของเขากลายเป็นตะขอสีดำรูปร่างน่าพิศวง และตอนนี้ตะขอนั้นก็กำลังเรืองรองออกมาอย่างแปลกประหลาด
สีดำ สีเทา และสีฟ้า แสงทั้ง 3 สีหมุนวนรอบตะขอสีดำ กลายเป็นลูกบอลแสงที่ขยับวูบวาบไปมา ร่างกายของ โจวเหว่ยชิงสั่นสะท้านขณะที่เขายืนโดยใช้ขาซ้ายพยุงขาขวาเพียงข้างเดียว
……………………………………………………………